แรกเริ่มเดิมที กลุ่มศัลย์เป็นกลุ่มที่ขอเข้ามาสังเกตการณ์กระบวนการ R2R ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่ได้ลงมือปฏิบัติ แต่ในการอบรมครั้งนี้เราใช้ว่าเป็นโครงการเชิงปฏิบัติการ นั่นหมายถึงทุกคนที่เข้าร่วมต้องลงมือเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน เราจึงต้องให้ทีมศัลย์นี้ร่วมทุกกระบวนการและทุกกิจกรรม ซึ่งคุณกิจในทีมนั้นส่วนใหญ่มาจาก ward ศัลยกรรมชาย, ห้องผ่าตัด, วิสัญญี, ศัลกรรมuro, ER และมีวิสัญญีแพทย์เข้าร่วมด้วยหนึ่งท่าน
ช่วงแรกที่มีการเล่าเรื่องที่ตนภูมิใจนั้น แรกดูท่าจะไปได้ดี แต่พอเริ่มเล่าไปได้สักพักบรรยากาศกลุ่มดูท่าจะเริ่มอึดอัด เพราะทุกคนดูจะเกรงใจหมอที่เข้าร่วมด้วย เพราะหมอมีหัวข้อการวิจัยมาแล้วเรียบร้อย และพยายามที่จะให้ทุกคนทำวิจัยในหัวข้อที่ตนกำหนดมา ฝ่ายคุณอำนวย"คุณวีระวัฒน์" ก็ไม่สามารถอำนวยกลุ่มได้ด้วยความเกรงใจตามระบบสายงาน จึงทำให้กลุ่มค่อนข้างเงียบ หมอจะผูกขาดการพูดและการนำเสนอเสียเป็นส่วนใหญ่ ท่านวิทยากรกระบวนการคุณ"ชายขอบ" สังเกตแล้วดูท่าจะไม่เดินเสีย จึงร่วมเข้าไปอำนวยและ clear-cut กับคุณหมอท่านนี้...ก็เกิดการแลกเปลี่ยนกันขึ้น ประเด็นการวิจัยที่หมออยากให้ทำวิจัยเป็นการวิเคราะห์ระบบต้นทุนของโรงพยาบาล เราทุกคนมองว่าช่างเป็นเรื่องใหญ่และเหล่าคุณ"กิจ"ก็รู้สึกว่าไม่ใช่การพัฒนางานประจำที่ตนทำอยู่
การเรียนรู้ที่ดิฉันได้รับจากการเดินเรื่องของกลุ่มนี้ คือธรรมชาติของกลุ่มที่เกิดขึ้น เมื่อมีใครคนหนึ่งที่ดูเสมือนมีอำนาจต่อกลุ่ม ก็จะทำให้สมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดใด และความคุ้นเคยกับการรอคำสั่งก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้กระบวนการคิดสร้างสรรค์โดนทำให้ชะงักไป และในตอนเย็นเราถอดบทเรียนที่ได้จากกลุ่มนี้ได้บทสรุปว่าคุณอำนวยที่มีพี่นาถร่วมเข้ามาอีกคนมาช่วยและแบ่งกลุ่มศัลย์ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็เดินเรื่องไปอย่างอิสระ และอีกกลุ่มที่อยากทำประเด็นเดียวกับคุณหมอ ก็เดินเรื่องไปตามนั้น