เมื่อกล่าวถึงความเสี่ยง มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิด การเกิดของเหตุการณ์เหล่านี้มักมีความไม่แน่นอนและพยากรณ์ได้ยาก บางครั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบและนำความเสียหายมาสู่องค์กรหรือโครงการที่กำลังดำเนินการ สิ่งเหล่านี้เรียกได้ว่า “ความเสี่ยง”
การบริหารความเสี่ยงเป็นหลักสำคัญในการบริหารโครงการ ที่จะช่วยให้เรากำหนดแผนให้อยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงกรณีต้องเผชิญกับความเสียหายหากไม่สามารถป้องกันได้ เพราะแท้ที่จริงแล้ว ความเสี่ยงก็คือ ความไม่แน่นอนนั่นเอง ส่วนที่มาของความเสี่ยงสามารถจำแนกออกเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้
ด้านกายภาพ เป็นความเสี่ยงที่นำความสูญเสียหรือความเสียหายมาสู่บุคคล เครื่องมือ ข้อมูล หรือสิ่งปลูกสร้าง อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้หรือภัยธรรมชาติ
เทคนิค เป็นความเสี่ยงอันเกิดจากเครื่องมือหรือระบบที่ไม่ทำงานหรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
ด้านแรงงาน โดยเฉพาะบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อโครงการ ซึ่งอาจเกิดจากการเจ็บป่วย การสับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งงานหรือได้รับมอบหมายงานอื่นๆมากเกินไป
ด้านการเมืองและสังคม เมื่อนโยบายภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดเหตุการณ์ประท้วงของประชาชน ตลอดจนการเสนอข่าวในแง่ลบของสื่อสารมวลชน ย่อมส่งผลกระทบต่อโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความเสี่ยงแต่ละประเภทมีโอกาสเกิดขึ้นแตกต่างกันและขณะเดียวกันผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็มีความรุนแรงแตกต่างกัน การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบจะช่วยสร้างทางเลือกในการตัดสินใจสำหรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เช่น หากเหตุการณ์ใดมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยและมีผลกระทบต่ำ ผู้จัดการโครงการก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นั้นๆ หรือถ้าเหตุการณ์ใดมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงกว่าแต่ส่งผลกระทบน้อยก็อาจไม่ต้องดำเนินการใดๆ แต่ถ้าพอจะคาดคะเนได้ว่าอาจมีเหตุการณ์บางเหตุการณ์มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงและมีผลกระทบต่อโครงการมาก ผู้จัดการโครงการจำเป็นต้องวางแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เป็นความเสี่ยงนั้น ดังตารางต่อไปนี้
|
Low impact |
Medium impact |
High impact |
High probability |
|
|
|
Medium probability |
|
|
|
Low probability |
|
|
|
ตาราง Risk probability and impact
ที่มา. จาก Managing Projects in Human Resources, Training and Development. by Vivien Martin, 2006. p. 64
กลยุทธ์สำหรับการบริหารความเสี่ยง เป็นทางเลือกเมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบที่จะเกิดกับโครงการ ซึ่งมีแนวทางดังต่อไปนี้
การหลีกเลี่ยง (Avoiding risk) โครงการใดที่มีโอกาสเกิดความเสี่ยงสูงและส่งผลกระทบเสียหายอย่างรุนแรงควรจะหลีกเลี่ยงหรือยกเลิกในโครงการนั้น
การลดความเสี่ยง (Reducing risk) ต้องมีการวางแผนและทบทวนแผนเป็นระยะ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียในโครงการได้รับรู้กระบวนการและยอมรับผลที่เกิดขึ้น
การป้องกันความเสี่ยง (Protecting against risk) เป็นการประกันความเสี่ยงของโครงการโดยให้บริษัทรับประกันภัยจากภายนอก เข้ามารับความเสี่ยงแทน
การจัดการความเสี่ยง (Managing risk) ความเสี่ยงคือ ความไม่แน่นอน ดังนั้น การทบทวนปรับเปลี่ยนแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จึงเป็นการจัดการกับความเสี่ยงวิธีการหนึ่ง
การถ่ายโอนความเสี่ยง (Transferring risk) การมอบหมายกิจกรรมในโครงการบางอย่างให้บุคคลหรือองค์กรอื่นที่มีความชำนาญมากกว่า จะช่วยลดความเสี่ยงมากกว่าการดำเนินการเอง
การบริหารความเสี่ยงอาจถูกมองเป็นเรื่องนามธรรมมากกว่ารูปธรรม เพราะเป็นเรื่องของการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต แต่เป็นเรื่องจำเป็นในการบริหารโครงการ เพราะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความสูญเสียได้ และหากมีความเสียหายเกิดขึ้น เราก็สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่เรายอมรับได้ ซึ่งเป็นผลดีกว่าการเผชิญกับความเสี่ยงโดยที่เราไม่มีมาตรการใดๆรองรับเลย
ไม่มีความเห็น