โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

10. วาจาสุภาษิต


ลูกรัก...กลางดึกของคืนวันนี้ วันที่ 17 กรกฎาคม 2552 พ่อนั่งริมหน้าต่างบ้านหลังเก่ากลางดงไม้ ที่เมืองกาญจนบุรี มองไปนอกหน้าต่าง

วาจาสุภาษิต

โสภณ เปียสนิท

...........................   

 

            ลูกรัก...กลางดึกของคืนวันนี้ วันที่ 17 กรกฎาคม 2552 พ่อนั่งริมหน้าต่างบ้านหลังเก่ากลางดงไม้ ที่เมืองกาญจนบุรี มองไปนอกหน้าต่าง เห็นความมืดแห่งรัตติกาลปกคลุมไปทั่ว ดีหน่อยที่บนท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลมีดาวจำนวนมากแขวนดวงกลาดเกลื่อนเป็นเพื่อนท้องฟ้า แม้ส่องแสงสว่างแวมเพียงน้อย แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดมิด ช่างมากมีคุณค่าทางจิตใจ มีกวีคนหนึ่งเขียนเรื่องเพื่อนไว้ไพเราะมากว่า “มีเพื่อนแท้แค่หนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา เหมือนมีเกลือนิดหน่อยด้อยราคา ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล” เห็นไหมว่าพ่อนำเรื่องเพื่อนกับเรื่องแสงวับแวมเล็กน้อยจากดวงดาวรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้

 

                วันก่อนพ่อได้ยินลูกพูดกับแม่ด้วยคำที่ไม่ไพเราะนัก จึงเกิดความคิดว่า ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ พระได้สอนเรื่องไว้อย่างไรบ้าง เพื่อจะนำมาสอนลูกให้รู้ว่า คำไม่ไพเราะนั้นไม่เหมาะสม แม้กับใครก็ตาม ยิ่งพูดกับคนที่เป็นแม่ยิ่งไม่ควร เพราะพระสอนว่า แม่คือพรหม หรือ พระอรหันต์ของลูก หมายถึงว่า แม่อยู่ในฐานะที่สูงสุดของลูกทุกคน พ่อจะสอนลูกในตอนนั้นทันที ก็ดูเหมือนว่าทั้งลูกและแม่ยังอยู่ในอารมณ์ที่ขุ่นมัว ใจของลูกยังไม่เหมาะจะรองรับคำสอนของพระ จึงคิดว่าพ่อควรจะบันทึกไว้ให้ลูกได้อ่านจะดีกว่า

                พระสอนไว้ในมงคลแห่งชีวิต 38 ประการ ข้อที่ 10 เรื่อง “วาจาสุภาษิต” สอนให้รู้ว่าการพูดคำที่ไพเราะนั้นเป็นมงคลแก่ชีวิต คนเราควรพูดถ้อยคำไพเราะเสมอ ไม่ควรใช้คำพูดเพื่อทำร้ายผู้อื่น ทั้งคนใกล้และคนไกลตัว เหมือน “ปลาอาศัยปากหากิน แต่ปากอาจทำให้ปลาติดเบ็ดจนเสียชีวิตได้เช่นกัน” ส่วนคนเราก็เช่นกัน “ใช้ปากก้าวสู่ความสำเร็จได้ ปากครั้งปากก็พาจน ทำตนให้เสียหาย เสียชื่อ เสียทรัพย์ เสียอิสรภาพ บางครั้งถึงเสียชีวิต” “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่นำมายกตัวอย่างเพื่อคุยกัน “คนเรามีตาสองข้าง มีหูสองข้าง จมูกสองรู  แต่ทำหน้าที่เพียงอย่างเดียว ส่วนปากมีปากเดียว แต่ทำหน้าที่สองอย่าง คือกิน และพูด”

 

            เมื่อวันก่อนโน้น ลูกเคยถามพ่อว่า “คำพูดที่เป็นวาจาสุภาษิตนั้นต้องพูดอย่างไร” ซึ่งพ่อได้ตอบไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าลูกจำได้หรือไม่ จึงขอนำมาตอบไว้ตรงนี้อีกครั้งว่า “การพูดดีคือวาจาสุภาษิตนั้นต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ ข้อ 1. ต้องเป็นคำจริง 2. ต้องเป็นคำสุภาพ 3. ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ 4. มีจิตเมตตา 5. ถูกกาลเทศะ ถูกเวลา ถูกสถานที่” รู้ดังนี้แล้ว นับแต่นี้ไป เมื่อลูกจะพูดต้องคำนึงว่า สิ่งที่พูดต้องเป็นเรื่องจริง ต้องพูดอย่างสุภาพ พูดแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ พูดแล้วไม่เกิดประโยชน์เราก็ไม่พูด ต้องพูดด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตา และเลือกเวลาและสถานที่ ที่เหมาะสมในการพูดจา จึงจะเป็นการดี”

 

                พระเวียตนามรูปหนึ่ง ท่านเป็นที่เคารพรักของชาวพุทธทั่วโลก ชื่อว่า หลวงปู่ติช นัท ฮันท์ สอนศิษย์ของท่านเสมอให้พินิจพิเคราะห์ให้ดีว่า “เราพูดให้คนมีความสุขครั้งสุดท้ายเมื่อใด” หากยังนึกไม่ออกก็อาจตั้งคำถามใหม่ว่า “ลูกพูดถึงความดีของคนวันละกี่ครั้ง” เพราะท่านเห็นว่า คนเรามักใช้ปากเหมือนหอกอันแหลมคม ทิ่มแทงผู้อื่นอยู่เสมอ ซึ่งโดยแท้แล้ว ปากของเรามีค่ามากกว่านั้นมาก เราควรพูดแต่สิ่งดี ยกย่องชื่นชม ให้กำลังใจแก่คนทุกคน

 

               สังเกตดูให้ดีแล้วจะพบว่า “คนเรามักใช้วาจาทำร้ายผู้อื่นมากกว่าการใช้วาจาเพื่อทำให้คนรอบข้างมีความสุข” ข้อนี้หากพิจารณาให้ถี่ถ้วนจะเห็นว่าเป็นความจริง นักปราชญ์ทางสังคมกล่าวว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม คือคนเราไม่ว่าจะดีหรือเลวสุดๆ อย่างไร ก็ต้องอยู่อาศัยด้วยกันในสังคม แล้วเหตุใดจึงใช้วาจาทำร้ายกัน ดูเหมือนว่าไม่สมเหตุสมผล อย่างที่ควรจะเป็น

 

               ลูกรักเพื่อให้ลูกได้ศึกษาถึงความสำคัญของการใช้คำพูด จึงขอยกคำคมมากล่าวไว้อีก “คนฉลาดไม่ใช่เป็นแต่พูดเท่านั้น ต้องนิ่งเป็นด้วย” คำกล่าวนี้มุ่งเน้นความสำคัญของการ “นิ่ง” โดยยึดคติไทยโบราณที่ว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” บางครั้งบางเหตุการณ์ การนิ่งเฉยเป็นประโยชน์มากกว่าการพูดเสียด้วยซ้ำ เขียนถึงตรงนี้ พ่อนึกถึงคำของท่านศาสตราจารย์พิเศษ จำนง ทองประเสริฐ อาจารย์ของพ่อเคยสอนว่า “บางครั้งหากเราไม่พูด คนอื่นก็ไม่รู้ว่าเราไม่รู้” คำสอนของท่านช่างเข้ากับสุภาษิตของต้นนั้นเสียจริง

 

              เมื่อเรียนรู้ความสำคัญของการพูด ลูกควรรู้ด้วยว่า การพูดคำไพเราะอ่อนหวานนั้นมีอานิสงส์อย่างไร เรื่องนี้พระสอนว่า 1. การพูดที่ดีทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ 2. ทำให้เป็นที่รักของคนรอบกาย 3. ทำให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า 4. ทำให้มีวาจาสิทธิ์ 5. ย่อมได้ยินได้ฟังแต่สิ่งที่ดีงาม และ 6. ที่สำคัญการพูดไพเราะทำให้ไม่ตกอบายภูมิ

 

                  การพูดดีมีผลมากมายถึงปานนี้ ลูกจะคิดเห็นเป็นอย่างไร ขอให้ลูกพิจารณาให้ดี หากลูกต้องการให้ชีวิตของลูกดีงาม มีมงคลตลอดชีวิต ก็ต้องฝึกตัวเองให้พูดจาไพเราะไว้เสมอ ฝึกมากเข้าก็จะกลายเป็นความเคยชิน  จึงเป็นหลักประกันได้ว่า ชีวิตของเรามีมงคลในข้อนี้ตลอดเวลา อีกอย่างหนึ่งหากลูกพูดจาไพเราะเสมอ ถือได้ว่า ลูกมีความเคารพนับถือในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการปฏิบัติบูชา

 

                   พ่อยังมีผลงานของนักกลอนคนสำคัญของประเทศมาเขียนไว้ที่นี่เพื่อให้ลูกได้อ่าน ท่านชื่อว่าสุนทรภู่ บ้านเกิดอยู่ระยอง รับราชการเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 2 พระพุทธเลิศหล้านภาลัย กล่าวกันว่าปฏิภาณกวีของท่านฉับไวเป็นที่เลื่องลือ คำกวีที่สอนเกี่ยวกับคำพูดของสุนทรภู่มีอยู่มากมาย และมักมีคนนำมาเอ่ยอ้างถึงเสมอ เช่น “ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา” บทนี้บอกว่า การพูดดีทำให้มีเกียรติยศ เป็นที่รักของผู้คนทั่วไป แต่ตรงกันข้ามหากพูดไม่ดี อาจทำให้ถึงตายได้ มิตรก็หมางเมิน ดีหรือชั่วเพราะคำพูดนี่เอง

 

              อีกบทหนึ่งท่านเขียนไว้ว่า “ปากเป็นเอกเลขที่โทโบราณว่า หนังสือเป็นตรีชั่วดีเป็นตราอัชฌาศัย” สอนว่าการพูดจานั้นสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด การเรียนรู้อ่านเขียนยังมีความสำคัญรองลงมา แต่ที่สำคัญ คนเรานั้นมีความดีความชั่วเป็นตราประทับตลอดกาล ยังมีอีก ท่านเขียนว่า “อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย อันเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ” บทนี้สอนว่า รสหวานจากผลไม้ตามธรรมชาติที่ว่าหวานหอมเป็นที่ติดอกติดใจของหมู่ชน ยังไม่ติดใจนรชนเท่ากับความหวานแห่งถ้อยคำอันแสนไพเราะ แต่ในมุมตรงกันข้าม ความเจ็บปวดใดๆ ที่มีอยู่ในชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเจ็บกายหรือเจ็บใจ ไม่นานนักก็จักหายไป แต่คำพูดเหน็บแนมนั้นกลับเจ็บยิ่งกว่า เรียกว่าเจ็บจนตายยังไม่ลืม เห็นหรือยังลูกรักของพ่อ คำพูดของเรานั้นหากไพเราะเป็นที่รัก คนฟังก็ประทับใจไม่ลืมเลือน แต่หากคำพูดนั้นเปื้อนบาปหยาบคาย คนฟังจะเจ็บจำฝังใจจนวันสุดท้ายของชีวิต ฟังเรื่องนี้แล้วลูกได้คิดบ้างหรือยังว่าจะทำอย่างไรกับคำพูดจาของเรา

 

                 อีกบทหนึ่งที่พ่อจำได้ ท่านเขียนว่า “เป็นมนุษย์สุดนิยมที่ลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา แม้นพูดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ” ไพเราะนักนะลูกรัก แถมยังมีความหมายลึกซึ้งกินใจ พ่ออ่านบทกวีเหล่านี้สองสามครั้งก็จำได้ขึ้นใจ ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จนถึงวันนี้ยาวนานเกินสามสิบปีแล้ว ท่านสอนว่า ลมปากทำให้คนพูดอิ่มก็ได้ อดก็ได้ ทำให้อิ่มหมายความว่า คนเราสามารถใช้คำพูดคำจาหากิน หรือเป็นใบเบิกทางไปสู่ความสำเร็จได้ และเช่นกัน คำพูดอาจทำให้ชีวิตของคนล้มเหลวได้

 

                ตอนเล็กๆ พ่อเคยอ่านเรื่อง “โคนันทวิศาล” ให้ลูกฟัง โตมาหน่อยพ่อก็ยังซื้อหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้มาให้ลูกอ่านอีกรอบ ภาพในหนังสือเล่มนั้นสวยงามมาก ตัวหนังสือใหญ่พอควรอ่านได้สบายตา เพราะพ่อเห็นว่า เรื่องนี้มุ่งสอนให้ผู้อ่านตระหนักถึงคำพูดอันไพเราะอ่อนหวาน หวังว่าลูกจะจำได้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์

 

                   ลูกรัก แม้ว่าในวันนี้พ่อจะเขียนถึงลูกเกี่ยวกับเรื่อง “คำพูด” แต่ในภาพรวมแล้ว คนเราต้องดูแลตัวเองในสามด้าน คือ “กาย วาจา ใจ” ให้มีคุณภาพที่ดี ถือเสมือนว่า ทั้งสามอย่างนั้นเป็นสิ่งมีค่าสูงสุด ควรได้รับการดูแลให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แต่ทั้งสามอย่างนั้นเกี่ยวพันและสืบเนื่องกันตามลำดับ ใจต้องคิดถูกคิดดีก่อน วาจาจึงอ่อนหวานไพเราะ กายจึงทำเรื่องดีๆ เป็นลำดับสุดท้าย

หมายเลขบันทึก: 367537เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2010 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 13:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เรียน คุณโสภณ

อยากให้ลูกของหลายๆคนได้อ่านคำสอนของคุณ เพราะเด็กทุกวันนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ดิฉันอยากเห็นภาพเดิมๆในอดีตที่ลูกหลานเคารพนับถือผู้หลักผู้ใหญ่ พ่อ แม่และญาติพี่น้อง ช่างเป็นความงดงามยิ่งนัก จะอย่างไรก็ตามหัวอกความเป็นพ่อ แม่ ก็คงจะต้องดูแลกันต่อไปคะ

ขอขอบพระคุณ

มิโดริ

วันนี้แปลกจังค่ะ ไม่สมารถเรียกเครื่องมือจัดการข้อความ ได้

จึงไม่ได้ระบายสีอักษร บนข้อความแสดงความคิดเห็น (comment)

วันนี้ เริ่มทำหนังสือ โดย คัดลอกมาแล้วทำให้ Front ใหญ่ขึ้นค่ะ จึงได้ประโยชน์ สองต่อค่ะท่าน

คือเด็กๆได้อ่าน ✿อุ้มบุญ✿ ก็สามารถ เลือกแบบอักษร (Front ) ตามใจชอบ

ขอบพระคุณอีกครั้ง

ขอให้มีความสุขในวันหยุดพักผ่อนนะคะ

ระลึกถึงพระคุณครู........เสมอ

Ico48เรียนคุณบุษรินทร์ครับ

  • ขอบคุณที่เห็นคุณค่าของงานเขียน
  • ช่างทำให้เกิดกำลังใจที่อยากเขียนงานต่อไป
  • ขออภัยที่ตอบช้า เวลาคงผ่านไปนาน
  • จนคนเขียนไว้ลืมเลือนไปแล้ว

Ico48เรียนคุณอุ้มบุญครับ

  • วันนี้เพิ่งจะอ่านพบคำวิพากษ์
  • ที่เขียนไว้นานแล้ว
  • จึงได้ตอบย้อนหลังนะครับ

26/12/55  ขอบพระคุณครับ พี่  ขอนำความรู้ไปใช้นะครับ 


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท