ดร. ก้องภพ ได้พยากรณ์ว่า วันที่ 12 มิถุนายน ปี 2553 นี้ อาจจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นในประเทศไทย
จาก มติชน http://www.matichon.co.th/matichon/maticho...§ionid=0140
หนุ่ม ไทยอายุน้อยสุด
หนึ่งเดียวใน "นาซ่า" ก้องภพ อยู่เย็น
พนิดา สงวนเสรีวานิช - เรื่อง ธิติ วรรณมณฑา - ภาพ
เขาเป็นความ ภาคภูมิใจไม่เฉพาะกับครอบครัว "อยู่เย็น"
แต่นับรวมไปถึงคนไทยทั้งประเทศก็ว่าได้
ด้วยวัยเพียง 29 ปี "ดร.ก้องภพ อยู่เย็น" ได้ก้าวขึ้นเป็น
"วิศวกรคนไทย" ที่อายุน้อยที่สุดในองค์การนาซ่า
ทำงานประจำอยู่สถาบัน "กอดดาร์ด สเปซ ไฟลท์ เซ็นเตอร์"
ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับการสำรวจโลกและจักรวาล ที่รัฐแมริแลนด์
ประเทศสหรัฐอเมริกา
1 ใน 10 แห่งขององค์การนาซ่า
ที่รับผิดชอบค้นคว้าเกี่ยวกับอุปกรณ์คลื่นไมโครเวฟรับส่งสัญญาณนอกโลก
ดร.ก้องภพ เป็นสมาชิกของครอบครัวคนเก่งของ "คุณพ่อ-พลโท กัลยาณุวัตร
อยู่เย็น" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก และ "คุณแม่-กรรณิกา"
มีน้องสาวฝาแฝด อีก 2 คน คือ "กัลยานุช" ว่าที่สัตวแพทย์
(มหาวิทยาลัยเกษตรฯ) และ "กัลยานาถ" นักศึกษาแพทยศาสตร์ ปี 5
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ต้น ปี 2550 ดร.ก้องภพมีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้าน
ซึ่งปีนี้พิเศษกว่าปีก่อนๆ เพราะกลับมาเพื่อเข้าพิธีสมรสกับ "มนิสา
พิพัฒนสุนทร" แฟนสาวที่ทำงานเป็นอาจารย์อยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งคบหาดูใจกันมานานร่วม 10 ปี
ทั้งคู่เจอกันตั้งแต่เรียนปริญญาตรีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดร.ก้องภพนั้น แม้จะเกิดที่ลอสแองเจลิส แต่พออายุได้ 20
วันก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยตลอด กระทั่งจบปริญญาตรี
คณะวิศวกรรมด้านไฟฟ้า ที่จุฬาฯ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2
จึงเดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
ระหว่างที่ยังเรียนปริญญาตรี
ได้คิดค้นงานวิจัยเกี่ยวกับไฟฟ้าจนได้งานชิ้นเอกออกมาเป็น
"เครื่องวัดคลื่นสมองเพื่อรักษาผู้ป่วยลมชักและลมบ้าหมู"
ขณะนี้ใช้งานในโรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลเชียงใหม่
เครื่องประดิษฐ์ชนิดนี้ใช้งบประมาณเพียง 30,000 บาทเท่านั้น
และยังคว้ารางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งชาติด้วย
ดร.ก้องภพเข้าทำงานที่นาซ่า
เริ่มจากเป็นนักเรียนฝึกงานมาสู่ลูกจ้างชั่วคราว
รับผิดชอบค้นคว้าคลื่นส่งสัญญาณไมโครเวฟ
กระทั่งปี 2547 จึงได้บรรจุเป็นข้าราชการวิศวกรระดับ 11
และเลื่อนสู่ระดับ 12 เมื่อปีที่ผ่านมา
ถือเป็นระดับสูงสุดของวิศวกรองค์การนาซ่า
"เรื่องที่
ดร.ก้องภพกำลังศึกษาค้นคว้าถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะเป็นคลื่นสัญญาณที่ใช้ส่งนอกโลก
เวลานี้กำลังใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างโลกกับโครงการสำรวจดาวอังคาร"
ปลายปีที่ผ่านมา
ดร.ก้องภพได้เป็นตัวแทนองค์การนาซ่าไปร่วมประชุมวิศวกรโลกที่ประเทศฝรั่งเศส
และในเดือนกรกฎาคม 2550 ที่จะถึงนี้
การประชุมจะจัดขึ้นอีกครั้งที่ซานฟรานซิสโก
สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ
ดร.ก้องภพ คือตัวแทนนาซ่าที่ไปร่วมประชุมอีกเช่นเคย
"เข้าไปทำงานที่นาซ่า
ได้อย่างไร?"
ตอนแรกยังไม่ได้ทำ แต่ได้งานที่ เอล.ซี. คอมมูนิเคชั่น
ทำระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหุ่นยนต์โซนาร์ตรวจจับเรือดำน้ำ ทำอยู่ 7
เดือน
ช่วงนั้นสมัครสอบปริญญาโทด้วย
พอได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียเทค (สถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย
ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย) ให้ไปเรียนปริญญาโท
แล้วได้ทุนของเท็กซัส อินสตรูเมนต์
ก็เลยตัดสินใจไปเรียนที่จอร์เจียเทค แล้วก็ทำงานที่เท็กซัส
อินสตรูเมนต์ คือเรียน 2 เทอม ไปทำงาน 2 เทอม แล้วกลับมาเรียนอีก 1
เทอม ก็จบ
ตอนนั้นรู้สึกเบื่อๆ เพราะงานไม่ท้าทาย...
- "ตอนนั้นทำงานอะไรคะ?"
ออกแบบชิพ พวกวงจรในโทรศัพท์มือถือ
เพียงแต่รูปแบบการทำงานของบริษัทจะเน้นให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะต้องเร่งทำการตลาด
ทำให้เราคิดได้แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น
เลยตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเดิม
(จอร์เจียเทคโนโลยี)
ช่วงนั้นเศรษฐกิจในอเมริกาไม่ค่อยดี บริษัทเอกชนตัดเงินทุนการทำวิจัย
ทางมหาวิทยาลัยจึงเดือดร้อนไปด้วยเพราะต้องจ้างนักเรียนทำวิจัย
อาจารย์ผมเลยบอกให้ไปหางานข้างนอก ช่วงซัมเมอร์
พอดีนาซ่ามาเปิดซุ้มรับสมัครงานในมหาวิทยาลัย ก็ไปสมัคร
แล้วเขาตอบรับมาก็เลยไปเป็นนักเรียนฝึกงานอยู่ 3 เดือน
- "ฝึกงานต้องทำอะไรบ้าง?"
ทำเกี่ยวกับโมเดลการทรงตัวของกล้องดูดาว "ฮับเบิล" กล้องดูดาวนอกโลก
ซึ่งมีปัญหาเรื่องพิกัด โดยต้องทำให้เสร็จภายใน 3 เดือน
ปีต่อมาสถานการณ์การเงินของมหาวิทยาลัยก็ยังไม่ดีขึ้น
ผมเลยไปสมัครทำงานที่นาซ่าอีกครั้ง และสมัครที่อื่นด้วย
ปรากฏว่าตอบรับมา 3 แห่ง คือ ที่นาซ่า ที่บริษัทเท็กซัส อินสตรูเมนต์
และที่ นอร์ธอร์น กรัมแมน ทำเกี่ยวกับการผลิตอาวุธสงคราม
แต่ตัดสินใจไปทำที่นาซ่า เพราะว่าเป็นองค์กรใหญ่
และนาซ่าอยู่ในรัฐแมริแลนด์ใกล้กับมหาวิทยาลัยจอร์เจียที่แฟนผมเรียนอยู่
-
"คนที่จะเข้าไปนาซ่าได้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?"
อย่างแรกต้องดูสายงานก่อน
ว่ามีความถนัดตรงกับที่เขาอยากจะรับหรือเปล่า
ซึ่งมีหลายสาขาส่วนใหญ่เน้นด้านวิทยาศาสตร์
รวมทั้งต้องเขียนประวัติย้อนหลัง 5 ปี ว่าไปอยู่ที่ไหนบ้าง อยู่กับใคร
มีใครรู้จัก โดยเขาจะส่งแบบฟอร์มไปให้กรอกว่าเป็นคนยังไง
แบบว่า...ปกติดีหรือเปล่า (หัวเราะ)
- "แล้วเป็นยังไง?"
ปกติดีครับ (หัวเราะ)
การ จะเข้าไปได้ส่วนใหญ่จะไปในเชิงฝึกงาน
ไปสมัครขอทุนแล้วทำงานร่วมกับเขา หรือเราอาจจะเข้าทางมหาวิทยาลัยก็ได้
อย่างมหาวิทยาลัยที่ผมทำงานอยู่ก็ทำโครงการร่วมกับนาซ่าหลายอย่างเหมือนกัน
แต่ถ้าไปสมัครโดยตรงจะค่อนข้างยาก
-
"ในนาซ่ามีคนเอเชียเท่าไหร่?"
สัก 15% ได้ ส่วนมากเป็นคนขาว สำหรับคนไทยที่ผมรู้จักมี 2 คน อายุประมาณ 40
กับอีกคน 50 ปี คนหนึ่งเป็นนักฟิสิกส์แล้วมาทำด้านวิศวะ สร้างอุปกรณ์
อีกคนเป็นวิศวกร
- "อายุเป็นเงื่อนไข?"
ไม่จำกัดเรื่องอายุ ผมเข้าไปฝึกงานครั้งแรกอายุ 26 ปี (พ.ศ.2546)
ครั้งที่ 2 ฝึกงาน 3 เดือนเหมือนกัน
แต่ตอนนั้นผมเดินเข้าไปบอกเขาว่าต้องการทำโปรเจ็คต์ซึ่งระยะเวลายาวกว่านั้น
จะได้ทำเป็นงานวิจัยปริญญาเอก เขาก็ตกลง คือฝึกงาน 3 เดือนก่อน
หลังจากนั้นค่อยทำเป็น co-op คือเข้าไปอยู่ในระบบของนาซ่าแล้ว
แต่ยังเป็นนักเรียนอยู่
- "หัวข้อที่ทำวิจัยคือ ??"
เกี่ยวกับตัวกรองสัญญาณคลื่นความถี่ไมโครเวฟ
ซึ่งเป็นคลื่นที่แผ่มาจากจักรวาลที่อยู่ไกลจากโลกเรามาก
เกิดจากการระเบิดของบิ๊กแบงก์ อันเป็นจุดกำเนิดของจักรวาล
พอระเบิดปุ๊บก็จะส่งออกมาเป็นพลังงานในรูปของโคนอนแล้วเย็นตัวลง
เคลื่อนที่ออกจากจุดศูนย์กลาง ก่อให้เกิดเป็นมวล เป็นอิเล็กตรอน
เป็นอะตอม เป็นโมเลกุล เป็นสสาร เป็นดวงดาว เป็นกาแล็กซี่
เป็นมิลกี้เวย์
- "ทำเพื่อ?"
เพื่อศึกษาคุณสมบัติจากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ เกี่ยวกับเวลา
คลื่นแรงโน้มถ่วง และการเดินทางของเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป
ตอนนี้กำลังทำเครื่องต้นแบบอยู่จากงานวิจัยที่ศึกษามา 2 ปีกว่าๆ
ทำร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรหลายๆ คน
- "ใช้ได้หรือยัง?"
ยัง ยังอยู่ในช่วงทดสอบ แต่ว่าตัวเดี่ยวๆ ที่ผมทำนั้นใช้ได้แล้ว
แต่ต้องผ่านการทดสอบในอวกาศก่อน
ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิที่เป็นจริงในอวกาศ
ตอนนี้ยังต้องจำลองอุปกรณ์ที่อยู่ในอวกาศ ซึ่งทำได้ค่อนข้างยาก
ไม่มีเครื่องมือบนโลกนี้ทำได้
ต้องสร้างเครื่องมือเพื่อวัดอีกทีหนึ่ง
- "การเป็นคนเอเชียและอายุน้อยมีปัญหาไหม?"
ไม่มีครับ ที่โน่นไม่มีการแบ่งสีผิว ชาติ ศาสนา อายุ
คือการทำงานในนาซ่า เขาแบ่งเป็น 12 ระดับ
เกินจากนั้นเป็นระดับผู้บริหาร คือคุมวิศวกรอีกที
ทำงานด้านวิจัยเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำโดยตรง
ตอนนี้ผมทำระดับ 13 แล้ว ต้องเขียนแผนงานเสนอหาเงินทุน
พอได้เงินทุนมาก็มาทำงานที่เราเสนอไป คือทำงานกับนักวิทยาศาสตร์
คิดอุปกรณ์ใหม่ๆ
-
"ถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดที่คนไทยเคยทำมา?"
ไม่รู้จะเทียบยังไง แต่คนที่ทำงานในนาซ่าทุกคนจบปริญญาเอก
ทำงานเหมือนกัน เพียงแต่แบ่งทำงานกันเป็นกลุ่ม
ผมทำอยู่กับกลุ่มนักฟิสิกส์ ซึ่งนักฟิสิกส์กลุ่มนี้เป็นแกนขององค์กร
จะคิดทฤษฎีใหม่ๆ ขึ้นมาแล้วทำการทดลอง
อย่างหัวหน้าทีมคนหนึ่งที่เพิ่งได้รางวัลโนเบล
เรื่อง Cosmic Microwave Background
เป็นคลื่นรังสีคอสมิกความถี่ไมโครเวฟ
ซึ่งเกิดจากการระเบิดของบิ๊กแบงก์ จะแผ่รังสีออกมา
วัดแล้วจะพิสูจน์ได้ว่าดวงดาวเกิดขึ้นได้ยังไง
จักรวาลขยายตัวเร็วขนาดไหน ฯลฯ
เป็นผลมาจากการทำวิจัยสำรวจจักรวาลเมื่อ 10-20
กว่าปีที่ผ่านมา
- "มีโอกาสได้ออกไปนอกโลก?"
คงไม่ครับ เพราะการออกนอกโลกมันแพง
แล้วการจะส่งมนุษย์ขึ้นไปมันเสี่ยงสูง ต้องออกแบบอุปกรณ์ช่วยชีวิต
มีอาหารอะไร ทุกอย่างแพงหมด ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาก็เสียภาพพจน์
ใช้หุ่นยนต์ส่งออกไปนอกโลกถูกกว่ากันเยอะ
นอกจากนี้เราสามารถจำลองสภาพแวดล้อมทุกอย่างที่เราต้องการบนโลกนี้ได้
เช่น สภาพที่ไร้แรงโน้มถ่วง อุณหภูมินอกโลก ระดับความดัน
ช่วงคลื่นความถี่ที่เราต้องการจะวัด ฯลฯ
ไม่มีความจำเป็นที่จะออกไปนอกโลก
- "แล้วอยากไปมั้ย?"
ก็อยากไปครับ แต่ไม่รู้จะไปทำไม (หัวเราะ) ยกเว้นจะไปเที่ยว
- "อีกนานมั้ยกว่าโครงการที่วิจัยอยู่จะเสร็จ"
อีกนานครับ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำไม่มีใครทำได้มาก่อนในโลก
อาจจะมีข้อผิดพลาดก็ต้องแก้กันไป ต้องใช้เวลาและความพยายามสูง
เพราะงานมันค่อนข้างละเอียดอ่อน
อีกอย่างคอนเซ็ปท์ของคนอเมริกัน คือ
คิดอะไรก็ได้ให้มันประหยัดเวลา อะไรที่ประหยัดเวลาเขาซื้อหมด
เพราะว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาเจริญเร็วกว่าคนอื่น
เหมือนกับ
เราทำงานอย่างหนึ่งเราใช้เวลาน้อยกว่า แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ถ้าเราประหยัดเวลาได้มากขึ้นก็เอาเวลาไปทำสิ่งที่ยากกว่า
ทำให้ประเทศเขาพัฒนาเร็วขึ้น
-
"ถ้าสำเร็จผลจะเป็นอย่างไร?"
ถ้าเราสามารถรู้ทฤษฎีสัมพัทธภาพ
รู้เกี่ยวกับคลื่นแรงโน้มถ่วงมีคุณสมบัติยังไง
เราอาจจะสามารถหาประโยชน์จากมันได้ทีหลัง เช่น
สมัยก่อนค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่เรายังทำอะไรไม่ได้
สมัยนี้เรา ใช้ประโยชน์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในระบบสื่อสารระบบมือถือ
ก็จะออกมาเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่โดยเอาวิทยาศาสตร์มาใช้
โครงการของผมตอนนี้ยังอยู่ในรูปของวิทยาศาสตร์
ซึ่งมันยังไกลเกินกว่าที่เราจะเอามาใช้ได้
ถือเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งบริษัทเอกชนทำไม่ได้
คือทุกอย่างอะไรก็ตามที่ทำในอนาคตไกลเกินกว่า 1-2 ปี
รัฐบาลต้องเป็นผู้ลงทุน เพราะเสี่ยงที่จะไม่สำเร็จ
และเงินหมดเสียก่อน
-
"งานหนักอย่างนี้มีเวลาว่าง?"
มีครับ ถ้าว่างๆ ก็ไปซื้อของ ไปจ่ายตลาดกับแฟนบ้าง
ไปเดินออกกำลังกายบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ ทั่วไปก็ทำงาน 5
วันต่อสัปดาห์
-
"ในนาซ่ามีจำกัดวาระการทำงานของแต่ละคน"
ไม่มีครับ ก็ทำงานไปเรื่อยๆ แต่มีเกษียณ ราว 62 ปี
ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาบอกว่าคนอายุยืนขึ้น และอีกเหตุผล คือ
รัฐบาลไม่มีเงินจ่ายเกษียณอายุ เลยเลื่อนเวลาให้ทำงานยาวออกไปอีก
ไม่รู้ว่าเป็นเหตุผลไหน แต่คงเหตุผลหลังมากกว่า
- "เรื่องของไทม์
แมชชีนที่ข้ามเวลาในอนาคตเป็นไปได้?"
เป็นไปได้ครับ ถ้าเราสามารถข้ามมิติได้ เช่น
ในโลกที่เราอยู่นี้ตามทฤษฎีมี 3 มิติ บวกเวลาอีก 1 มิติเป็น 4 มิติ
แต่ในทางวิทยาศาสตร์มันมีมิติไม่จำกัด
เพราะไม่มีอะไรไปกำหนดนิยามว่ามันต้องมี 3 มิติ ถ้าเราหามิติอื่นได้
และสามารถข้ามมิติหนึ่งได้ ซึ่งสเกลของเวลาจะต่างจากมิติของเรา
ถ้าเรากลับมาอีกที เวลาก็จะเปลี่ยนไป
แต่ผมไม่รู้ว่ามันย้อนกลับได้หรือเปล่า
คือ เราไปสู่อนาคตได้ แต่ย้อนกลับไปสู่อดีตไม่ได้
-
"นั่นคือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พยายามจะไข"
คงไม่ใช่ นี่ผมคิดเอง แต่ถ้าเรารู้ เราสามารถมีลูกเล่นกับ "เวลา" ได้
ก็อาจจะทำอะไรที่เราไม่เคยทำได้
ถ้าเราสามารถเดินทางด้วยความเร็วของแสงได้ เราก็สามารถหยุดเวลาได้
แต่ไม่รู้จะเดินทางด้วยความเร็วแสงได้ยังไง (หัวเราะ)
เราก็ไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไง แต่เราก็ทดลองไปเรื่อยๆ
เมื่อรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถสร้างเครื่องมือต่างๆ
ขึ้นมาใช้ประโยชน์จากความรู้นั้นได้
แต่ตอนนี้ยังพิสูจน์อยู่ว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า
- "เงินเดือนบอกได้ไหม?"
ก็เป็นหลักแสนครับ พออยู่ได้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่รวย
เป็นนักธุรกิจรวยกว่า
-
"เคยคิดมั้ยว่าจะได้ไปทำงานที่นาซ่า"
ไม่เคยคิดเลยครับ จริงๆ ผมว่าส่วนหนึ่งมาจากโอกาสของผมด้วย
คนเราถ้ามีโอกาสควรจะลอง
ได้หรือไม่ได้มันอีกเรื่องหนึ่ง
ผมก็หวังว่างานของผมจะเป็นประโยชน์กับโลกในอนาคต ซึ่งผมยังไม่รู้
คงอีกไกล เหมือนกับเราค้นพบอะไรบางอย่าง แล้วในอีก 30
ปีจึงนำมาใช้ได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
ใช้ความพยายามสูง และไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีประโยชน์สักแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสนใจ งานของเราสักแค่ไหนด้วย
- "นาซ่า เป็นความฝันสูงสุด?"
ความ ฝันของผม คือ ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำ สิ่งที่ผมชอบ
ทำในสภาพแวดล้อมที่ดี กับเพื่อนร่วมงานที่ดี
แล้วมันก็มาอยู่ที่นาซ่าเอง
-
"เป็นนักวิทยาศาสตร์เชื่อเรื่องดวง?"
ผมไม่อยากให้คนเชื่อเรื่องดวง เพราะถ้าดวงว่าอย่างนั้นแล้ว
แต่เราไม่ทำตามมันก็ไม่เป็น
เชื่อตัวเองดีกว่า คิดว่าเราทำได้ เราพยายาม สักวันมันต้องสำเร็จ
- "จริงๆ
แล้วในชีวิตอยากเป็นอะไร?"
อยากเป็นวิศวกรออกแบบ เพราะชอบงานออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์
"ดร.ก้องภพ
อยู่เย็น"กับเรื่องของภัยพิบัติในปี 2012
ดูได้ที่ link
ชีวิตวัยเด็ก ของวิศวกรนาซ่า เขาเป็นเด็ก
ชายธรรมดา...ที่ชีวิตวัยเด็กชอบเล่น มากว่าชอบเรียน
แต่สิ่งที่ดูจะโดดเด่นกว่าเด็กทั่วไปเห็นจะเป็นความมีระเบียบวินัย
ที่ได้รับการฝึกฝนจากคุณ พ่อที่รับราชการทหาร
ดร.เล่าว่าเบื้องหลังความสามารถด้านการศึกษานี้
ได้รับอิทธิพลจากการเรียนพิเศษน้อยมาก
และเขาก็มองว่านี่คือความโชคดีด้วยซ้ำ
และเมื่อเอ็นทรานซ์ติดวิศวกรรมศาสตร์จุฬา เขาก็สามารถพิชิตใบปริญญา
มาด้วยเกียรตินิยมเหรียญทอง อันดับ 2
ตอนที่ 2
http://www.voicetv.co.th/content/7510/“ดรก้องภพอยู่เย็น”กับเรื่องภัยพิบัติในปี2012ตอนที่2
ตอนที่ 3
และแล้วเขาก็กลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สร้าง
ประวัติศาสตร์ให้เมืองไทย
ในฐานะคุณที่ได้ร่วมงานกับองค์กรที่ค้นหาความลับแห่งจักรวาล
หลายคำถามจากเรา
และคำตอบจากเขาอาจทำให้คุณรู้จักรองค์อันยิ่งใหญ่นี้มากขึ้น
และน่าทึ่งกว่านั้นหากคุณรู้ว่าเขาใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีในการใช้ความ
สามารถมาสู่ตำแหน่งวิศวกรไทยที่ตำแหน่งสูงสุด
http://www.voicetv.co.th/content/7512/“ดรก้องภพอยู่เย็น”กับเรื่องภัยพิบัติในปี2012ตอนที่3
ตอนที่ 4
เราเชื่อว่าเบรคนี้คือเบรคที่อาจทำให้คุณ
ลุ้นระทึกกับคำตอบที่สุด
เพราะนี่คือคำถามที่มวลมนุษยชาติควรรู้!!!
ว่าจะเป็น สิ่งมีชิตนอกโลกมีจริงไหม,คำทำนาย 2012
เราควรวิตกแค่ไหน
และ...ภัยพิบัติ...มันเกิดจากอะไรบ้าง
!!!!..การทำความเข้าใจกับวิทยาศาสตร์อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้
http://www.voicetv.co.th/content/7513/“ดรก้องภพอยู่เย็น”กับเรื่องภัยพิบัติในปี2012ตอนที่4
Content by VoiceTV
ทำนายแผ่นดินไหวใหญ่ ในประเทศไทย
วันที่ 12 มิถุนายน 2553
จากรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ช่อง 3
ข้อมูลจาก ดร.ก้องภพ อยู่เย็น
สัมภาษณ์ ดร.สมิธ ธรรมสโรช อดีต
ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแ่ห่งชาติ
อาจเกิดจากดาวเรียงตัวกันและลมสุริยะ
แผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7-9 ริคเตอร์ ระหว่าง มิถุนายน - ตุลาคม
2010
12 มิถุนายน 2553 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 7 - 8.5
ริคเตอร์
8 กรกฎาคม 2553 เวลา 4 ทุ่ม (UTC ประเทศไทย ตีห้า) 7 - 8
ริคเตอร์
9 กันยายน 2553 เวลา 6 โมงเย็น (UTC ประเทศไทย ตี 1) 7.5 - 8.5
ริคเตอร์
21 กันยายน 2553 เวลา 10 โมงเช้า(UTC ประเทศไทย 5 โมงเย็น) 7 - 7.5
ริคเตอร์
7 ตุลาคม 2553 เวลา ตี 4 (UTC ประเทศไทย 11 โมงเช้า) 8-9
ริคเตอร์
ตุลาคม - ธันวาคม จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2013
ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
การบรรยายของ ดร.
ก้องภพ อยู่เย็น ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกี่ยวกับ จักรวาล
ระบบสุริยะจักรวาล และ การเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยายกาศบนโลก
ดูลิงค์
http://truth4thai.org/2012/lecture1
สัมภาษณ์ ดร.ก้องภพ
http://www.lonelytrees.net/wp-content/uploads/2010/01/a-view102.pdf