คุณ Nidnoi เขียนวิเคราะห์เรื่องพฤติกรรมของเพื่อนนักอ่านบล็อกว่า อ่านแล้วเขาคิดเห็นแตกต่าง จึงไม่กล้าแสดงข้อคิดเห็นไว้
ดิฉันได้เสนอเทคนิคการเชื้อเชิญเพื่อนคนนั้นมาเขียน comment ไว้ดังนี้คะ
อ่านรายละเอียดในบันทึกของคุณ Nidnoi ได้ที่ http://gotoknow.org/blog/nidnoi/36457 แล้วอย่าลืมให้ความเห็นที่คุณ Nidnoi ด้วยนะคะ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนคะ และ เป็นการช่วยกันเปลี่ยนคนอ่าน (Lurker) มาเป็นคนเขียน (Blogger) ค่ะ
ตัวอย่างเช่น ผมมีปัญหาอ่อนความรู้ทาง km
> อ่านชื่อย่อไม่เข้าใจ เช่น B2B, F2F, ฯลฯ + ไม่มีโอกาสเข้ารับการอบรม
> อาจารย์ มน. ทราบ ท่านกรุณาส่งหนังสือการจัดการความรู้ของท่านอาจารย์ ศ.นพ.วิจารณ์ไปให้
ตัวอย่างเช่น มีอาจารย์ท่านหนึ่ง(ขอไม่ระบุว่าใคร) เขียนว่า Go2Know สู้พันธ์ทิพย์ไม่ได้ เพราะเขามีเงินเยอะ มีเครื่องไม้เครื่องมือเยอะ...
(1). G2K เป็นชุมชนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ได้พูดหรือพิมพ์อย่างเดียว(พูดแต่ไม่ทำ) G2K ปฏิบัติด้วย เรียนรู้จากการทำงาน และแลกเปลี่ยนด้วย
(2). G2K มีองค์ความรู้ ความเข้าใจ ความช่วยเหลือมากมาย
(3). G2K เป็นชุมชนของคนกล้า กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ติเพื่อสะใจ ทว่า... เป็นการเสนอเพื่อสร้างเสริม (creative recommendation)
(4). ประเทศชาติของเราต้องการชุมชนของคนดี + คนมีความรู้... G2K มีตรงนี้
ขอยกมือสนับสนุน อ.จันทวรรณ และ อ.วัลลภ 2มือเลยค่ะ ในเรื่องของการแสดงภูมิปัญญาจะไม่ค่อยกล้าเพราะรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ด้อยความรู้ แต่ถ้าเป็นการชื่นชมจะยินดีกว่าเพราะทุกบันทึกจะเป็นประโยชน์ ได้เปิดตา เปิดใจให้กับตัวเองค่ะ
เดิมผมไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็นเท่าไหร่ ซึ่งจริงๆแล้วหลายครั้ง ประทับใจแนวคิด/วิธีคิด/หลักปฏิบัติที่ผู้เขียน เขียนให้อ่านเป็นอย่างมาก แต่ไม่กล้า.......
นั่งค้นตัวเองซักพัก คงเพราะอาย เนื่องจากไม่รู้จักกันเป็นสาเหตุใหญ่
แต่หากมานั่งทบทวน ผมเขียนบล็อกครั้งแรกก็มี พี่ชายขอบ และพี่ Dr.Ka-poom มาแสดงความคิดเห็น มันมีความอบอุ่น
สิ่งที่จะทำต่อไปของผมคือ ผมจะแสดงออกมาบ้างครับ
งานเขียนมีหลายมุมมอง...แต่งานเขียนที่สามารถถ่ายทอดให้กับบุคคลอื่น ทุก ๆ อาชีพ ได้รับรู้ และสื่อให้เห็นว่า นั่นแหละต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ....
ลองเปิดดูรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันครับ ม.39-ม.46 ครับ
ขอเสริมอีกนิดนะคะ ว่าถ้างานเขียนที่เกิดขึ้นจากการลอกเลียนงานผู้เขียนอื่นหรือยกเอาบทความหรือคำพูดของบุคคลอื่นโดยไม่ได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มาที่ไปของข้อความที่ยกมานั้น ย่อมเป็นการไม่ให้เกียรติผู้สร้างสรรค์ผลงานดังกล่าว อันเป็นการละเมิดต่อทรัพย์สินทางปัญญาตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 27 "การการะทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15(5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน"
(ต่อจากข้างบน) ส่วนมาตรา 15(5) พรบ. ลิขสิทธิ พ.ศ. 2537)วางหลักว่า... เจ้าของลิขสิทธิ(หมายถึงผู้สร้างสรรค์บทความ)ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิในกากระทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้
ส่วนคำว่าทำซ้ำ(มาตรา 4 บทนิยามศัพท์)หมายถึงคัดลอกไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ เลียนแบบ ทำสำเนา .....
ดัดแปลง หมายถึง ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม หรือจำลองงานต้นฉบับในส่วนที่เป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
เผยแพร่ต่อสาธารณชน หมายถึง ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน โดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลย การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น
บทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติถึงสิทธิต่างๆว่าผู้เขียนนั้นว่ามีประการใดบ้างและเป็นบทคุ้มครองสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์(หมายถึงท่านทั้งหลายที่สร้างสรรค์บทความทางวิชาการ)โดยอัตโนมัติคือได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายทันทีไม่ต้องผ่านระบบการจดทะเบียนสิทธิตามกฎหมายซึ่งต่างกับกฎหมายสิทธิบัตรที่เป็นระบบจดทะเบียน เจ้าของผลงานจึงได้รับการคุ้มครองโดยผลทางกฎหมายทันทีและคุ้มครองผลงานของผู้เขียนรวมถึงทายาทของท่าน เป็นเวลาตลอดอายุของผู้เขียนและมีอายุต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้เขียนถึงแก่ความตายค่ะ
นอกจากนี้เจ้าของเขียนทางวิชาการหรือตามภาษากฎหมายเรียกว่า"วรรณกรรม"(หมายถึงงานนิพนธ์ทุกที่ทำขึ้นทุกชนิด) มีสิทธิ์นำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาได้ตามมาตรา 27 ตามพรบ.ดังกล่าวข้างต้น หากมีการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้น(ตามการกระทำที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27)
และมาตรา 69 ก็ได้กำหนดบทลงโทษไว้ วางหลักว่าผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 27...ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และถ้ากระทำความผิดตามมาตรา 27 ดังกล่าวที่เป็นการกระทำเพื่อการค้าผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำและปรับ เป็นบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำการทำซ้ำ หรือดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยผู้เขียนเจ้าของผลงานมิได้รับอนุญาติ
อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะว่าถ้าไปลอกบทความเขามาแล้วจะมีความผิดตามกฎหมายทันที เพราะบทบัญญัติของกฎหมายมาตรา 32 วรรค 2 พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ได้บัญญัติข้อยกเว้นไว้ค่ะวางหลักว่า หากกระทำไปโดยไม่ได้แสวงหาประโยชน์(ทางการค้า)ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเขาแล้ว เช่น นำไปใช้เพื่อการวิจัยหรือเพื่อการศึกษางานอันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง ติชมวิจารณ์ หรืแนะนำโดยมากการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดงหรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อ้นไม่ใช่การกระทำเพื่อหากำไร เป็นต้น กล่าวโดยสรุปคือนำผลงานของผู้เขียนได้ใช้ได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หากไม่ได้นำไปใช้เพื่อแสวงหากำไร และใช้เพื่อการศึกษาค้นหรือวิจัยนั่นเองค่ะ
หวังว่าข้อคิดเห็นนี้จะเป็นประโยชน์ของท่านผู้อ่านบล็อกที่เขียนงานวิชาการหรือหัดเขียนงานวิชาการ(เช่น ตัวดิฉัน)นะคะ...
ยินดีค่ะ เพราะอยากมีส่วนร่วมสร้างสรรสังคมในgotoknow เช่นกันค่ะ...
คุณ nidnoi บอกเขานะคะว่า เข้ามา comment ได้โดยไม่ต้องใส่ชื่อเสียงเรียงนามคะ
แต่ถ้าเพื่อประโยชน์ของการเชื่อมโยงเครือข่ายทางสังคม ว่าใครรู้จักกับใคร ใครเป็นคนคอเดียวกัน ใครมีความสนใจเดียวกัน แล้ว อย่างนี้ต้องให้เข้ามาสมัครสมาชิก แล้วหลังจากนั้น ก็ login เข้าใช้ระบบก่อนทุกครั้งที่จะใช้เพื่อการ comment คะ
และหากติดใจอยากเจอเพื่อนที่เราคุยกันแบบ F2F และขยายวง หรือ เพื่อเก็บความรู้ประสบการณ์ของเราเป็นประวัติศาสตร์เพื่อชีวิต ก็ให้เข้ามาเขียนบล็อกเลยคะ :)