ท่านอาจารย์ขจิต ฝอยทองได้ให้ข้อคิดเห็นในเรื่อง “องค์กรยุคใหม่ อย่างไรดี” เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2549 ว่า “คนเก่งที่ไม่ดี น่ากลัวกว่าคนไม่เก่ง แต่เป็นคนดีครับ”
เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนได้ข้อคิดอะไรเพิ่มขึ้น จึงขออนุญาตนำข้อคิดเห็นของผู้เขียนมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้...
คนเก่ง+ไม่ดี = อันตรายมากกว่าคนไม่เก่ง+ดี... จริงครับ
เรื่องนี้คล้ายแนวพระราชดำริที่ว่า สังคมมีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่ควรให้คนเลวปกครอง ควรให้คนดีปกครอง
ถ้าสังเกตดู... เวลาคนเลวปกครองมักจะใช้วัฒนธรรม "ABS" มอมเมาผู้คน...
สังคม ABS:
ABS ในที่นี้... ไม่ใช่ anti-brake lock system ที่ใช้ป้องกันล้อล็อค(ตาย)เวลาเบรคในรถชั้นดี ทว่า... หมายถึง ask (ขี้ขอ), borrow (ขี้ยืม) & seeding (แพร่พันธุ์)
สุขภาพองค์กร:
องค์กรอาจจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทตามระดับสุขภาพได้แก่ องค์กรสุขภาพดี (healthy) องค์กรเนื้องอกดี (tumourous) และองค์กรเนื้อร้ายหรือมะเร็ง (cancerous)
แหล่งข้อมูล:
เชิญดาวน์โหลด และอ่านที่นี่...
ขอขอบคุณท่านอาจารย์หมอวัลลภค่ะ
ดิฉันเห็นด้วยกับข้อสังเกตุที่อาจารย์กล่าวมาค่ะ
องค์กรที่กำลังเป็นมะเร็งมีผลต่อบุคคลากรส่วนดีด้วยเพราะจะถูกมะเร็งร้ายตามไปทำลาย
คนที่ตั้งใจทำงานมักจะถูกบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเรื่อยๆ เมื่อเห็นความอยุติธรรมในองค์กร
ขอขอบคุณอาจารย์วันเพ็ญ และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
(1). วัฒนธรรมองค์กร (เป้าหมายของกิจกรรมคุณภาพจริงๆ คือ การเปลี่ยนวัฒนธรรม)
(2). ทำลายคนดี และทำลายขวัญ+กำลังใจ
(3). ทำลายคน "ดีได้" (คนที่มีศักยภาพที่จะพัฒนา) เนื่องจากคนเลวมักจะส่งเสริมญาติพี่น้อง คนใน หรือพรรคพวก (เส้น....)
(1). ตรวจสอบทรัพย์สินผู้บริหาร รวมทั้งญาติพี่น้อง และ "โนมินี (nominee)" หรือผู้ถือหุ้น / ทรัพย์สินแทน
(2). ตรวจสอบการว่าจ้าง / ประมูลในหน่วยงาน โดยเฉพาะกรณีมี "คนเดิม" หรือบริษัทเดิมๆ เข้ามารับงานซ้ำซาก
(3). สุ่มตรวจผู้บริหารที่ไปต่างประเทศพร้อมกันบ่อยๆ เป็นกลุ่ม(มักจะบ่งชี้ว่า รับสินบนจากบริษัทเอกชน หรือคนที่ไปต่างประเทศเกิน 6 ครั้ง/ปี ยกเว้นไปแสดงผลงาน บรรยายวิชาการ
(4). ไม่ควรให้ผู้บริหารอยู่ที่เดิมเกิน 4-6 ปี เพื่อป้องกันการสร้างอิทธิพล และกลั่นแกล้งคนดี
(5). ไม่ควรให้คนในจังหวัดเดิมขึ้นเป็นผู้บริหาร ควรเน้นผู้บริหารที่สรรหาจากคนทั้งประเทศ
อ่านแล้วได้แรงใจการทำงานพอสมควรค่ะ แต่ขอให้อาจารย์กรุณาแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
1. เราจะกันป้องกันหรือแก้ไข "วัฒธรรมองค์กร ABS" ได้อย่างไร
2. ถ้าผู้บริหารคนใหม่ต้องมารับภาระองค์กรที่มี "วัฒนธรรม ABS" เขาต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
3. องค์กรที่มีผู้นำแบบ "ABS" จะกำจัดหรือควบคุมคุมอย่างไรไม่ให้แพร่เชื้อ
ขอบพระคุณค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์ "คนตั้งใจทำงาน"...
(1). การป้องกันวัฒนธรรม ABS คงจะต้องเริ่มที่ระดับประเทศครับ... ถ้าเป็นไปได้, เราควรเลือกพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่เน้นการใช้เงินรัฐไปหาเสียง การเลือกรัฐบาลเป็นตัวกำหนดความอยู่รอดของชาติในอนาคต...
(2). จำเป็นต้องมีระบบการสรรหา และตรวจสอบผู้บริหาร (กล่าวไว้ในข้อคิดเห็นที่ 2 / 26 มิย. 49 เวลา 08.43 น.) -> ระบบสำคัญกว่าบุคคล...
(3). ผู้บริหารยุคหลัง ABS (postABS) คงจะลำบากพอสมควร... เนื่องจากผู้บริหาร ABS มักจะผลาญทรัพยากรหน่วยงานไปก่อนสิ้นวาระ ทิ้งเด็กเส้นที่มักจะเป็นตัวปัญหา ความแตกแยกในองค์กร และวัฒนธรรม ABS ทิ้งไว้
(4). ตอนเรียนจบใหม่ๆ อาจารย์จากชมรมแพทย์ชนบทฯ ท่านแนะนำไว้ดีครับ ท่านว่า "ไปทำงาน 6 เดือนแรก... อย่าเพิ่งเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน ให้ทำตัวให้ดี ให้มีบารมี(เป็นที่ยอมรับของคนดีส่วนใหญ่)เสียก่อน"
(5). ตอนนี้เรามีกระบวน km ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาองค์กรได้ดีมากๆ เรียนเสนอว่า ผู้บริหารน่าจะตั้งอยู่ในธรรม(ทศพิธราชธรรม โดยเฉพาะความเที่ยงธรรม / ไม่ลำเอียง) + นำกระบวนการ km ลงไป + ส่งเสริมแนวคิดพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
(6). แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเน้นการทำงาน + การเป็นอยู่แบบขยัน เรียบ ง่าย ประหยัด อดออม --> แนวคิดนี้... ถ้าผู้บริหารยุคหลัง ABS น้อมนำไปใช้ได้ก็น่าจะปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรได้ทีละน้อยๆ
ขอให้กำลังใจกับท่านผุ้อ่านทุกท่านที่มีส่วนในการทำคุณงามความดีครับ...
ปัญหาเรื่องคนเป็นปัญหาใหญ่ ศาสตราจารย์ดรักเกอร์กล่าวว่า "การตัดสินใจเรื่องคนเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดขององค์กร"
ขอขอบคุณอาจารย์ขจิต อาจารย์คนตั้งใจทำงาน และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า การทำงานเป็น "สัมมาอาชีวะ" ได้ถ้าพ้นจากกายทุจริต 3และวจีทุจริต 4 ถ้าทำงานให้ดีๆ... น่าจะได้บุญทุกวันทีเดียว
ทำงานให้ดี = ได้บุญทุกวันครับ...