โรงเรียนทางเลือก การศึกษานอกกรอบ

“โรงเรียนทางเลือก  การศึกษานอกกรอบ”

                ในภาวะที่สังคมโลกและสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ทำให้รูปแบบการศึกษาในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป   การที่บุตรหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง  และเป็นโรงเรียนที่เน้นวิชาการอย่างเดียว โดยดูอัตราส่วนของนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองไทยได้    เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองภาคภูมิใจ   สังเกตได้จากการรับสมัครเข้าเรียนของโรงเรียนดัง ๆ ซึ่งมีผู้สมัครเยอะและใช้วิธีคัดเลือกต่าง ๆ  เช่น  การสอบ  การจับฉลาก  เป็นต้น  เด็กบางคนจับฉลากไม่ได้ถึงขั้นร้องไห้และผู้ปกครองก็ร้องไห้  ซึ่งทำให้เราต้องย้อนกลับมาคิดว่าการศึกษาที่แท้จริงแล้วคืออะไร  การที่เด็กอายุ ประมาณ  7 ขวบ  ต้องมีภาวะความเครียดเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่  การเข้าโรงเรียนที่เน้นเฉพาะวิชาการอย่างเดียวสามารถทำให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างแท้จริงหรือ  หากมีโรงเรียนที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้    มีประสบการณ์ได้อย่างแท้จริง  และที่สำคัญสนุกกับการเรียนจะดีกว่าไหม   และวันนี้ดิฉันมีโรงเรียนทางเลือกที่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้  มาแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้ทราบค่ะ

 

                สำหรับโรงเรียนแรก คือ  “โรงเรียนรุ่งอรุณ”  ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงเรียนทางเลือกแห่งแรกของเมืองไทย  โดยยึดรูปแบบการศึกษาแนววิถีพุทธ  ซึ่งหมายถึง  ชีวิตคือการเรียนรู้  ดังนั้นจึงมีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบองค์รวม  โดยมีการบูรณาการสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ร่วมกัน  เน้นกระบวนการเรียนรู้ 3 ข้อ  คือ  1. เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง  2.ลงมือทำ

 

3.สื่อสารให้เป็น   จากกระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ได้รับจากประสบการณ์ตรงโดยที่ตนเองได้เป็นผู้ปฏิบัติ  ส่งผลให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน  มีการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล   มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง  และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวันได้   สำหรับสภาพแวดล้อมในโรงเรียนได้จัดไว้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด   มีต้นไม้  สระน้ำ   บรรยากาศร่มรื่น  เอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้  

 

                โรงเรียนที่สองคือ  “โรงเรียนเพลินพัฒนา”  ซึ่งเป็นโรงเรียนทางเลือกอีกแห่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจ  มีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการและเชื่อมโยงสิ่งต่าง  ๆ  เข้าด้วยกัน  มีแนวทางการพัฒนาแบบก้าวพอดี  คือ  เป็นการเรียนที่สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัยของผู้เรียน  โดยไม่เร่งผู้เรียนจนเกินไป  กระบวนการสำคัญในการพัฒนาผู้เรียน คือ  1 .ทักษะชีวิต 2. ทักษะการเรียนรู้  3.ทักษะการทำงาน   ส่งผลให้เด็กเรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการและในด้านการใช้ชีวิต  เด็กในโรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นเด็กที่รู้จักคิด   โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง  มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่   และเพลิดเพลินในการเรียน

 

                โรงเรียนสุดท้ายที่จะแนะนำในวันนี้คือ  “โรงเรียนปัญญโญทัย”   เป็นโรงเรียนที่ยืดหลักการจัดการศึกษาของ          วอลดอร์ฟ  คือมีความเชื่อว่า  การเรียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  เน้นการจัดการเรียนรู้แบบเป็นองค์รวม  มุ่งพัฒนาผู้เรียนในทุกด้านทั้งร่างการ  สติปัญญา  และจิตใจ   การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจะจัดให้เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัยและความแตกต่างระหว่างบุคคล  มีการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน  และบางครั้งก็ออกไปนอกโรงเรียน  โดยโรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวัดและประเมินผลมากนัก  แต่ต้องการให้เด็กมีทักษะในการดำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวของตัวเอง   และมีการสอดแทรกวิชาศิลปะในทุกระดับชั้นเรียน  จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ  ผู้ปกครองของนักเรียนจะต้องให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนเพื่อให้การเรียนการสอนไปเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ

 

จากโรงเรียนทางเลือกที่กล่าวมาข้างต้น  มีข้อดีต่าง ๆ  มากมาย  แต่ในเมื่อมีสิ่งดี ๆ  ก็มักจะมีข้อจำกัดบางประการ  ดังนี้  1.โรงเรียนทางเลือกโดยมากค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง  2.ถ้าเปรียบเทียบในด้านวิชาการจริง ๆ  กับโรงเรียนในกระแสหลักก็ถือว่ายังอ่อนกว่า  ดังนั้นดิฉันคิดว่าหากโรงเรียนของรัฐบาลมีแนวคิดที่จะพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงควรจะปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนให้มีลักษณะเหมือนกับโรงเรียนทางเลือก ซึ่งถือว่าเป็นการศึกษานอกกรอบ ที่น่าสนใจ  และเป็นการสร้างทางเลือกให้กับการศึกษาสำหรับคนในทุกระดับ

[มาตายี]

[Wasawat Deemarn]

จัดวางเอกสารในบันทึกผิดพลาดหรือเปล่าน้า ... ปรับหน่อยนะครับ ;)