[ วีซ่านักเรียนแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ]
-
F-1, or Student Visa:
วีซ่าชนิดนี้เป็นวีซ่าทั่วไปสำหรับนักศึกษาที่ต้องการเข้ามาศึกษาต่อใน ประเทศสหรัฐอเมริกาในสถานศึกษาดังต่อไปนี้ วิทยาลัย มหาวิทยาลัย โรงเรียนหรือสถาบันสอนภาษาอังกฤษ
-
J-1, or Exchange Visitor:
เป็นวีซ่าระยะสั้น มีหลายประเภทด้วยกัน ทั้งนักศึกษาที่ต้องการเข้าร่วมหรือแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมทั้งทางด้าน วิชาการ ศิลปะ และวัฒนธรรม สำหรับนักศึกษา postdoctoral, professor, พนักงาน หรือ visitor ที่มาทำวิจัย ดูงานหรือมาเข้าร่วม workshop, conference ต่างๆ
-
M-1, or Student Visa:
เป็นวีซ่าสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการเข้ามาเรียนในสายวิชาชีพ หรือฝึกงานในสถาบันของทางการสหรัฐอเมริกา
[ เอกสารประกอบการขอวีซ่านักเรียนมีดังนี้ ]
-
หนังสือเดินทาง (Passport) เล่มปัจจุบัน โดย ต้องมีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือนในวันเดินทาง และหนังสือเดินทางเล่มก่อนที่มีวีซ่าสหรัฐฯ (ถ้ามี)
-
-
-
-
รูปถ่ายขนาด 2 x 2 นิ้ว (5 x 5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน โดยฉากหลังของรูปต้องเป็นสีขาวเท่านั้น ไม่มีขอบ ใบหน้าต้องมีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่รูปถ่าย ต้องเห็นใบหูทั้ง 2 ข้าง เมื่อวัดตามแนวตั้ง ส่วนหัวของผู้สมัครจะต้องมีขนาด 1 นิ้วถึง 1 3/8 นิ้ว (2.5 ถึง 3.5 ซม.) รูปถ่ายจะต้องเห็นใบหน้าทั้งหมด โดยผู้สมัครจะต้องหันหน้าตรงเข้ากล้อง
-
-
ค่า SEVIS (Student and Exchange Visitor Information System) จำนวน 200 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระบบที่บันทึกข้อมูลของนักศึกษาต่างชาติและนักเรียนแลกเปลี่ยนใน สหรัฐฯ ท่านสามารถชำระได้ทางเวบไซต์
www.fmjfee.com
-
I-20 ที่ออกโดยสถาบันการศึกษาที่จะไปเรียน
-
หลักฐานถิ่นที่อยู่ของนักเรียนภายนอกสหรัฐฯ - ผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่กงสุลเห็นว่า ท่านไม่มีความประสงค์ที่จะเป็นบุคคลเข้าเมืองถาวร การยื่นขอวีซ่าประเภทธุรกิจ/ท่องเที่ยว หมายถึงผู้ยื่นคำร้องกำลังขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯเป็นการชั่วคราว ก่อนที่ทางกงสุลจะออกวีซ่าเข้าเมืองชั่วคราว ผู้ยื่นขอวีซ่าต้องบอกกล่าวอย่างชัดเจนว่าท่านไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าไป อยู่ในสหรัฐฯ เป็นการถาวร ผู้ยื่นคำร้องจะทำได้โดยการแสดงหลักฐานความผูกพันทางครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคมอื่นๆ ที่มีอยู่ภายนอกประเทศสหรัฐฯ
-
หลักทรัพย์ ผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินที่ครอบคลุมค่าธรรมเนียมการศึกษา และค่าใช้จ่ายส่วนตัวตลอดระยะเวลาการศึกษาของท่าน
** ท่านสามารถตรวจสอบเอกสาร และแบบฟอร์มต่างๆได้จาก Checklist ของทางสถานฑูตฯ http://bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/nivchecklist.pdf **
[ ขั้นตอนในการจองวันสัมภาษณ์วีซ่า ]
-
ซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ได้ทางเว็บไซต์หรือผ่าน Call Center ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีที่ผู้ขอวีซ่าต้องการจองวันสัมภาษณ์ว่าต้องการจอง ผ่านทางเว็บไซต์ หรือทาง Call Center - จองวันสัมภาษณ์วีซ่าผ่านทางเว็บไซต์ ผู้ขอวีซ่าสามารถซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ได้จากที่ทำการไปรษณีย์ โดยชำระค่าธรรมเนียมเป็นเงินสด จำนวน 408 บาท โดยรหัสประจำตัว (PIN) จะมีอายุ 90 วัน และสามารถใช้ในการจองวันสัมภาษณ์ได้หลัง 13.00 น. ของวันทำการถัดไปได้ที่เว็บไซต์ http://thailand.us-visaservices.com นอกจากนี้ผู้ขอวีซ่าสามารถซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ผ่านทางเว็บไซต์โดยใช้เครดิตการ์ดได้อีกด้วย - จองวันสัมภาษณ์วีซ่าผ่านทาง Call Center ผู้ขอวีซ่าสามารถซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ได้จากที่ทำการไปรษณีย์ โดยชำระค่าธรรมเนียมเป็นเงินสด จำนวน 680 บาท และสามารถใช้ในการโทรจองวันสัมภาษณ์ได้หลัง 13.00 น. ของวันทำการถัดไปที่หมายเลขโทรศัพท์ 001-800-13-202-2457 นอกจากนี้ผู้ขอวีซ่าสามารถซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ผ่านทาง Call Center โดยใช้เครดิตการ์ดได้อีกด้วย
|
ประกาศสำคัญถึงผู้สมัคร วีซ่านักเรียนจากสถานฑูตฯ โปรดทราบว่าในช่วงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม เป็นเดือนที่ฝ่ายวีซ่ามีงานมากที่สุด ระยะเวลาดังกล่าวจึงเป็นช่วงที่นัดสัมภาษณ์ได้ยากที่สุด ผู้สมัครวีซ่านักเรียนควรวางแผนล่วงหน้าเพื่อจะได้ไม่จำเป็นต้องเดินทาง มาสถานทูตฯ หลายครั้ง เราขอแนะนำให้ผู้สมัครวีซ่านักเรียนสมัครวีซ่าล่วงหน้า แต่ต้องไม่เกินกว่า 120 วัน ก่อนวันเริ่มหลักสูตร
ที่มา http://www.mangolearningexpress.com/know-usa-02.html
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก หนังสือ "สุดยอดคัมภีร์เรียนต่ออเมริกา"
สุดยอดคัมภีร์เรียนต่อ อเมริกา (Studying in USA)
“อเมริกา” เป็นประเทศต้นๆ ที่คนทั่วโลก เลือกที่จะไปเรียนต่อ อาจเป็นด้วยเหตุที่ว่าเขาล้ำหน้ากว่าใครในด้านการศึกษาก็เป็นได้ มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกก็ล้วนอยู่ที่นั่น ไม่แปลก ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากไปเรียน
แต่กว่าจะได้ไป คนที่ตั้งใจเต็มร้อยก็เกือบท้อ ในกรณีที่เตรียมตัวไปเรียนต่อด้วยตัวเอง ไม่มีเอเย่นต์คอยช่วยเหลือตระเตรียมเอกสาร แนะนำการเดินทาง ตลอดจนถึงการปฏิบัติตัว เพราะมีสารพัดขั้นตอนและเรื่องจุกจิกที่ควรรู้ เริ่มตั้งแต่การหามหาวิทยาลัย การสอบโทเฟล การยื่นขอวีซ่า การเตรียมกระเป๋า การต่อเครื่องที่สนามบิน การตอบคำถามอิมมิเกรชั่น เป็นต้น
หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือแนว How-To ใช้ภาษาง่ายๆ ที่แนะนำทุกขั้นตอนที่ต้องทำก่อนไปเยือนแผ่นดินอเมริกา และเป็นหนังสือที่ต้องพกพา เป็นคู่มือที่ต้องพลิกอ่าน ด้วยข้อมูลจริงที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้ จะเป็นแนวทางให้ผู้ที่ต้องการคำแนะนำพื้นฐานในการเริ่มต้นเตรียมตัวเองเพื่อ ไปสหรัฐอเมริกา แล้วคุณจะรู้ว่า การไปเรียนอเมริกาน่ะเรื่องหมูๆ
ชื่อหนังสือ : สุดยอดคัมภีร์ เรียนต่ออเมริกา (Studying in USA)
หมวด : การศึกษา/ประสบการณ์ชีวิต
ผู้ เรียบเรียง : พี่แอมมี่
ราคา : 185 บาท
จำนวนหน้า : 224 หน้า
ISBN: 978-974-303-960-7
จัดจำหน่ายโดย : บริษัท บิสซี่เดย์ จำกัด โทร. 0-2632-7972-4 และตามร้านหนังสือทั่วประเทศ
สารบัญหัวข้อเรื่องในหนังสือ ให้เพื่อนๆ ได้เตรียมตัวก่อนเดินทางไปอเมริกา
- America in Brief (เกี่ยวกับอเมริกา เรื่องน่ารู้ทั่วไป)
- ไปรัฐไหนดี
- ตัดสินใจเลือกเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ
- จำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษก่อนไปนอกหรือเปล่า
- ไปเรียนต่อ USA ต้องเตรียมสอบอะไรบ้าง (พร้อม เว็บไซต์การสมัครสอบ)
- การหาข้อมูลที่เรียน
- การขอใบ I-20/ ขอวีซ่า
- ซื้อตั๋วเครื่องบิน
- แล้วเลือกที่พักที่ไหนดี
- เช่าอพาร์ทเมนต์แบบไหนดี
- เทคนิคการเช่าอพาร์ทเมนต์
- เรื่องของกระเป๋าเดินทาง
- ซื้อกระเป๋าเดินทางแบบไหนดี
- ห้ามนำอะไรขึ้นเครื่องบิน
- แพ็คกระเป๋าไปเมืองนอก
- เรื่องเงินๆ ทองๆ
- Fly me to USA (วิธีการเตรียมตัวบิน)
- In-flight Jokes (เรื่องขำขันบนเครื่องบิน และเรื่องน่ารู้ต่างๆ)
- มันเป็นยังไงกันหนอตอนต่อเครื่อง (ขั้นตอนการต่อเครื่องบิน แบบละเอียด รวมทั้งเอกสารที่ต้องกรอกบนเครื่องบิน)
- เรื่องของลุงอิม (มิเกรชั่น) (ขั้นตอน - รวมทั้งคำถามสัมภาษณ์)
- ผ่านด่านลุงศุล (กากร) (ขั้นตอน)
- รวบรวมแผนผังสนามบินนานาชาติในเอเชียและอเมริกา (ที่นักเรียนไทยต้องบินไปต่อเครื่องและบินลง)
รอพบกับเล่มสอง "สารพัดวิธีเอาตัวรอดในอเมริกา" เร็วๆ นี้ค่ะ