การเล่านิทานสามารถสร้างจินตนาการให้กับลูกๆของเราได้ นับตั้งแต่ลูกสาวและลูกชายเติบโตมา จะมีนิทานที่ดิฉันมักจะเล่าให้ลูกๆฟังเสมอ เวลาที่มีฝนตกฟ้าแลบฟ้าร้อง เรื่องราวของเมขลากับรามสูร ขับรถไป 3 คนแม่ลูกก็จะเล่าเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ปะติดปะต่อกันไปแต่ไม่จบสักที
พอดีวันนี้ว่างสัก 20 นาที เลยมาค้นหาข้อมูลของนิทานปรัมปราเรื่องนี้ จะได้เล่าให้ลูกฟังช่วงฤดูฝนได้อย่างน่าฟัง และถูกต้อง ขออนุญาตนำมาจาก เวป.วิชาการ.คอม นะคะ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ขอบคุณมากที่ให้ข้อมูลดีดี เพื่อเสริมพัฒนาการของลูกๆ เรื่องราวมีดังนี้คะ
ณ สวรรค์ชั้นฟ้าอันเป็นที่สถิตของเหล่าเทพยดาและบรรดานางฟ้าทั้งหลาย ครั้นถึงวสันตฤดูเหล่าทวยเทพร่วมกันจัดงานนักขัตฤกษ์ มีการละเล่นเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ในครั้งนั้นนางฟ้าองค์หนึ่งนามว่า เมขลา สถิตอยู่ ณ วิมานรัตนะ ซึ่งมีหน้าที่คอยพิทักษ์รักษา สมุทรไท นางมีดวงแก้ววิเศษดวงหนึ่งซึ่งทำให้มีอิทธิฤทธิ์ เมื่อเหาะไปแห่งหนให้เมขลาก็ถือดวงแก้ววิเศษนี้ติดตัวไปเสมอ |
ขณะที่นางเมขลาเหาะออกจากวิมานเพื่อไปร่วมงานนักขัตฤกษ์ บังเอิญเจ้ายักษ์รามสูรได้เห็นแสงแวววาวของดวงแก้ววิเศษก็นึก อยากได้รีบเหาะติดตามหมายจะชิงมาเป็นของตน ส่วนนางเมขลาเห็นจอมอสูรผู้นี้เป็นยักษ์ชั้นเลวที่เที่ยวเกะกะระรานไปทั่วทั้งแดน สวรรค์และบาดาล เหล่าเทพเทวาทั้งหลายต่างเกลียดและกลัวไม่อยากจะตอแยด้วย เพราะเจ้ายักษ์รามสูรมีขวานวิเศษอยู่ด้ามหนึ่ง ทำให้ไม่มีใครสู้ฤทธิ์ได้ นางเมขลาจึงคิดที่จะยั่วโทสะ |
ขณะนั้น พระอรชุน ผู้เป็นใหญ่เหาะผ่านมาพอดี เจ้ายักษ์รามสูรกำลังโมโหจึงตวาดใส่พระอรชุนที่เหาะมา ขวางข้างหน้า ในที่สุดก็เกิดรบกัน ต่างก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จนในที่สุดพระอรชุนก็พลาดถูกจอมอสูรจับขาฟาดกับเขาพระสุเมรุ จนสิ้นชีพ และผลการรบในครั้งนี้ถึงกับทำให้เขาพระสุเมรุเอียงทรุด |
ร้อนถึงเหล่าเทพยดาทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาฤๅษีชีไพร ครุฑ นาค คนธรรพ์ ต้องมาทำพิธีชะลอเขาพระสุเมรุให้กลับตั้งตรงดังเดิม |
บางตำรากล่าวว่า นางเมขลาเป็นนางฟ้าผู้เป็นนางบำเรอของพระอิศวร วันหนึ่งนางได้ทูลถามต่อพระอิศวรว่า เพราะเหตุใดนางจึง ต้องมีเวรเข้าเฝ้า จึงได้รับคำตอบว่านางนั้นเหนือกว่านางฟ้าทั่วไปเพราะเป็นรองพระอุมาและมีหน้าที่ดูแลดวงแก้ว จนอยู่มาวันหนึ่ง นางเมขลาเกิดไม่พอใจในฐานะความเป็นอยู่ จึงได้ลักดวงแก้วของพระอิศวรและเหาะไปเที่ยวเล่น เนื่องจากมีดวงแก้ววิเศษ เหล่า เทพเทวาทั้งหลายจึงไม่อาจจับตัวได้ |
กล่าวถึงรามสูรผู้เป็นสหายกับฝน กินลมเป็นอาหาร เป็นมิตรกับพระราหู และมีขวานเพชรเป็นอาวุธ วันหนึ่งรามสูรได้รับการไหว้ วานจากพระราหูให้ชิงดวงแก้วและจับนางเมขลา เพื่อพระราหูจะได้นำไปถวายพระอิศวรเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ตนเคยไปแปลงเป็น เทวดาแอบกินน้ำอมฤต แต่ด้วยอำนาจแสงที่ส่องจากดวงแก้ว รามสูรจึงไม่สามารถขว้างขวานถูกนางเมขลาได้แม้แต่ครั้งเดียว |
ดังนั้นเมื่อนางเมขลากับรามสูรพบกันเมื่อไหร่ก็จะเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นทั้งแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าเป็น ที่มาของปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า นั่นเอง |
สวัสดีครับคุณ เทียนขาว
เป็นนิทานเรื่องเล่าที่ ทุกภาคทุกหบ้านเล่ากัน ถึงเรื่องรามสูขข้วางขวาน เมฆขลาล่อแก้ว
ขอบคุณที่ยังคงมีนิทานให้ลูกหลานฟังครับ
+ สวัสดีค่ะคุณเทียนขาว...
+ แม่อ๋อยมีลูกสาวค่ะ...5 ขวบปีแล้วค่ะ...เรียนอนุบาล 3 ค่ะ...ชื่อ "แอมแปร์" ค่ะ
+ ปกติถ้าไม่เหนื่อยเกินไป...ต้องอ่านหนังสือนิทานก่อนนอนเสมอค่ะ...
+ บางครั้งแกล้งอ่านผิด...รู้อีกค่ะว่าผิด...ด้วยความที่อ่านซ้ำๆแต่ยังไม่เบื่อนะค่ะ...
+ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิทานเรื่องนี้...คืนนี้เจ้าแอมแปร์คงได้สนุกก่อนนอนแน่นอนค่ะ
+ ยังไง..อย่าลืมนำภาพเด็ก ๆ มาฝากให้แอมแปร์รู้จักบ้างนะค่ะ...
+ อิ อิ...ย้อนหลังกลับไปอ่านบันทึก...เห็นหน้าตาแล้วค่ะ...หนูภัทรและเจ้าภูมิ...
+ ดูเหมือนเจ้าภูมิจะซ่าส์เอาการนะค่ะ...
+ หนูภัทรและเจ้าแอมแปร์ดูเหมือนว่าสีผิวใกล้เคียงกันค่ะ...อิ อิ...
ขอบคุณ แม่อ๋อยคะที่เข้ามาแลกเปลี่ยน สุดยอดเลยค่ะเลี้ยงลูกสองคนที่วัยใกล้เคียงกัน น้องแอมแปร์น่ารักนะคะ ร่าเริง สดใส แววตาจริงจังเหมือนกัน วัยเท่าๆกับน้องภัทรคะ เปิดเทอมนี้น้องภัทรขึ้นชั้น อ.3/2 ค่ะ ที่ รร.มารีวิทยา จังหวัดศรีสะเกษ ตอนนี้ปิดเทอมคะ คุณแม่ไม่ได้ให้เรียนพิเศษ แต่สอนเองช่วงเย็นหลังเลิกงาน ประมาณ 20.30-22.00 น. แต่บางทีก็ได้ประมาณ 21.00 น.ก็หลับแล้ว ไม่อยากให้ลูกเครียดมาก ต้องให้ดื่มนมวันละ 3-4 กล่อง ออกกำลังกาบทุกวัน ประเภทวิ่งเล่น หัวเราะตามประสา เสียงดังมากๆค่ะ
สีผิวใกล้เคียงค่ะ คุณพ่อน้องภัทรผิวคล้ำลูกๆเลยเข้มไปตามๆกัน ชื่นชมคะ ท่าทางแอมแปร์ก็เก่งได้เรื่องทีแล้วนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ คงได้คุยกันอีกนะคะ
สำหรับนิทานที่เล่า เจ้าภูมิจะจำได้ทุกเรื่องค่ะ ทุกตัวละคร ถ้าเล่าผิดหรือลืมก็อย่างว่าต้องให้ลูกเล่าต่อให้ ทำงานเยอะมากคะ แต่ไม่ลืมที่จะแสดงออกด้วยความรักต่อลูกจะไม่มีความรุนแรงในครอบครัวค่ะ จนบางครั้งพูดเสียงดังหรือตำหนิน้องภัทรกับน้องภูมิ ลูกๆจะน้อยใจหาว่าแม่ว่าแม่ด่า ก็เลยต้องจับมานั่งมองตาคุยทีละคนว่า ที่แม่บอกเพราะแม่เป็นห่วง อธิบายซะยาว..........บางทีภัทร จะรู้ว่าแม่รูสึกยังไงก็จะบอกว่า หนูรู้แล้วแม่ไม่ต้องพูด สนุกค่ะ ขอบคุณบรรชนรุ่นหลังที่มีเรื่องราวดีดีสำหรับลูกหลานนะคะ
+ หลังจากที่ย้อนกลับไปอ่านทุกบันทึกในบล็อกนี้...
+ ประทับใจในมุมมองความคิดของคุณเทียนขาวมากค่ะ...ดีใจและภูมิใจที่ได้อ่านค่ะ
+ ปิดเทอมนี้เจ้าแอมแปร์ก็ไม่ได้เรียนพิเศษค่ะ...อ๋อยก็สอนบ้าง...ตามโอกาสที่เหมาะสมค่ะ...
+ แต่ที่แอมแปร์ทำทุกวันคือ ระบายสีภาพค่ะ...และดูCDการ์ตูนทอม&เจอรี่...ดูไปหัวเราะไป...ได้ยินเสียงหัวเราะตลอดค่ะ...ที่แย่มากๆ คือ แอมแปร์ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเป็นกิจวัตรเท่าที่ควรค่ะ
+ เปิดเทอมใหม่นี้...แอมแปร์ขึ้นชั้นอนุบาล 3/3 ค่ะ...
+ แอมแปร์เป็นเด็กหญิงที่ชอบไดโนเสาร์มาก ๆ ค่ะ...เดี๋ยวจะฝากลิงค์เอาไว้เผื่อว่าคุณเทียนขาวจะได้เปิดให้เจ้าภูมิดูนะค่ะ
+ อะไรเอ่ย...คอมันก็ยาว...ตัวมันก็สูงใหญ่...เชิญชม ที่นี่ ค่ะ
การเล่านิทาน เป็นการสร้างฝันและจินตนาการร่วมกันระหว่างแม่และลูกๆ นี่คือสิ่งที่ โทรทัศน์ไม่อาจทำได้หรือทำได้น้อยมาก เด็กจะไม่อ่อนแอทางความคิดและสติปัญญา ไม่ได้ถูกครอบงำให้คิดและเชื่อสิ่งที่เห็นซ้ำๆในโฆษณา หรือในหนังและละครต่างๆ ขณะที่เราเล่านิทาน ลูกๆได้เรียนรู้อะไรผิดอะไรถูกอะไรดีอะไรงามไปพร้อมๆกัน ได้สร้างฝันและจินตนาการไปด้วยกันค่ะ ที่สำคัญมีความสุขทั้งแม่และลูกๆค่ะ
ขอบพระคุณทุกกำลังใจที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันนะคะ เปิดเทอมนี้ คงมีเรื่องราวมาเล่าอีกมากมาย เพราะน้องภัทร ขึ้นชั้น อ.3/2 น้องภูมิเข้าเรียน ชั้นอนุบาล 1 รร.มารีวิทยา จ.ศรีสะเกษ ไปอยู่บ้านคุณตาคุณยายคะ เทียนขาวต้องเดินทางเข้าศรีสะเกษบ่อยขึ้น เพื่อไปดูแลลูกๆคะ นิทานคงจะต้องเล่าเช้าวันจันทร์และเย็นวันศุกร์ สนุกแน่ๆคะ
แล้วจะเล่าให้ฟังอีกนะคะ ส่วนนิทานอีกเรื่องที่ชอบเล่าคือ แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ ค่ะ
เยี่ยมมากเลยครับ..
เปิดเทอมนี้(14 พ.ค.56) น้องภัทรขึ้นชั้น ป.3/2 น้องภูมิ ชั้น ป.1/2 เมื่อเช้าพวกเราคุยกันเรื่องการเรียนพิเศษ น้องภัทรบอกแม่ว่าอยากเรียนภาษาจีนด้วย ในเวลาหลังเลิกเรียนแม่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่พอคิดไปคิดว่า น้องภัทรก็ตัดสินใจเรียนวิชาพื้นฐานแทน เพราะคิดว่าตัวเองมีเวลาน้อยเพราะต้องไปซ้อมกีฬาลีลาศและไปแข่งกีฬาอีกหลายๆแมตจึงต้องเรียนวิชาพื้นฐานให้แน่นเข้าไว้ จึงตัดสินใจเรียนวิชาพื้นฐานหลังเลิกเรียนและซ้อมกีฬาต่อจนถึง 1 ทุ่มครึ่ง และวันเสาร์ภาคเช้าเราไปเรียนเปียโนกันค่ะ
ส่วนลูกชาย ตัดสินใจเรียนวิชาพื้นฐานหลังเลิกเรียนและเรียนเปียโนเฉพาะวันเสาร์ แต่ที่จะให้เรียนเพิ่มเติมช่วงหลังเลิกเรียนจนถึง 1 ทุ่มเหมือนพี่ภัทร ประมาณว่าจะเต้นลีลาศเหมือนพี่สาวซึ่งตอนนี้ภูมิปฏิเสธแล้วไม่เอาแน่นอน คุณแม่กำลังคิดหากิจกรรมใหม่ๆกันอยู่ค่ะ จะเป็นร้องเพลง ดนตรี กีฬา ตามที่ลูกชายถนัดเพราะตอนนี้หลังเลิกเรียนจะดูทีวีและเล่นเกมส์เท่านั้น ซึ่งต้องมีการปรับแก้ไขโดยด่วน แต่ที่น้องภูมิเสนอมาคือ แม่ต้องไปรับเองและพาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเพื่อไม่ให้น้องภูมิมีเวลาว่างมากเกินไปค่ะ