๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
เรียน เพื่อนครูและผู้บริหารที่รักทุกท่าน
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 บรรยากาศยามเช้าของเชียงใหม่ดูสดชื่น มองจากหน้าต่างห้องพักไปทางขวามือจะมีคลองส่งน้ำของกรมชลประทานตรงแน่วสุดลูกหูลูกตาขนาบไปด้วยถนนทั้งซ้ายขวา เป็นเส้นทางที่สามารถไปสนามบินได้ใกล้ที่สุด ส่วนหน้าต่างด้านซ้ายมือจะเห็นเส้นทางสายดอยสุเทพ-ตัวเมืองเชียงใหม่ มีตึกสูงเรียงแท่งแออัดลดหลั่นกันไป ดูข่าวภาคเช้าก็ไม่มีอะไรหวือหวา แต่งตัวลงไปทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมมีทั้งอาหารพื้นเมือง อาหารฝรั่งและอาหารจีน นั่งคุยกับคุณวินัย ชินสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มงานวินัยและนิติการ สพฐ. เกี่ยวกับงานกฎหมายที่ล้นมือของ สพฐ. เพราะนิติกรมีจำนวนจำกัด ขึ้นไปดูห้องประชุม ดูอึดอัดเพราะเพดานต่ำคล้ายอาคารจอดรถทำให้รู้สึกว่าถูกกดทับที่สมอง เขาใช้ไม้สักเป็นแผ่นทำฝ้าเพดานดูสวยงามและมีราคา ท่านรองเลขาธิการ กพฐ. นายเสน่ห์ ขาวโต เป็นประธานเปิดและบรรยายพิเศษ ประมาณ ๑ ชั่วโมง ให้ทำข้อสอบ pre-test อีกครึ่งชั่วโมง จากนั้นผมและคณะขึ้นชี้แจงหลักสูตรการอบรมและแนวจัดตั้งเครือข่ายส่งท้ายภาคเช้าด้วยคุณวินัย ชินสุวรรณ พบปะกับผู้เข้าอบรมในฐานะหน่วยที่จะใช้งานผู้ผ่านการอบรม เที่ยงทานข้าวที่ห้องอาหารเดิมของโรงแรม รสชาติลาบเหนือเขาอร่อยดี ขนมจีนแกงพื้นบ้านก็อร่อย ตามด้วยก๋วยเตี๋ยวและข้าวซอย บ่ายนั่งฟังท่านชนิตา วรพงศ์ ตุลาการศาลปกครองกลางบรรยายเรื่องการเขียนสำนวนการสอบสวน เย็นนั่งรถสองแถวไปห้างเซ็นทรัลปางสวนแก้ว เพื่อหาซื้อเครื่องเป่าผม เพราะโรงแรมไม่มีให้ อยากสระผม ค่าโดยสาร ๒๐ บาท เข้าไปในห้างที่กำลังจะปิดในเวลา ๑ ทุ่ม แต่ก็ซื้อของที่ผลิตจากจีนมา ๑ ตัวราคา ๒๖๕ บาท กลับที่พักไม่ได้ลงไปฟังการบรรยายอีก เป็นการบรรยายของท่านเฉลย พูนสวน เคยฟังมาแล้งสองรอบ
วันจันทร์ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๓ อาหารเช้าแบบเดิม ๆ เลือกกินข้าวราดหมูผัดพริก ตามด้วยกาแฟก็จบรายการอาหารเช้า วันนี้ภาคเช้าเป็นการบรรยายเกี่ยวกับพยานหลักฐานวิทยากรเป็นศาสตราจารย์ สบ.๖พลตำรวจตรีสัญญา บัวเจริญ คณบดีคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้นำคดีตัวอย่างที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถจับผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลได้ พยานหลักฐานเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญา คดีปกครอง คดีแพ่ง หรือแม้แต่วินัย โดยทั่วไปได้แบ่งพยานหลักฐานออกเป็น ๓ ประเภท คือ พยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานบุคคล บ่ายเป็นการบรรยายคดีทางปกครอง วิทยากรจากศาลปกครองเชียงใหม่ แต่ไม่ใช่ตุลาการ เนื้อหาจึงเน้นไปในกระบวนการทำคำฟ้อง แก้คำฟ้อง และกรณีตัวอย่างที่ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาไว้ ตอนเย็นเป็นเรื่องการกำหนดมาตรฐานโทษ อ.อุดม อินทรเวศน์วิไล จากสำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นการบรรยายที่สนุก เลิกประมาณ ๑ ทุ่ม ผู้เข้าอบรมจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันที่ห้องอาหาร นั่งฟังเพลงจน ๓ ทุ่มจึงกลับขึ้นนอน
วันอังคารที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เช้านี้เริ่มอบรมตั้งแต่ ๐๘.๐๐ น. เพราะสมาชิกอยากกลับบ้านเร็วเพราะเป็นวันสุดท้าย การจะลดเนื้อหาลงไม่สามารถทำได้เพราะเป็นนโยบายของ สพฐ. ที่จะอบรมเข้ม การเข้าห้องเรียนเร็วเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เลิกเร็วขึ้น ภาคเช้าคุณรณชิต บุตรภักดีธรรม นิติกรชำนาญการพิเศษ สพฐ. บรรยายเรื่องการอุทธรณ ร้องทุกข์ของข้าราชการ ลูกจ้างประจำและพนักงานราชการ มีใบงานให้แต่ละกลุ่มไปทำและนำเสนอ วิทยากรสรุปอีกครั้ง ที่น่าจะเล่าสู่กันฟังคือการอุทธรณ์หรือร้องทุกข์ของลูกจ้างประจำที่เกิดการการกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จะต้องยื่นอุทธรณ์หรือร้องทุกข์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้รับมอบอำนาจบังคับบัญชามาจากเลขาธิการ กพฐ. การกระทำใด ๆ ก็เปรียบเสมือนเลขาธิการ กพฐ. เป็นผู้กระทำ จึงร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชาที่เหนือขึ้นไปคือรัฐมนตรี เวลา ๑๑.๐๐ น. นายอุทิศ บัวศรี วิทยากรจากสำนักงาน ป,ป.ช.มาบรรยายต่อเนื่องไปจนเวลา ๑๕.๐๐ น. แต่เนื่องจากผมและคณะจองเที่ยวบินกลับกรุงเทพฯเวลา ๑๔.๕๐ จึงออกจากโรงแรมเวลา ๑๓.๔๕ น. รถของ สพท.เชียงใหม่ เขต ๑ ไปส่ง หลังเช็คอินเรียบร้อยแล้ว มีเวลาซื้อของกินของฝากจำพวกน้ำพริกหนุ่ม ไส้ฮั้ว เชียงใหม่มีฝนตกลงมาชุ่มฉ่ำไปทั้งสนามบินใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมงก็ถึงสุวรรณภูมิแต่ใช้เวลาเดินออกมารับกระเป๋าค่อนข้างนาน เต้ยมารับส่งกลับที่พักเกือบทุ่ม
วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ การประชุมอบรมของเครือข่ายภาคกลางจัดที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คุณพิษณุ ตุลสุข ผอ.สพร.เป็นประธานเปิดและบรรยายพิเศษ ต่อด้วยผมและคณะชี้แจงรายละเอียดเครือข่ายและหลักสูตรการอบรม ได้พบพรรคพวกทีมงานเก่าหลายท่านหลายจังหวัด อาหารเที่ยงเขาจัดไว้ชั้นล่างห้องอาหารป่าสัก บ่ายคุณกำพล วะทา นิติกรชำนาญการพิเศษ จาก ก.ค.ศ. มาบรรยายเรื่องกฎหมายปกครอง เย็นท่านรองฯ เฉลย พูนสวน มาบรรยายเรื่องการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย มาพักที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์เขาจัดให้นอนคู่กับท่านรองฯ สันติ รุ่งสมัย จาก สพท.นครปฐม เขต ๒ เลยนอนคุยกันจนดึก
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เช้าเป็นการบรรยายเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานโดยศาสตราจารย์ พลตำรวจตรีสัญญา บัวเจริญ คณบดีคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเดินทางกลับไปประชุมทางไกลรับฟังข้อราชการจาก เลขาธิการ กพฐ. ที่ สพท.ปทุมธานี เขต ๑ เสร็จภารกิจเดินทางกลับไปอยุธยาอีกครั้ง บ่ายท่านชนิตา วรพงศ์ ตุลาการศาลปกครองกลางบรรยายเรื่องการเขียนสำนวนการสืบสวนสอบสวน ได้รับแจ้งว่าครูและนักเรียนโรงเรียนวัดประดิษฐ์จินดาราม ไปเวียนเทียนที่วัดถูกผึ้งต่อยบาดเจ็บกว่า ๕๐ คน ต้องนำส่งโรงพยาบาลปทุมธานี ให้ท่านรองฯ ไปดูและรายงานให้ทราบว่าคงไม่ถึงกับเสียชีวิต เย็นเป็นเรื่องการกำหนดมาตรฐานโทษทางวินัย จนถึง ๑ ทุ่ม เดิมคณะเขาเตรียมล่องเรือชมกรุงเก่ากัน แต่ฝนตกลงมาอย่างหนักจึงต้องเปลี่ยนมานั่งกินกันที่ห้องอาหารป่าสัก มีดนตรี นักร้อง ให้ฟัง อยู่ประมาณ ๓ ทุ่มกลับขึ้นไปทำงานต่อที่ห้องพัก
วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เช้านิติกรจาก สพฐ. คุณรณชิต บุตรภักดีธรรม บรรยายเรื่องการอุทธรณ์ ร้องทุกข์ มีใบงานให้ทำเป็นรายกลุ่ม และเสนอรายงาน เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายและตรงกับวันหยุดวิสาขบูชา พวกเราจึงทยอยขนกระเป๋าไปเก็บที่รถ เที่ยงเขาเลี้ยงข้าวที่ห้องอาหารป่าสักชั้นล่างสุดบ่าย คุณอุทิศ บัวศรี จากสำนักงานป.ป.ช. บรรยายจน ๑๕.๐๐ น.ฟัง ป.ป.ช.บรรยายแล้วรู้ว่าเราทำผิดกฎหมายตั้งหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรับของขวัญ รับเลี้ยง รับค่าสอนพิเศษ การใช้รถราชการ พิธีปิดผมต้องรับหน้าที่ประธานปิดการอบรม เพราะเจ้าภาพหลัก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต ๑ ไม่อยู่ เป็นอันจบสิ้นโครงการทั้ง ๔ ภูมิภาค ขับรถชมกรุงเก่าหนึ่งรอบเห็นซากอิฐซากปูนทำให้คิดถึงความรุ่งเรืองในอดีต ทำไมจึงล่มสลายลงได้ถึงเพียงนี้ เคยเรียนสมัยเด็ก ๆ ว่าเพราะแตกความสามัคคี มา พ.ศ.นี้กำลังย้อนรอยเดิมอีกแล้ว สัปดาห์หน้าจะได้อยู่ทำงานประจำเขตเสียทีมีงานหลายเรื่องที่ต้องสะสาง
ก่อนลาสัปดาห์นี้จะนำเรื่องการประดับอินธนูกับเครื่องแบบข้าราชการ ซึ่งกฎหมายของเรากำหนดให้ใช้แบบเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดทำกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับใหม่ เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงอินทรธนูและเครื่องหมายตำแหน่งบนอินทรธนูให้สอดคล้องกับระบบจำแนกตำแหน่งใหม่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา จึงมีผลให้ข้าราชการพลเรือนสามัญทุกคนสามารถใช้เครื่องหมายตำแหน่งบนอินทรธนูที่แก้ไขใหม่ได้แล้ว ดังนี้
กำจัด คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต ๑
เรียนท่านผอ.
แวะมาทักทายและชมภาพบรรยากาศสวยๆค่ะ น่าไปเที่ยวจังเลยนะคะ
สวัสดีค่ะ ท่าน ผอ.
เข้ามาบล๊อกนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นค่ะ
เครื่องแบบใหม่สวยงามน่ะค่ะ
จริงๆแล้วเขาน่าจะมีเครื่องแบบเฉพาะครูน่ะค่ะ
เหมือนอย่างทหารที่ เวลาเราเห็นแล้วก็รู้ว่าทหารเหล่าไหน
แต่ไม่เป็นไรค่ะ อย่างนี้ก็นับว่าเป็นเกียรติยิ่งแล้วค่ะ
ท่านค่ะ..ครูบันเทิงขอเรียนเชิญท่าน เข้าไปตอบคำถามในบันทึกล่าสุดของครูบันเทิงค่ะ
ขอบคุณที่กรุณาน่ะค่ะ..
วันนี้ท่านมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนประถมศึกษาธรรมศาสตร์
ดิฉันได้อ่านบันทึกจากเจ้าพระยาแล้วนะคะ ได้ความรู้สึกของการอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาจริง ๆ
ท่านเป็นนักคิดและนักเขียนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ค่ะ
เรียน ท่าน ผอ.สพท.ปทุมธานี เขต 1
หนังสือ สพท.ปทุมธานี เขต1 เลขที่ ศธ 04086/ว 3670 ลว. 4 มิ.ย. 2553 เรื่องการติดตามการใช้คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประชาธิปไตยสำหรับครูผู้สอน แจ้งชื่อโรงเรียน-ผู้บริหารจำนวน 55 โรงเรียนที่ตอบแบบสอบถาม อยากเรียนให้ทราบว่า ผู้บริหาร 14 โรงเรียนย้ายไป 1-2 ปีกว่าแล้ว และ 2 โรงเรียนเกษียณไปนานแล้ว มี ศน.หลายคนทำงานอย่างนี้ เมื่อไหร่เขตของเราจะพัฒนา ??????
หายสงสัยแล้วว่าทำไม ศน.ไม่ออกโรงเรียน ทำงานอยู่ในห้องแอร์เขต-ห้องประชุมโรงแรม ไม่เคยเห็นสภาพโรงเรียนที่รับผิดชอบ แล้วจะพัฒนาอะไร ?????
การทำงานย่อมมีผิดพลาดได้ ยิ่งคนทำงานมากโอกาสพลาดย่อมมีเป็นธรรมดา เป้นกำลังใจให้คนทำงานค่ะ
เรียนท่านผอเขต
อยากให้เปิดสอบเอกทั่วไปบ้างเพราะคนที่จบสาขาวิชาอื่นๆที่ไม่มีเวลาเปิดสอบบรรจุจะได้มีโอกาสสมัครบ้างลูกจ้างสามปีพอถึงโอกาสก็ไม่มีโอกาสค่ะทุกข์ใจจริงๆค่ะท่านคงจะพอช่วยครูผู้น้อยบ้างนะค่ะ
ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
เรียนท่านผอ เขต
อยากให้ท่านช่วยเห็นใจพวกครูอัตราจ้างด้วยค่ะที่ความมั่นคงในชีวิตก็ไม่มีสวัสดิการอื่นๆๆ ทำงานด้วยความเต็มที่แต่พอสอบภายในกลับไม่ค่อยมีเอกพวกเราเลยค่ะ พอสอบครั้งใหญ่ก็คงจะเรียกไม่ถึงเราสักทีพวกเราก็หวังสามปีเหมือนเพื่อนครูที่ไปบรรจุกันแล้ว วอนความเห็นใจท่านด้วยนะค่ะอย่างน้อยก็เปิดเอกทั่วไปไม่จำกัดเอกไว้สักหนึ่งอัตราไว้ไปสอบแข่งความสามารถกันเอาเองยังดีกว่าไม่มีโอกาสที่ได้สอบเลยค่ะ