การบริหารจัดการตัวตนของมนุษย์งานของประชาชาติ (ที่ดี) ที่ควรตระหนัก[1]
ฟูอ๊าด (สุรชัย) ไวยวรรณจิตร[2]
“แท้ จริงอัลลอฮ์จะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของชนกลุ่มใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขา และเมื่ออัลลอฮ์ทรงปรารถนาความทุกข์แก่ชนกลุ่มใดแล้ว ก็จะไม่มีผู้ตอบโต้พระองค์” (อัรเราะอฺดุ อายะฮฺที่ ๑๑)
ผู้เขียนเริ่มต้นบทความชิ้นนี้ด้วยอายะฮฺกุรอ่านที่ต้องสร้างความตระหนักควรค่าแก่การปฏิบัติอย่างยิ่งสำหรับประชาชาติในทุกยุคทุกสมัย การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์จากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยมองข้ามผ่าผ่านกาลเวลาอย่างไร้ซึ่งการมองผ่านในประสบการณ์ของบททดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมา ที่ผ่านมาองค์กรเกิดความล้มเหลวอย่างไร้ทิศทางอันเนื่องจากสิ่งหนึ่งที่เรามักหลงลืมไป คือ ภารกิจการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นแนวทางภายใต้กรอบคิดของอัลอิสลาม
ในบรรดาปัจจัยทางการบริหาร ๔ ประการ ได้แก่ มนุษย์ เงิน วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ มนุษย์นับเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและสำคัญยิ่ง เพราะมนุษย์มีสติปัญญาที่สามารถใช้ทรัพยากรอื่น ๆ ได้แก่ เงิน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักร และกระบวนการจัดการในการทำงานให้ได้ผลงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นอกจากนี้ มนุษย์ยังมีความคิดสร้างสรรค์และสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งปัจจัยทางการบริหารอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น การบริหารคนจำนวนมากที่มีความหลากหลายด้านวิชาชีพ ด้านทักษะและความสามารถ ให้สามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงมีความสำคัญอย่างมาก เราจึงควรเรียนรู้ความหมายและความสำคัญของการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้วิธีการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสมต่อไป
ความสำคัญของการบริหารจัดการ[3]
ยุคของท่านนะบี ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะรับผิดชอบงานในด้านต่างๆได้อย่างลงตัว ตลอดจนเน้นเลือกเฟ้นคนดีและมีความสามารถเข้ามารับผิดชอบงานได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเผยแพร่ สังคม เศรษฐกิจ การทหาร การปกครอง และการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการอพยพมาสู่นครมาดีนะฮ์ท่านได้นำกฎหมายอิสลามมาใช้ วิธีการดังกล่าวนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และเป็นจุดเริ่มต้นของ รูปแบบการปกครองแบบอิสลาม จนถูกเรียกว่า กิยาม อัดเดาละฮฺ (การสถาปณารัฐอิสลาม) อันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการของท่าน เช่นเดียวกับความเจริญรุ่งเรืองและการขยายตัวในงานด้านต่างๆยุค ๔ เคาะลีฟะฮฺ ราชวงศ์อุมมัยยะฮฺ และราชวงศ์อับบาซียะฮฺล้วนได้รับอิทธิพลมาจากรูปแบบการบริหารและจัดการของ ท่านนะบี ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและโลกอิสลามให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ก้าวหน้า และยืนยงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
การโอนถ่าย อำนาจ และหน้าที่
เมื่อการบริหารการจัดการงานของอุมมะฮ์(ประชาชาติ)อย่างมีรูปแบบและแบบแผนใน นครมะดีนะฮ์ ก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงตามมาในสังคมมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเผยแพร่ศาสนา การศึกษา การจัดระเบียบสังคม การส่งเสริมให้รู้จักทำมาหากินสร้างรายได้ การสร้างฐานทางเศรษฐกิจ และการปกครอง ตลอดจนการใช้กฎหมายอิสลาม ดังนั้นภารกิจและความรับผิดชอบต่างๆ ดังที่กล่าวมาจึงจำเป็นต้องมีการถ่ายเทจากรุ่นสู่รุ่น ท่านนะบี เคยกล่าวว่า
“ทุกครั้งที่นะบีท่านหนึ่งได้จบชีวิตไป จะมีนะบีอีกท่านตามมา และแท้จริงหลังจากข้าพเจ้าจะไม่มีนะบีอีก แต่จะมีเพียงบรรดาตัวแทนเท่านั้น” (รายงานสอดคล้องทั้งอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
นอกจากนั้นท่านยังได้กล่าวว่า
“ผู้ใดภักดีต่อข้าพเจ้า แท้จริงเขาได้ภักดีต่ออัลลอฮ์แล้ว และผู้ใดทรยศต่อข้าพเจ้า แท้จริงเขาได้ทรยศต่ออัลลอฮ์แล้ว ผู้ใดภักดีต่อผู้นำ แท้จริงเขาได้ภักดีต่อข้าพเจ้า ผู้ใดทรยศต่อผู้นำ แท้จริงเขาทรยศต่อข้าพเจ้า” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
การกระจายอำนาจ และหน้าที่
การดำเนินงาน การบริหารและการจัดการงานอุมมะฮ์(ประชาชาติ) นั้นจะไม่อาจลุล่วงไปได้ด้วยดี หากปล่อยให้ผู้นำรับผิดชอบหรือผูกขาดอำนาจเพียงลำพัง โดยปราศจากการกระจายหน้าที่ แบ่งเบาภาระ และความรับผิดชอบให้แก่ผู้ที่เหมาะสมและมีความสามารถอย่างแท้จริง เพราะในความเป็นจริงคงไม่มีใครสามารถกระทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง หรือเชี่ยวชาญในทุกๆเรื่องโดยไม่พึงพาใคร การกระจายอำนาจบริหารและหน้าที่ต่างๆเหล่านี้ สามารถพบได้จากช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในนครมะดีนะฮ์ ทั้งในรูปแบบมอบหมายให้รับผิดชอบงานเป็นรายบุคคลและกลุ่มคณะ นอกจากนั้นท่านนะบี ยังกำชับว่า
“ทุกคนย่อมมีหน้าที่ และทุกคนต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ ผู้นำก็มีหน้าที่และเขาต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเขา ชายคนหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัว และเขาต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเขา สตรีคนหนึ่งก็มีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัวของสามี และนางต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของนาง คนรับใช้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของเจ้านาย และเขาต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเขา ทุกคนต้องมีหน้าที่และต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเขา” (รายงานสอดคล้องทั้งอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
บทสรุป
พลันเขียนบทความชิ้นนี้เสร็จสิ้นผู้เขียนนึกถึงคำสองคำ คือคำว่า “โลกทรรศน์” กับคำว่า “วิสัยทัศน์” ด้วยเหตุผลของสภาวการณ์ในปัจจุบันเมื่อย้อนกลับมาทบทวนในสภาวการณ์ของสังคมในปัจจุบันถึงการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในบริบทแง่มุมต่างๆสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ทรัพยากรที่เรามีอยู่ไม่ว่าจะยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งใดหน้าที่ในบริบทใดทำความเข้าใจของคำสองคำไม่แตกฉานถึงการงานที่ควรจะเป็นแม้เราจะมีพันธกิจที่เขียนไว้ประจักษ์ชัดแจ้งในถ้อยแถลง แต่หากทรัพยากรของสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่เรียกว่ามนุษย์ไม่สามารถแยกแยะระหว่างหน้าที่กับความรับผิดชอบ กรอบของความคิดในการสร้าง “วิสัยทัศน์” สู่การมอง “โลกทรรศน์” ในการเดินทางต่อไปของพันธกิจก็คงจะมืดอับดับแสงไปอีกนานตราบเท่าที่คนคนหนึ่งจะรู้จักกับคำว่า หน้าที่ “การบริหารจัดการมนุษย์ของอุมมะฮฺ (ประชาชาติ) ที่ดี”
-วัลลอฮฺอะลัม-
[1] บทความเรียบเรียงเสนอมุมคิดของการบริการจัดการทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ความคิดเห็นของผู้เขียน
[2] อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
[3] นิพล แสงศรี.๒๕๕๓. การบริหาร จัดการงานของอุมมะฮ์(ประชาชาติ) (ออนไลน์). สืบค้นจาก http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=4&id=2182 . [เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓]
สวัสดีค่ะ
โลกทรรศน์ทำให้เกิดวิสัยทัศน์ ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ย่อมอยู่ในโลกทรรศน์ที่งดงาม สองอย่างนี้ผูกพันกันจริงไหมน้อง
ขอบคุณมากครับพี่ครูคิม
ครับหากเราทำให้มันไปควบคู่กันได้สังคมจะเกิดการพัฒนาได้ีอีกเยอะเลยครับ
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
สวัสดีคะ ไม่คอยเข้าในในคำสอนของศาสนา แต่จากคำกล่าวนี้
“ทุกครั้งที่นะบีท่านหนึ่งได้จบชีวิตไป จะมีนะบีอีกท่านตามมา และแท้จริงหลังจากข้าพเจ้าจะไม่มีนะบีอีก แต่จะมีเพียงบรรดาตัวแทนเท่านั้น”
การสืบทอดความดีแม้เป็นแค่ตัวแทน แต่ความดีที่สืบทดกันมาก็งดงามเสมอ
อ่านทบความนี้แล้ว ให้ความคิดดีๆมากมาย
อัลฮัมดุลิลละฮฺ...ขอบคุณมากครับ
ไม่แสดงตน
ท่านอธิการบดีได้พูดเรื่องการบริหาร การเป็นผู้นำในอิสลาม ท่านพูดเป็นภาษาไทยอาจจะไม่เรียบบ้าง สนใจคลิ๊กฟังได้ที่ เว็บของผม www.almustofa.com
ปัจจุบันคนเราไม่ได้ใช้พลังที่ทรงอนุภาพที่อัลลอฮฺประทานให้
ทุกอย่างก็เลยเป็นอย่างที่เห็นในสังคมปัจจุบัน แต่ทุกก็มีทางออก อินชาอัลลอฮฺ ขอบคุณอาจารย์มาก