การเลี้ยงอาหารในงานวิวาห์นั้น
แต่ละท้องถิ่นจะมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องการจัดวาง
การเลือกเมนูอาหาร ทั้งนี้
มักจะสอดคล้องกับวัฒนธรรมและคตินิยมประจำท้องถิ่นนั้น
เริ่มตั้งแต่การเรียกงานฉลองแต่งงานนี้
จะมีชื่อเรียกต่างกันไปในแต่ละภาค
-
ภาคเหนือจะเรียกการ
"กินแขก"
มีความหมายถึงการเลี้ยงแขก
-
ภาคอีสานเรียก
"กินดอง"
หมายถึงการกินเลี้ยงเพื่อเกี่ยวดองเป็นญาติ
-
ภาคใต้จะเรียก
"กินเนี้ยว"
หรือที่เรียกในภาษาถิ่นว่า
"มาแกปูโละ"
หมายถึงการเลี้ยงฉลองในงานมงคล
อาหารในงานแต่งงานจะต้องมีข้าวเหนียว ทานกับกับข้าวต่าง ๆ
หรือถ้าทานเป็นของหวานจะโรยน้ำตาลและมะพร้าวขูด
เพราะคนท้องถิ่นถือว่าข้าวเหนียวสื่อถึงความรักที่เหนียวแน่นยืนนานระหว่างคู่บ่าวสาวและครอบครัวทั้งสองฝ่าย
-
ภาคกลาง
พิธีมงคลนี้เรียกว่าการ "กินสามถ้วย"
หรือ
"กินสี่ถ้วย"
หมายถึงการเลี้ยงขนมสามอย่างหรื่อสี่อย่าง
โดยขนมทั้งสี่อย่างเป็นขนมโบราณแต่ดั้งเดิมของไทย ได้แก่
เม็ดแมงลักน้ำกระทิหรือที่เรียกไข่กบ,
สอดช่องน้ำกระทิหรือนกปล่อย, ข้าวตอกน้ำกระทิ
หรือนางลอย และข้าวเหนียวน้ำกระทิหรืออ้ายตื้อ
ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความหมายในทางมงคลทั้งสิ้น
ได้แก่...
เม็ดแมงลักน้ำกระทิ
มีลักษณะเป็นเม็ดใสจับกันเป็นแพ คล้ายไข่กบ มีความหมายว่า
ให้คู่บ่าวสาว มีลูกมีหลานเต็มบ้าน สมบูรณ์พร้อมหน้า ครอบครัวอบอุ่น
เปรียบดั่งกบที่ออกไข่ครั้งละมาก ๆ ส่วนน้ำกระทิหมายถึงความหวานชื่น
ลอดช่องน้ำกะทิ มีความหมายให้คู่บ่าวสาวมีความรักยืนยาว
จะทำการใดก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ตลอด ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่
ดังลักษณะลื่นไหลของลอดช่องนั่นเอง
ข้าวตอกน้ำกะทิ
มีความหมาย
ให้คู่บ่าวสาวมีความรักที่เบ่งบานเฟื่องฟูเช่นเดียวกับข้าวตอก
มีความหวานชื่นเหมือนน้ำกะทิ
ขอให้ความรักแบ่งบานสวยงามภายใต้กรอบประเพณีอันดีงาม
เช่นเดียวกับข้าวตอกที่ไม่เคยกระเด็นออกนอกที่ครอบเวลาคั่วข้าว
ข้าวเหนียวน้ำกะทิ
มีความหมายว่า
ให้คู่บ่าวสาวนั้นรักกันแน่นเหนียวเหมือนข้าวเหนียวและมีความหวานชื่นเหมือนน้ำกะทิ
นอกจากจะมีความความหมายดีแล้ว
ขนมทั้ง 4
ชนิดยังเป็นแหล่งพลังงานสำหรับแขกผู้เหนื่อยล้า จากการเดินทาง
เพราะในสมัยก่อนการเดินทางมาร่วมงานมงคลไม่ได้สะดวกสบายดังปัจจุบัน
ถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ต่อมาเมื่อการเดินทางสะดวกขึ้น
กุศโลบายการเลี้ยงขนมแบบนี้จึงเลิกไป งานแต่งงานจึงมีชื่อเรียกง่าย ๆ
อีกอย่างว่า กินเลี้ยงแทน
นอกจากการกินขนมสามถ้วยหรือสี่ถ้วยแล้ว
ในขบวนขันหมากของภาคกลางจะต้องมี
"เตียบอาหาร"
ที่เน้นอาหารคาวด้วยเช่นกัน เตียบอาหาร ต้องจัดให้มี 3
คู่ขึ้นไป อาหารคาวที่จัดวางในเตียบอาหารได้แก่ ขนมจีบ
ขนมจีนน้ำยา และห่อหมก
ซึ่งชื่ออาหารล้วนมีความหมายในทางมงคลเช่นกัน
ห่อหมก
มีความหมายในเชิงให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาวนั้น
“เออออห่อหมก” กันไปทุกเรื่อง
จะได้ไม่ต้องมีเรื่องขัดข้องใจกันนั่นเอง
ขนมจีบ
ให้คู่แต่งงานรักกันหวานชื่นเหมือนกับช่วงที่จีบกันใหม่ ๆ
ซึ่งเป็นความรู้สึกที่หวานชื่นที่สุดของความสัมพันธ์
ขนมจีนน้ำยา
ถือเป็นอาหารสำคัญในงานแต่งงานตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
โดยเฉพาะขนมจีนที่นำมาใช้จะต้องโรยให้เส้นต่อเนื่องกันและยาวที่สุด
เวลาจัดต้องจัดให้สวยงามโดยไม่ตัดให้ขาด
เพราะคนโบราณถือว่าเป็นมงคลให้การครองรักยืนยาว
เครื่องเคียงของขนมจีนอย่างถั่วงอก ก็ให้ความหมายของความเจริญงอกงาม
ถั่วงอกนี้ไม่ใช่แค่ชื่อที่เกี่ยวกับการเติบโตงอกงามเท่านั้น
ทางการแพทย์ถือว่า
ถั่วงอกมีฮอร์โมนจิบเบอเรลลินช่วยกระตุ้นการเติบโตของต้นไม้
และมีผลต่อการเจริญเติบโตของคนด้วยเช่นกัน
หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม
เมื่อมีอาหารมลคล ย่อมต้องมีอาหารต้องห้ามในงานแต่งงาน
อาหารที่คนสมัยก่อน จะไม่ยอมให้มีเลย ได้แก่ แกงบวน
ต้มยำ ยำผัก ปลาร้า ปลาเจ่า
ตลอดจนแกงร้อนและอาหารชนิดอื่นที่ชื่อและลักษณะไม่เป็นมงคล เช่น
หมี่กรอบ มีลักษณะหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
ทั้งนี้ อาหารในงานมงคลนี้
ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่แสดงว่าคนไทย
มีความละเมียดละไมในการใช้ชีวิตเพียงใด
เราจึงต้องช่วยรักษาและถ่ายทอดสิ่งนี้ให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป
ที่มา ครูบ้านนอก.คอม
วิวาห์เหาะ...แล้วค่ะ ไม่ได้เตรียมเลย
ก่อนถึงการเข้าพิธีกินเหนียว มีขั้นตอนมากมาย
ตั้งแต่การแยบ การสู่ขอ การหมั้นหมาย
เพราะขั้นตอนมากมาย จึงมีวิวาเหาะเหมือน เจ้าหญิงแห่งท้องทะเลบัวแดงบอกมา
อยากแต่งจังเลย
ขั้นตอนยุ่งยาก จริง ๆ ค่ะ
ว่าจะ "วิวาห์ เหาะ" บ้างเหมือนกัน
แต่มีอุปสรรค ตรงที่ว่า "ขาดเจ้าบ่าว" ค่ะ
ทำให้งานวิวาห์ ยังไม่เกิด
๕๕๕
เพิ่งทราบครับ คำว่า "กินเลี้ยง" มีประวัติความเป็นมาด้วย
ขอบคุณครับ
- เอ่อ...อ่านดูแล้วก็อยากจะมีพิธี "กินแขก" ก๊ะเขามั่งจังค่ะ (ฮา)
- แต่ยุคเศรษกิจแบบนี้ ไปๆมาๆ กลัวจะโดน "แขกกิน" มากกว่า...อิอิ
- เอาเป็นว่า คู่ไหนรักใคร่ ปรองดอง ก็ทำตามพิธีให้ถูกต้อง แต่อย่ากลายเป็น "ตำน้ำพริกละลายมหาสมุทร" ก็พอเน๊าะ...(อ้าวววว...สุภาษิตใหม่)
- แต่ก็ยัง "รอ" ผู้บ่าว...มาขอจั๊กเตื้อเน้อ...จะได้ใส่ชุดเจ้าสาวมั่งนิ...
- อ้าว...ว่าที่เจ้าบ่าว ทราบแล้วเปลี่ยนนนนนน...
- ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ มากๆค่ะ.... :)
แม้ผ่านวัยนั้นมานานแล้ว..ยังจำได้ว่าอาหารเลี้ยงแขกในวันสำคัญนี้ คำนึงถึงความหมายที่เป็นมงคลหลายประการดังกล่าวด้วยค่ะ..ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ..
"กินเลี้ยง" มีความเป็นมา โอ.. ยาวนาน เป็นเหมือนตำนานเลยค่ะ
อาหารในพิธีแต่งงาน มีความหมายที่เป็นมงคตลทั้งนั้นเลย ตอนที่แต่งงาน จำไปได้ว่ามีอะไรบ้าง ฮิ ฮิ ผู้ใหญ่เขาจัดการให้หมด เรารอเข้าหออย่างเดียว ฮา...
ขอบคุณมากๆ ที่นำความรู้นี้มาแบ่งปัน
ที่จริงก้อวิวาห์เหาะมาตั้งนานแต่ก้อยังแอบฝันว่าพ่อเจ้าปะคุณรุนช่องจะเอ่ยปากขอแต่งงานซักที แต่ก้อฝันค้าง คนอาไร้ซื่อบื้อจริง แค่อยากมีงานแบบนี้ซักนิดส์หนึ่ง