คุณภาพคืองานอัน "ประณีต"


ถ้าเราใส่หัวใจของเราลงไปในทุกเรื่องที่เราทำ งานแต่ละชิ้นนั้นก็คืองานศิลปะของเรา หัวใจของเราจะถูกฝากไว้ตามที่ต่างๆ เป็นภาพที่ถูกจดจำด้วยหัวใจของผู้พบเห็น ทั้งในอิริยาท่าทางของการทำงาน และผลงานที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่เล่าขานกันได้ไม่รู้จบ และมันเป็นความผูกพันของพวกเราที่ทำงานในระบบบริการสุขภาพ

 

            มีผู้ให้ความหมายของคุณภาพอย่างหลากหลาย ทุกความหมายล้วนแต่ให้ประโยชน์ในการชี้นำการพัฒนา  คุณภาพคืองานอันประณีตเป็นหนึ่งในความหมายที่ควรพิจารณา

            เราสามารถใช้ความประณีตได้ตรงไหนบ้าง ประณีตในการรับรู้ ประณีตในการครุ่นคิดใคร่ครวญ ประณีตในการกระทำ

            ตัวอย่างของความประณีตในการรับรู้ อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การดูอย่างประณีต ดูให้เห็นทั้งสิ่งที่เป็นความดีงามและข้อด้อย จากจิตใจที่เป็นกลาง  ทำให้เห็นความดีงามของความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังผู้สร้างผลงาน ความดีงามของสิ่งที่อาจจะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลที่เราคุ้นเช่น เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณี เห็นความงามของธรรมชาติและการเป็นเหตุปัจจัยของสรรพสิ่งในธรรมชาติ รวมทั้งคุณค่าของธรรมชาติต่อมนุษย์ในมิติต่างๆ

            การมองด้วยสายตาที่ประณีตทำให้เห็นโอกาสพัฒนามากมาย  สิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้นแต่กลับมาวางกีดขวางความคล่องตัวในการทำงาน  สิ่งของบางอย่างที่ควรเก็บรักษาไว้เพื่อการเรียนรู้ของคนรุ่นหลังแต่กลับถูกวางเหมือนขยะที่รอวันขนไปทิ้ง  แผ่นป้ายมากมายที่ติดอยู่บนฝาผนังซึ่งไม่ช่วยในการเรียนรู้หรือการสื่อสารแต่กลับทำให้ดูรกรุงรัง  ความชำรุดต่างๆ ของเครื่องมือ อุปกรณ์ อาคารสถานที่ ควรกระตุ้นให้เห็นความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่สามารถทำหน้าที่ของสิ่งนั้นและสะท้อนถึงความอ่อนด้อยในระบบบริหารจัดการของผู้เกี่ยวข้อง 

            การมองด้วยสายตาที่ประณีตทำให้เห็นโอกาสสร้างสรรค์ ทำให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ง่ายในการปฏิบัติงาน รู้ว่าอะไรควรอยู่ที่ไหนที่ทำให้ง่ายต่อคนเก็บและคนใช้  รู้ว่ามีงานอะไรที่จะต้องทำ เช่น การใช้ธงเหลืองเป็นสัญญลักษณ์บอกให้รู้ว่าผู้ป่วยเตียงใดที่แพทย์สั่งตรวจ portable x-ray โดยเจ้าหน้าที่รังสีไม่ต้องถามพยาบาล การมี patient progress board เพื่อบอกให้ทุกคนในทีมรู้ว่างานสำคัญที่ต้องทำสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายนั้นไปถึงขั้นตอนใดแล้ว

            จากการรับรู้มาสู่การครุ่นคิดใคร่ครวญ  แท้จริงแล้วการรับรู้กับการครุ่นคิดใคร่ครวญเกิดขึ้นควบคู่กันอยู่ตลอดเวลา  ยิ่งให้เวลากับการรับรู้ให้มากขึ้นยิ่งทำให้มีเวลาครุ่นคิดใคร่ครวญมากขึ้น

            ความประณีตในการครุ่นคิดใคร่ควญ เกิดจากการไม่ด่วนตัดสิน เกิดจากการมองอย่างเป็นระบบครบองค์

            การไม่ด่วนตัดสิน เป็นการเปิดช่องให้รับรู้ข้อมูลจากทุกด้าน และปล่อยให้ข้อมูลเหล่านั้นมามาปฏิสัมพันธักัน ให้ความคิดใหม่ๆ ได้ผุดบังเกิดขึ้นมา

            ความประณิตในการครุ่นคิดใคร่ครวญทำให้เราสามารถสรุปบทเรียนได้ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร เกิดจากอะไร และในรอบต่อไปเราจะทำอย่างไร  ยิ่งแต่ละคนมีโอกาสใคร่ครวญด้วยตนเองมากเท่าไร เราก็ยิ่งเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำโดยผู้อื่น  เมื่อนำบทเรียนที่เราใคร่ครวญได้มาแลกเปลี่ยนกันด้วยใจเปิด ก็เป็นการขยายมุมมองของทุกคนให้กว้างขึ้นและอาจหลอมรวมกันได้เป็นหนึ่งเดียว

            การครุ่นคิดใคร่ครวญ เป็นการที่เราพยายามให้ความหมายและคุณค่ากับเรื่องราวต่างๆ ที่มาสัมผัสกับเรา ตั้งแต่ความหมายของคำ ข้อมูล หรือสถานการณ์

            แม้แต่คำง่ายๆ ที่ใช้กันโดยทั่วไปหรือใช้กันโดยไม่กล้าแปล ก็อาจเป็นเรื่องน่าสนใจหากนำมาค้นหาความหมาย

            ตัวอย่างเช่นคำว่า “พันธกิจ” ถ้าแยกความหมายดู พันธหมายถึงข้อผูกพันหรือข้อผูกมัด กิจคือการงานที่ต้องกระทำ  พันธกิจคือสิ่งที่ต้องทำตามข้อผูกพัน  ข้อผูกพันของอะไร ข้อผูกพันก็คือเหตุผลที่จัดตั้งสิ่งนั้นขึ้นมา  หากเราให้ความหมายเพียงว่าพันธกิจคือสิ่งที่จะทำหรือต้องทำ เราก็จะทำความหมายของทำคำว่า “พันธ” ตกหล่นไป

            คำว่า “drug reconcile” ที่เราใช้ทับศัพท์เพราะไม่รู้จะแปลเป็นไทยว่าอย่างไร เนื่องจาก reconciliation แปลว่าการปรองดอง จะให้ยาไปปรองดองกับใคร  เมื่อใคร่ครวญให้ดีก็จะพบว่าที่ต้องปรองตองเพราะมีความแตกต่าง ปรองดองคือทำให้ความแตกต่างนั้นหมดไป ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน  ความแตกต่างในเรื่องการใช้ยาเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบริบทของการดูแล จากบ้านมาอยู่ รพ. จากหอผู้ป่วยหนึ่งไปอีกหอผู้ป่วยหนึ่ง หรือจาก รพ.กลับสู่บ้าน อาจจะมีความแตกต่างระหว่างยาที่ใช้อยู่เดิม กับยาที่แพทย์สั่งใช้ในบริบทใหม่  จึงต้องตรวจสอบเพื่อค้นหาความแตกต่างนั้น แล้วทำให้ความแตกต่างนั้นหมดไปด้วยการพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อน การตกหาย หรือการมีปฏิกิริยาระหว่างยา

            หรือคำว่า “activated sludge” ในระบบบำบัดน้ำเสีย sludge คือขี้โคลน หรือขี้โคลนที่ละลายน้ำกลายเป็นตะกอน  activated sludge อาจแปลเล่นๆ ว่าตะกอนที่ถูกปลุกให้ตื่นตัว  ตะกอนที่ตื่นตัวเป็นอย่างไร ก็คือตะกอนที่มีแบคทีเรียซึ่งสามารถย่อยสลายสารอินทรีย์ต่างๆ ในน้ำเสีย  เป็นตะกอนที่มีคุณค่า คุณค่าเกิดจากแบคทีเรีย จึงต้องพยายามเลี้ยงแบคทีเรียไว้ให้มีปริมาณที่เหมาะสม

            นี่คือตัวอย่างของความประณีตในการครุ่นคิดใคร่ครวญกับเรื่องง่ายๆ เช่นคำศัพท์  เราสามารถครุ่นคิดใคร่ครวญกับข้อมูลต่างๆ ที่เรามีอยู่ในมือ  นำข้อมูลมาแสดงออกในลักษณะต่างๆ สร้างความเชื่อมโยงกับข้อมูลชุดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน หาคำอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  ยิ่งเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ ยิ่งน่าสนุกในการค้นหาความหมาย

            การครุ่นคิดใคร่ครวญด้วยการมองอย่างเป็นระบบครบองค์ (รวม) คือการพิจารณาให้เชื่อมโยงกันทั้งสิ่งที่มองเห็นสัมผัสได้ง่าย และสิ่งที่มองไม่เห็นสัมผัสได้ยาก  เปรียบเทียบได้กับจิตใจของคนตาบอดถือไม้เท้า ถือเชีอกที่ล่ามคอสุนัขนำทาง  คน ไม้เท้า สุนัข ต่างเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน (ตัวอย่างนี้ขอยืมมาจาก อ.วีระ สมบูรณ์)  การมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเชื่อมโยงกับสิ่งรอบตัวในปัจจุบัน ประสบการณ์ในอดีต รวมทั้งแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนผู้คนแต่ละคน จะทำให้เราเข้าใจสถานการณ์นั้นๆ ได้ดีขึ้น

             ความประณีตประการสุดท้ายคือความประณีตในการกระทำ  ถ้าแต่ละคนใส่ใจในงานที่ตนกระทำอย่างประณีต คิดถึงผู้ที่จะรับงานไปทำต่อ คิดถึงผู้รับผลงานคนสุดท้าย ใส่คุณค่าที่สามารถใส่ได้ลงไปในงานชิ้นนั้น คุณภาพที่เป็น zero defect ก็จะเกิดขึ้นโดยไม่ยาก  ยิ่งใส่คุณค่าลงไปมากเท่าไร ยิ่งมีความสุขเกิดขึ้น ยิ่งมีทักษะความชำนาญมากขึ้น

            การทำงานอย่างประณีตไม่เร่งร้อน ทำให้ได้ผลงานที่สวยงาม ไม่ผิดพลาด และไม่ได้ใช้เวลามากขึ้นอย่างที่เราคิด  งานที่เร่งร้อนและผิดพลาดต่างหากที่ทำให้เราต้องใช้เวลามากขึ้นในการกลับมาแก้ไข

            การตั้งใจทำงานให้ประณีตทำให้ค้นพบศิลปะและเคล็ดลับในการทำงาน เช่น ในการใส่เฝือกปูนให้สวยงาม ต้องทำให้กระตูกที่หักนั้นอยู่นิ่ง เพื่อจะได้มีเวลาให้เฝือก set ตัวและไม่ต้องรีบร้อน  การทำให้กระดูกที่หักอยู่นิ่งอาจทำได้โดยใช้อุปกรณ์ยึดนิ้วแขวนแขนไว้ หรือใช้ผ้าพันข้อเท้าถ่วงน้ำหนัก  การตัดสิ่งรบกวนหรือความไม่แน่นอนเป็นขั้นตอนแรกในการทำงานที่ประณีต  จากนั้นก็พันเฝือกอย่างสม่ำเสมอ รู้ว่าตรงไหนควรจะพันทบเพื่อมิให้ความหนาบางแตกต่างกัน  ความคงเส้นคงวาในการทำงานก็เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้  รอจนเฝือกเริ่มหมาดก็ถือโอกาสนั้นลูบไล้ผิวเฝือกจนเรียบเป็นมัน เป็นการสร้างความงามน่าดูให้กับผลงานของเรา ใครมาเห็นก็รู้สึกชื่นชม ตัวเราเองกลับไปดูก็ภูมิใจในผลงาน

            ถ้าเราใส่หัวใจของเราลงไปในทุกเรื่องที่เราทำ งานแต่ละชิ้นนั้นก็คืองานศิลปะของเรา  หัวใจของเราจะถูกฝากไว้ตามที่ต่างๆ  เป็นภาพที่ถูกจดจำด้วยหัวใจของผู้พบเห็น ทั้งในอิริยาท่าทางของการทำงาน และผลงานที่เกิดขึ้น  สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่เล่าขานกันได้ไม่รู้จบ และมันเป็นความผูกพันของพวกเราที่ทำงานในระบบบริการสุขภาพ

 

นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล

สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)

คำสำคัญ (Tags): #sha#สรพ.
หมายเลขบันทึก: 362327เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2010 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

มาเรียนรู้ การทำงานด้วยหัวใจ

หวัดดีค่ะหนูพอลล่า

   ขอบคุณบันทึกนี้ที่เน้นย้ำถึงความเอาใจใส่ และ " ใส่ใจ " ในทุกๆเรื่องที่ทำ ผลงานจึงจะออกมาดี และเป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นค่ะ

  • สวัสดีค่ะ อ.น้องพอลล่า
  • ทำความเข้าใจอยู่นานเหมือนกัน สงสัยเพราะต้องปราณีต เลยใช้เวลานานเลย อิอิอิ
  • ขอบคุณค่ะ

ไม่รู้ว่ามาอวยพรช้าไปกี่วัน แต่ขอให้มีความสุขมากๆน่ะครับ ขอให้สวยวันสวยคืนด้วยครับ

ชอบบันทึกนี้มากค่ะ อ่านตั้งหลายรอบ

อืมมมมม.........

ขอบคุณนะคะ คิดถึงๆๆๆ

ดีแล้วละที่ คิดใคร่ครวญ..

ไม่ใช่..คิดไข้..ครวญเพราะพิษไข้

อิอิ..มาแซว ๆ ก่อนเที่ยง จะได้กินข้าวอร่อย ๆ

P
สวัสดีค่ะพี่กาแฟ...
ขอบคุณที่กลับมาจอง อิอิ

อ่านบันทึกไปคิดตามไปค่ะ ดีมากเลย อ่านจบแล้วคิดได้ จะนำไปใช้ค่ะเพราะจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำงานค่ะ ^^

เพิ่งเข้ามาครั้งแรกค่ะ อ่านของอ.อนุวัฒน์แล้ว เต็มติ้นจริงๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท