กรณีศึกษาครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นกรณีศึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเด็นของ ICT กับความมั่นคงของชาติ และความเป็นอิสระของการสื่อสารมวลชน เราจะเลือกอะไร และอะไรคือความถูกต้อง เพราะความคิดเห็นจะแยกออกเป็นสองฝ่าย ถ้าตัดประเด็นทางการเมืองออกไป ก็จะเหลือความคิดเห็นเพียงว่า
การปิดเว็บไซต์ตาม พรบ.ฉุกเฉิน เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เป็นการปิดกั้นสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนหรือไม่
เราจะเลือกอะไร ระหว่างการเปิดเว็บไซต์อย่างอิสระให้สามารถปลุกระดม ยั่วยุ สร้างปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ โดยอ้างสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชนเป็นหลัก เอาปัญหาความมั่นคงของชาติเป็นรอง
หรือเราปิดเว็บไซต์เพื่อเลือกความมั่นคงของชาติ โดยเลือกหน้าที่ของพลเมืองที่ควรจะคิดว่าเราจะทำอะไรให้กับประเทศชาติของเราได้บ้าง มากกว่าจะคำนึงถึงสิทธิที่เราเองก็อาจกำลังละเมิดผู้อื่น
คนจำนวนมากอาจเลือก "สิทธิ" มากกว่า "หน้าที่" เพราะสิทธิคือผลประโยชน์ของบุคคล แต่หน้าที่ของผลประโยชน์ของชาติ
---------------------------------------------------------------------------------------
กระทรวง ICT ทำตามหน้าที่ อันทำให้ประชาชนเสียสิทธิบางประการ
-------------------------------------------------------------------------------------
กอฉ. เอาจริงสั่งกระทรวงไอซีทีปิดเว็บไซต์แล้วจำนวน 190 เว็บ ชี้เป็นเว็บปลุกระดมทางการเมืองกว่า 60% เผยหลังเกิดสถานการณ์ชุมนุมเสื้อแดง ไอซีทีโทรแจ้งให้ปิดเฉลี่ย 500 เว็บต่อวัน...
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. แหล่งข่าวจากกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ล่าสุด รัฐบาลโดยกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ได้มีคำสั่งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ปิดเว็บไซต์ที่เข้าข่ายปลุกระดมแล้วจำนวน 190 เว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่เป็นลักษณะการถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่เข้าข่ายยั่วยุ และปลุกระดมให้เกิดความแตกแยกทางการเมือง
แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบอยู่ระหว่างการเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ แคมฟรอก ที่ถ่ายทอดสดการชุมนุม ก่อให้เกิดความรุนแรง ยั่วยุ และปลุกระดมให้เกิดความแตกแยก โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 10 นาที ก็สามารถสั่งปิด URL ได้แล้ว สำหรับ ISP รายเล็ก ยังเป็นอุปสรรคอยู่ เพราะช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่มีคนมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เว็บไซต์ยูทูป ที่เปิดคลิปที่เข้าข่ายการปลุกระดม และก่อให้เกิดความรุนแรง ก็สั่งปิดไปแล้วกว่า 7-8 URL ทั้งนี้ เจ้าของเว็บไซต์บางรายก็มีการร้องเรียนมาถึงกรณีการปิดเว็บโดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อกลับไปแต่ไม่สามารถติดต่อได้ และบางเว็บก็เปลี่ยนจากดอทคอม (.com) เป็นดอทเน็ต (.net) แทนเพื่อให้เปิดใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม เว็บที่สั่งปิดจำนวน 190 เว็บนั้น เป็นเพียงการสั่งปิดชั่วคราว หลังจากสถานการณ์การชุมนุมคลี่คลาย และกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็จะเปิดให้บริการตามเดิม โดยจะแจ้งผ่านอีเมล์อีกครั้ง
ทั้งนี้ ช่วงที่เกิดสถานการณ์การชุมนุมกระทรวงไอซีที ได้รับร้องเรียนให้ปิดเว็บไซต์เฉลี่ยวันละ 400-500 เว็บ คิดเป็นเว็บปลุกระดมทางการเมือง 60% และเว็บหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เว็บลามก เว็บพนัน เว็บยาเสพติด 40% ส่วนกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่ากระทรวงไอซีที สามารถดำเนินการสั่งปิดเว็บไซต์ได้โดยตรงนั้น แหล่งข่าวชี้แจงว่า สามารถทำได้ เพราะในช่วงสถานการณ์การชุมนุมกฎหมายของไอซีทีได้อยู่ภายใต้ กอฉ.แล้ว ทั้งนี้ ผู้ที่พบเห็นเว็บไซต์ยั่วยุ ปลุกระดม และก่อให้เกิดความแตกแยกทางการเมือง สามารถแจ้งได้ที่ 1212 และศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอฉ. 1555.
ไทยรัฐ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ.2553
ความจริงน่าจะปิดตั้งนานก่อนหน้านี้แล้วนะคะ
ไม่ใช่มาปิดตอนนี้ ไม่ตัดไฟแต่ต้นลม
เริงร่าในเสรีภาพมากไปก็เลยย่ามใจใหญ่นะคะ
หลังจากสถานการณ์การชุมนุมคลี่คลาย และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ICT จะยอมเปิดเว็บให้เผยแพร่ ปลุกระดม ยั่วยุ สร้างปัญหาด้านความมั่นคงของชาติอีกครั้ง
เพื่อ . . . ?!!
ขอเรียกร้องให้การปิดเว็บเสื่อมๆ เหล่านั้นอย่างถาวร
ยังไงมันคงจะไปเผยแพร่ความเลวในเว็บใหม่อีก ถึงตอนนั้นค่อยสะสางกันต่อไป
ถ้าคนมีจิตสำนึก รู้ถึงสิทธิ และหน้าที่ของตนเอง ปัญหาคงไม่เยอะขนาดนี้ แต่ถ้ายังปล่อยให้คนที่มีคิดว่าตนเองมีสิทธิ ไม่รู้จักหน้าที่ของตนมาเรียกร้องแบบนี้ ประเทศชาติคงล่มจม