บทเรียนที่เรียนรู้
สมพร หันชะนา โรงพยาบาลเสลภูมิ ร้อยเอ็ด
วันนั้น ดิฉันได้ไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วยอัมพาตครึ่งวีกรายหนึ่ง หลังจากได้เก้บข้อมูลวิจัยและคืนข้อมูลสู่ชุมชนแล้ว ผู้ป่วยชายอายุ 66 ปีรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า “ ผมเป็นอัมพาตมา 3 ปี ไม่เคยมีใครมาสนใจพูดคุยกับผมเลย พอหมอมาทำวิจัยเหมือนมาโปรดคนพิการ นักกายภาพบำบัดก็มาเยี่ยม มาสอนทำที่บ้าน จนผมเดินได้ด้วยไม้เท้า มันดีขึ้นกว่าเดิม มันทำให้ชีวิตผมดีขึ้น เทศบาลก้มาช่วย ทำบัตรคนพิการให้ บอกว่าจะให้เบี้ยยังชีพ อีกเดือนละ 500 บาท ผมขอบคุณจริง ๆ “ ได้ยินเช่นนี้ก็เลยถามผู้ป่วยว่า หากตั้งชมรมผู้ป่วยอัมพาต อยากจะเข้าร่วมไหม ? ลุงบอกว่า “อยากทำมานานแล้ว ถ้ามีชมรมผมจะได้ช่วยเล่าประสบการณ์ที่ผมต้องเป็นอัมพาตและจะสอนคนอื่น ๆ ไม่ให้เขามาเป็นอัมพาตเหมือนผม จะบอกคนที่เป็นอัมพาตว่าว่า เขาต้องทำตัวอย่างไร จะได้ไม่เป็นมากเหมือนผม ถึงเป็นอัมพาตแต่ก็ยังอยากทำประโยชน์ให้ ให้คนอื่น ๆ บ้าง บอกมาเถอะจะให้ช่วยอย่างไร จะทำหมด “
เราฟังแล้วก็ได้บทเรียนสอนตนเองว่า ขนาดเขาเป็นอัมพาต ฐานะก็ยากจนก็ยังอยากช่วยสังคม แล้วเราล่ะ! จะทำอะไรให้สังคมบ้าง ฟังคนไข้แล้วก็เกิดคำถามนี้ขึ้นในใจทันที รู้สึกว่าได้กำลังใจจากสิ่งที่เคยท้อแท้แล้วได้พลังกลับมา ผู้ป่วยก็เป็นครูที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเองนี่แหละสำคัญที่สุด ว่าเราจะเลือกแบบไหน ถึงจะมีโอกาสได้สร้างคุณค่าให้กับตัวเอง จากงานวิจัยเชิงคุณภาพชิ้นเล็ก ๆ ที่ตัวเองได้มีโอกาสได้ทำรู้สึกมันช่วยปรับกระบวนทัศน์และเป็นบทเรียนที่มีค่ายิ่งต่อตนเองในการทำงาน
ไม่มีความเห็น