สืบเนื่องจากการสนทนาเชิงสรุปบทเรียนกับกลุ่มที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านพระเครื่องเมื่อวาน ทำให้ผมได้ข้อสรุปที่คิดว่าน่าจะสำคัญกับผู้ที่กำลังศึกษาพระเครื่องอยู่ โดยมีสาระสำคัญว่า “พระเครื่องก็มีชีวิตเหมือนกัน”
ที่ไม่มีชีวิตคือ “พระเก๊ หรือ พระโรงงาน”
แต่ถ้าจะว่าไป พระโรงงานก็น่าจะมีชีวิตอีกแบบ ก็คือชีวิตแบบ “เด็กๆ” โดยเฉพาะในเชิง
ดังนั้น พระแท้ (ที่มีอายุ และประสบการณ์) จึงตรงกันข้าม ที่จะต้อง
พระนาคปรกใหญ่จากกรุพระธาตุนาดูน
มีมวลสารทีแกร่งเหมือนหิน เนื้อแดง "มะขามเปียก" ศิลปะทวาราวดี ยุคคุปตะ
ทั้งคราบผุและคราบกรุกลมกลืนกับความกร่อนแบบธรรมชาติ
จึงมีนิทานให้อ่านมากมาย แล้วแต่ใครจะอ่านออก
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นคนไปส่องพระแล้วคุยกันได้เป็นวันๆ หรือส่องพระได้เป็นชั่วโมง หรือ หลายชั่วโมงกับพระเครื่ององค์เดียว โดยเฉพาะกับพระเครื่องที่มีเรื่องให้อ่าน มีประวัติของตัวเองบันทึกไว้ในองค์พระมากมาย และยาวนาน
นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า ความสุขของนักศึกษา(ในที่สุดก็สะสม)พระเครื่อง
พระชินราชใบเสมา พิมพ์กลาง ฐานสูง เนื้อเงิน ศิลปะอู่ทอง จากพิษณุโลก
มีทั้งคราบกรุ สนิมเงิน ศิลปะ เทคโนโลยีวัสดุ และสภาพการใช้ที่แฝงในเนื้อพระมากมาย
พระร่วงหลังรางปืน สนิมแดง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย
มีสนิมใหม่เก่า เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แบบ "มีชีวิต" จริงๆ
ถ้าของเก๊จะเป็นสีแดงทาตะกั่ว ไม่มีวิวัฒนาการของสนิม
ดังนั้นจึงขอกลับมาชี้ประเด็นว่า พระเครื่องแท้ๆ นั้นต้องมีชีวิตอย่างไรบ้าง นี่ว่าไปตามที่ผมไปอ่านและฟังมานะครับ ผิดถูกอย่างไร ขอให้ใช้วิจารณญาณกันเองครับ
แรกเริ่มเดิมทีของชีวิตพระนั้น เป็นการสะท้อนวิวัฒนาการของศิลปะ วัฒนธรรม ความเชื่อ ความรู้ ความสามารถ เทคโนโลยี ระบบสังคม ทรัพยากรที่มี ความเข้มแข็ง และความสามัคคีของคนในชุมชนนั้นๆ จนสามารถสร้างพระเครื่องที่สวยงาม แกร่ง ทนทาน และอยู่ได้มาเป็นพันปี จึงทำให้นักส่องพระต้องหาคำตอบเบื้องต้นว่า
หลังจากนั้นก็ต้องสืบค้นข้อมูลว่าพระองค์ที่เห็นอยู่นี้
เห็นไหมครับ นิทานที่มีอยู่ในพระแท้นั้นมากมายมหาศาล เพียงส่องดู
ที่นั่งอ่านเป็นวันๆ ก็ไม่จบ ที่นักส่องพระว่า “ดูไม่เบื่อ”
สำหรับประเด็นของการดูว่าพระเครื่องมีชีวิตนั้น มีสาระสำคัญที่ควรศึกษาและพิจารณาดังนี้
นี่แหละครับ ที่ผมรู้สึกว่า พระเครื่องแท้ๆ นั้น มีชีวิตที่น่าศึกษาและติดตามจริง ไม่เชื่อก็ขอให้ลองดูสักครั้ง แล้วท่านจะติดใจ
ไม่ลองไม่รู้ครับ
ขอขอบคุณมากครับอาจารย์ ผมอ่านบทความของอาจารย์แล้ว ตรงกับตัวผมมากที่สุเริ่มตั้งแต่เป็นหมูสนามและก็เช่าของแพง ปล่อยไม่ได้ขาดทุนโดยเฉพาะพระนิทานและสุดท้าย..ความโลภ บังตา..กิเลส..เยอะมาก..นับเป็นล้านแล้วครับตั้งแต่เข้าวงการมา 20 ปี..ศึกษาจากตำราตอนหลังอ่านnetก็ยังไม่วายโดน..แต่ก็ไม่เป็นไร แต่พอไปขอความกระจ่าง.งที่เขาเรียกตัวเองว่าเซียน..กลับมองว่าปลอม โดยไม่ชี้แนะ..หาข้อยุติไม่ได้ว่าปลอมอย่างไรตรงไหนของจริงต้องเป็นอย่างไร จนท้อ พอมาอ่านของอาจารย์มันทำใหเกิดกำลังใจมากที่ดียวครับผมขอเป็น กำลังใจให้อีกคนครับ..อย่างนี้ซิที่เขาเรียกกันว่านักวิชาการ/อาจารย์/เซียนของแท้ครับ
ดว้ยจิตคารวะ
ไพโรจน์