แนะนำหนังสือ "ไล่ตงจิ้น"


เด็กเร่ร่อน ลูกกรรมกรก่อสร้าง คนสู้ชีวิต

 

 

 

แนะนำหนังสือ"ไล่ตงจิ้น"

                   ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งจากสำนักพิมพ์นานมี  เขาส่งมาให้อ่านและให้ผมช่วยเขียนคำนำให้ หนังสือเล่มนี้ชื่อ “ไล่ตงจิ้น” เป็นหนังสือขายดีในประเทศไต้หวัน  เขียนโดย “นายไล่ตงจิ้น”ที่เล่าถึงประวัติชีวิตตนเองได้อย่างน่าอ่านมาก  การได้อ่านผ่านไปทีละหน้านั้น ทำให้ผมได้หวนนึกไปถึงเมื่อ 20 กว่าปีก่อนโน้น ที่ได้มีโอกาสออกตระเวณไปตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร แล้วได้พบเห็น “ชีวิตของเด็กๆ มากมาย”ทั้งที่นั่งขอทานอยู่บนสะพานลอย  ที่เร่ร่อนหาอยู่หากินชนิดค่ำไหนนอนนั่น  บ้างก็ใช้ชีวิตอยู่ใต้สะพานหรือเพิงพักที่ทำด้วยเศษไม้  หรืออยู่ในเพิงสังกะสีที่เป็นบ้านพักของเหล่าคนงานก่อสร้าง

                   ชีวิตที่ยากเข็ญและด้อยโอกาสของเด็กๆ เหล่านี้  นอกจากจะสร้างความสะเทือนใจแก่ผมที่ได้พบเห็นแล้ว  ยังสร้างแรงจูงใจให้ผมคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำเพื่อพวกเขาขึ้นมา  เช่นการจัดหาและฝึกอบรมคนจำนวนหนึ่งให้ออกไปช่วยเหลือดูแลพวกเขา จนเป็นที่มาของ “ครูข้างถนน” ที่สังคมรู้จักกันดีว่าเป้นรูปแบบการดูแลและช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนให้พ้นออกมาจากถนนไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม   รวมไปถึงเป็นที่มาของ “ครูชุมชน”เข้าไปจัดการศึกษาแก่ลูกคนงานในแหล่งก่อสร้าง  ไปเปิดศูนย์ดูแลเด็กๆ ในชุมชนสลัมเล็กๆ ทั่วไป

                    ดังนั้น  ชีวิตของเด็กเหล่านี้คนแล้วคนเล่าจึงผ่านเข้ามาอยู่ในความรับรู้ของผม  บ่อยครั้งที่ผมต้องน้ำตาซึมกับชีวิตที่ปวดร้าวของเด็กที่ถูกเลี้ยงดูด้วยอารมณ์บนมีดอีโต้ที่เฉาะลงบนศรีษะแผลแล้วแผลเล่า  หลายชีวิตกลายเป็นเหยื่อทางเพศของบุพการีหลายปีติดต่อกันซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้ารันทดนัก  เช่นกันกับความรู้สึกที่รับไม่ได้เมื่อพบเห็นแม่ที่จูงลูกสาวออกเร่ขายตัวหาเงินตามสถานที่ทั่วไป

                    นี่คือชีวิตจริง  ความจริงของชีวิตที่เกิดและต้องทนอยู่ในครอบครัวที่ร้อนรุนแรงและไม่เป้นสุข

                    ครั้นเมื่อพวกเขาและเธอมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่  พ้นจากความรุนแรง  พ้นจากชีวิตที่ปวดร้าว  จากถนนมาสู่ความเป็นปกติ  ความสุขและความเจริญงอกงามของชีวิตก็เติบใหญ่ขึ้น  เป็นผู้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จดูแลตนเองได้ในเวลาต่อมา

                    แต่ “ไล่ตงจิ้น” เป็นกรณีชีวิตที่น่าสนใจอีกแบบ เขาคือตัวอย่างชีวิตของเด็กด้อยโอกาสคนหนึ่งในประเทศไต้หวัน  ที่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเด็กหลายแสนคนในประเทศของเรา  เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวลูกมาก มีพ่อตาบอดเร่ขอทาน  แม่ปัญญาอ่อน  เป็นครอบครัวยากจนเงินทอง จึงยากจนแสนเข็ญ อดมื้อกินมื้อ  ต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยการเร่ขอทานไปพร้อมพ่อ  ในขณะที่แม่และน้องอีกคนที่ปัญญาอ่อนถูกล่ามโซ่ไว้เพื่อกันพลัดหลง  เขาจึงมีชีวิตที่ “ต้องสู้”คือสู้กับชะตากรรมที่เกิดมาในครอบครัวไม่พร้อม  ที่สำคัญคือเขาสู้กับ “จิตใจตนเอง”ที่หลายครั้งเขาเกือบแพ้ถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย  แต่แล้วเขาก็ผ่านพ้นมันมาได้  จนมีวันนี้ที่เขาประสบความสำเร็จเป็นตัวอย่างของคนเด่นคนดังที่ชาวไต้หวันรู้จักกันเป็นอย่างดี

                   เขามีชีวิตอย่างไร  เขาสู้เช่นไรและประสบความสำเร็จได้ในลักษณะใด  หนังสือเล่มนี้ไขปัญหานั้นได้เป็นอย่างดี  ผมไม่ได้โน้มน้าวให้ท่านอ่าน  แต่ท่านและลูกหลานทุกคนควรอ่าน  แล้วจะได้คำตอบมากมายในการดำเนินชีวิตที่มีความหมายสืบไป

                  กระนั้นก็ตาม ผมมีประเด็นหนึ่งที่ขอกล่าวทิ้งท้ายไว้ ก็คือ “ไล่ตงจิ้น”มีวันนี้ได้   เพราะแรงผลักดันให้ต้องสู้ที่มาจากความยากจนของครอบครัว  และเช่นกันที่เขามีพลังใจเข้มแข็งในการหยัดยืนสู้ชีวิตก็เพราะครอบครัวของเขามี “ความรัก”เป็นพื้นฐานสำคัญ 

            “ความรัก”ที่มาจากพ่อพิการตาบอด ที่รักและห่วงใยแม่ที่ปัญญาอ่อน  แม้พิการตาบอด แต่ก็มีความรักเป็นพื้นฐานให้สู้อย่างอดทนเพื่อเมียและลูกๆ อีก 12 ชีวิต....น่าทึ่งและน่าอ่าน โดยเฉพาะสำหรับ “เด็กๆ”ในสังคมไทยที่กำลังตกอยู่ในสภาพ “หนักไม่เอา เบาไม่สู้”และไม่เข้าใจคำว่า “กตัญญูรู้คุณ”ในปัจจุบัน

 

                                                         

 

 

หมายเลขบันทึก: 355703เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2010 10:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 10:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • ดิฉันได้อ่านค่ะ  ไม่เคยคิดเลยนะคะว่าชีวิตของไล่ตงจิ้น  จะพบกับเหตุการณ์บีบคั้นแร้นแค้นมากมายถึงขนาดนั้น
  • ดิฉันไปซื้อไล่ตงจิ้นฉบับการ์ตูนไปให้นักเรียนอ่านด้วยค่ะ
  • นึกถึงอีกเรื่องคือ "พลิกชีวิต" ของคุณสมคิด ลวางกูรค่ะ
  • ดิฉันหามาให้เด็ก ๆ อ่านเช่นกันค่ะ
  • เห็นด้วยค่ะ... เด็กๆ”ในสังคมไทยที่กำลังตกอยู่ในสภาพ หนักไม่เอา เบาไม่สู้”และไม่เข้าใจคำว่า กตัญญุรู้คุณ”ในปัจจุบัน 
  • ชอบสบายใช้ชีวิตไปวัน ๆ เห็นการเรียนเป็นเรื่องน่าเบื่อ  โดยเพาะที่โรงเรียนบ้านนอกที่ดิฉันสอนอยู่   เด็กเล่นการพนัน สูบบุหรี่ ดื่มของมึนเมา  เพราะพ่อแม่หรือคนในครอบครัวทำเป็นตัวอย่าง เด็ก ๆ เข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา
  • เมื่อมาโรงเรียนครูบอกว่า...เรื่องแบบนี้ไม่สมควรและเป็นเรื่องไม่น่าทำ .. เด็กจะเชื่อครูเฉพาะอยู่ในโรงเรียนเท่านั้นค่ะ
  • เด้กบางคน  บอกชื่อพ่อชื่อแม่ไม่ถูก  เพราะไม่ทราบจะบอกคนไหน  การมีพ่อใหม่ แม่ใหม่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กอีกเช่นกัน  แต่ดิฉันฟังแล้วปวดร้าวแทนเด็กค่ะ
  • ขอขอบพระคุณค่ะที่มีโอกาสมาแลกเปลี่ยน

ขออนุญาตครูหยุย และครูคิม ขอไปมองต่างมุม ในแง่ของครอบครัว พ่อเป็นคนตาบอด แม่เป็นคนปัญญาอ่อน ความรักของคน 2 คนยิ่งใหญ่มาก แต่ถ้าเค้าหยุดคิดสักนิดว่าผลพวงจากความรักของเค้า 2 คน ทำให้คนอีก 2 คนที่เป็นลูกลำบากมากกกกกกก (ที่จริงไม่ใช่ลำบากแค่ 2 คน ต้อง 4 คน) กว่าจะเลี้ยงลูกจนโตช่วยเหลือตัวเองได้ คงสาหัสเหมือนกันนะ ...... เป็นบทเรียนที่เด็กวัยรุ่นควรคิดเหมือนกันนะ ครูหยุย ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท