ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
การเมืองการปกครองมีความมั่นคง ศาสนารุ่งเรือง
เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก
และกล่าวได้ว่าเป็นยุคทองแห่งการค้ากับต่างชาติ
จดหมายเหตุของชาวโปรตุเกสผู้หนึ่งส่งถึงนายจอห์น
ครอเฟิร์ด เจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษที่สิงคโปร์
มีข้อความสำคัญสรุปได้ว่า
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์
พระองค์มีพระบรมราชานุญาตให้ทุกชาติที่เข้ามายังสยามสามารถค้าขายได้อย่างเสรี
โดยไม่มีข้อขัดขวาง เพียงแต่ต้องจ่ายภาษีศุลกากรเท่านั้น
วันที่
๒๐ มิถุนายน ๒๓๖๙
ไทยได้ลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นีกับอังกฤษ
ส่งผลให้ต้องยกเลิกระบบที่รัฐเป็นผู้ผูกขาดที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
และยังได้ลงนามในสนธิสัญญาแบบเดียวกันนี้กับชาติตะวันตกอื่นๆ
ทำให้การค้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ
มีเรือสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาติดต่อค้าขายเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี
คู่ค้าสำคัญของไทยยังคงเป็นชาวจีนซึ่งมีความสัมพันธ์กันมาช้านาน
(เงินพดด้วง ประทับตราพระแสงจักร
– ปราสาท)
เงินตราที่ผลิตขึ้นใช้ยังเป็นเงินพดด้วง
ประทับตราพระแสงจักร – ปราสาท
ตราปราสาทหมายถึงพระนามเดิมของพระองค์คือ
“ทับ” (ที่ประทับซึ่งก็คือปราสาท
พดด้วงตราปราสาทมีทั้งสิ้น ๘ ชนิดราคา คือ
ตำลึง กึ่งตำลึง บาท กึ่งบาท สลึง
เฟื้อง กึ่งเฟื้อง และไพ
สำหรับพดด้วงราคาย่อยพบว่า
บางอันประทับตราปราสาทเพียงตราเดียว ไม่มีตราแผ่นดิน
เพราะมีขนาดเล็กมากจนนีประทับ ๒ ตราไม่ได้)
นอกจากนี้ยังเริ่มมีการผลิตพดด้วงเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสสำคัญต่างๆ
อาทิ
(พดด้วงตราครุฑเสี้ยว)
พดด้วงตราครุฑเสี้ยว เป็นพดด้วงเงิน
ผลิตขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นที่ระลึกแก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในงานพระเมรุพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๓๖๘
มีราคาสิบสลึงหรือหนึ่งตำลึงจีนเพียงราคาเดียว
ด้านบนเป็นตราพระแสงจักร ด้านหน้าเป็นครุฑเสี้ยว
(พดด้วงตราใบมะตูม)
พดด้วงตราใบมะตูม มีทั้งชนิดทองคำและเงิน
ผลิตเป็นที่ระลึกในงานพระศพกรมสมเด็จพระศรีลุลาลัย
พระราชชนนี เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๓๘๑
มี ๖ ชนิดราคาคือ บาท กึ่งบาท สลึง
เฟื้อง กึ่งเฟื้อง และไพ
“ใบมะตูม” ถือกันว่าเป็นใบไม้มงคล
อันเป็นเครื่องหมายแทนตรีศูล
ซึ่งพราหมณ์ถวายแด่พระมหากษัตริย์ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ
(พดด้วงตราเฉลว)
พดด้วงตราเฉลว เป็นพดด้วงเงิน มีราคาเดียวคือ ชนิดราคาหนี่งบาท ประทับตราเฉลวอยู่ด้านบน ด้านหน้าไม่มีตราประทับ
เครื่องหมาย “เฉลว” มีหลายความหมาย เช่น ใช้บอกอาณาบริเวณหรือบอกเขต ใช้ในการโฆษณาขายสิ่งของหรือใช้เป็นเครื่องรางให้หายจากโรค โดยนำเฉลวมาปักไว้บนปากหม้อยาไทย เชื่อว่าจะทำให้ผู้รับประทานยาหายจากอาการของโรคได้เร็วขี้น ความหมายหลังสุดนี้ น่าจะตรงกับพระราชประสงค์ในการผลิตพดด้วงตราเฉลว เนื่องจากมีราษฎรล้มตายเป็นจำนวนมากจากอหิวาตกโรคระบามเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๒ นอกจากนี้ ยังมีผู้สันนิษฐานว่าโปรดฯ ให้พระราชทานแก่ราษฎรคนละบาท ตั้งแต่วันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ ปีจอ โทศก จ.ศ. ๑๒๑๒ (พ.ศ. ๒๓๙๓) ซึ่งเป็นเวลาที่พระองค์ทรงพระประชวร
(พดด้วงตราปราสาทชนิดทองคำ)
พดด้วงตราปราสาทชนิดทองคำ ผลิตขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในงานฉลองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๓๙๑ ด้านบนเป็นตราพระแสงจักร ด้านหน้าเป็นตราปราสาทมีกรอบล้อม และในงานเดียวกันนี้ยังโปรดฯ ให้ผลิต พดด้วงตราดอกไม้ ทั้งชนิดทองคำและเงินด้วย
(เหรียญทองแดงในรัชกาลที่ ๓)
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง
ตลอดรัชกาลของพระองค์ โปรดฯ
ให้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดเป็นจำนวนมาก
พระราชศรัทธานี้ส่งผลถึงด้านการผลิตเงินตราด้วย
ทรงเล็งเห็นว่าการใช้เบี้ยซึ่งทำมาจากเปลือกหอยที่เป็นสัตว์มีชีวิตนั้นเป็นบาป
จึงมีพระราชดำริที่จะทำเหรียญทองแดงขึ้นใช้แทนเบี้ยโดยโปรดฯ
ให้นายโรเบิร์ต ฮันเตอร์
พ่อค้าชาวอังกฤษสั่งทำเหรียญลักษณะกลมแบน เข้ามาถวายทอดพระเนตร
๒ แบบคือ ตราช้าง – เมืองไท ๑๑๙๗ และตราดอกบัว –
เมืองไท ๑๑๙๗ อย่างละ ๕๐๐ เหรียญ
แต่เมื่อทอดพระเนตรแล้วไม่โปรดฯ
และถึงแม้ไม่ได้นำออกใช้แต่นับว่าพระองค์ทรงเริ่มมีแนวพระราชดำริที่จะผลิตเงินตราลักษณะกลมแบนตามแบบสากลออกใช้เป็นครั้งแรก
วาทิน ศานติ์ สันติ : เรียบเรียง
ข้อมูลจาก
ธนาคารแห่งประเทศ
โดย
เพื่อนนักศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ขอบคุณข้อมูลดีๆมีประโยชน์ในการเรียนรู้ประวัติเงินตรามากค่ะ..นำเหรียญเก่าพระรูปรัชกาลที่หนึ่ง เนื่องในวันจักรี พ.ศ.๒๕๑๐ มาฝากค่ะ..