สงกรานต์ปีนี้ท่านไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ สำหรับผู้เขียนหลังจากรดน้ำขอพรและฉลองวันคล้ายวันเกิดของคุณพ่อ (12 เม.ย.)ด้วยเค้กแสนอร่อย ก็ออกเดินทางไปที่จังหวัดหนองคายบ้านคุณตาคุณยายค่ะ ปีนี้มีลูกศิษย์ขอไปเที่ยวด้วย 4 หนุ่ม คือ หนุ่ย เจมส์ กั๊ก และ ตาม รวมทั้งป้าแต๊ะ เราออกเดินทางจากโคราชแต่เช้าไปถึงหนองคายบ่ายแก่ๆค่ะ
หนองคาย เมืองชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นประตูสู่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเชื่อมระหว่างสองประเทศ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงมากที่สุดเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร มีวัดวาอารามและวัฒนธรรมวิถีชีวิตชาวบ้านที่น่าสนใจมากค่ะ แถมนิตยสาร Modern Maturity ของสหรัฐอเมริกา ยังจัดให้หนองคายเป็นเมืองน่าอยู่ลำดับที่ 7 ของโลกด้วยนะคะ สำหรับคำขวัญประจำจังหวัดคือ วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว
ไปถึงวันแรกก็พักเหนื่อยก่อน รุ่งเช้าแน่นอนเป็นวันมหาสงกรานต์ จุดหมายใหญ่ต้องอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย หรือวัดหลวงพ่อพระใสเพื่อใส่บาตร อัญเชิญหลวงพ่อ และทานอาหารพื้นเมืองที่ตลาดโพธิ์ชัย
วัดโพธิ์ชัย เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านของชาวเมืองหนองคาย ตามตำนานเล่าว่า พระธิดา 3 องค์ของกษัตริย์ล้านช้างได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์และขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามของตนเอง คือ พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลางและพระใสประจำน้องคนสุดท้อง เดิมประดิษฐานที่เวียงจันทน์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสามลงเรือข้ามฝั่งมายังเมืองหนองคาย แต่เกิดพายุพัดพระสุกจมน้ำหายไป ส่วนพระเสริมและพระใสได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่หนองคาย จนในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้อัญเชิญพระเสริมลงมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ส่วนพระใสยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย
เวลา 09.09 น. พิธีการสำคัญคือ การอัญเชิญหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวหนองคาย ลงจากพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัยแห่รอบพระอุโบสถ 3 รอบ แล้วขึ้นประดิษฐานบนราชรถเป็นองค์พระประธาน มีการจัดขบวนแห่หลวงพ่อพระใส และขบวนพระพุทธรูปจากชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย แห่ไปรอบเมืองให้ประชาชนชาวหนองคายและนักท่องเที่ยวได้สรงน้ำกันอย่างทั่วถึง
บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นไปอย่างสนุกสนานคึกคัก มีการเปิดเพลง ติดตั้งเครื่องเสียง เล่นสาดน้ำ ประแป้งกันตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นการเล่นน้ำตามริมถนนสายต่างๆ กับขบวนรถที่ขับผ่านไปมา รวมถึงบริเวณหาดจอมมณี ริมฝั่งโขงหนองคาย มองเห็นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อยู่ไม่ไกลนัก ก็มีนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดลงเล่นน้ำโขงกันจำนวนมาก ขณะที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน แต่เราก็บ่ยั่นค่ะ สถานที่ที่ได้เดินทางไปเยี่ยมชมอีกแห่งคือศาลาแก้วกู่ หรือวัดแขก..
ศาลาแก้วกู่หรือที่รู้จักกันในนามวัดแขก ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคาย 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางไปอำเภอโพนพิสัยอยู่ด้านขวามือ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพุทธมามกะสมาคมจังหวัดหนองคาย สถานที่ซึ่งคล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแสดงรูปปั้นทางศาสนาแห่งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ซึ่งได้สร้างสถานที่แห่งนี้เมื่อราวปี พ.ศ. 2521 ตามความเชื่อว่าหลักคำสอนทุกศาสนาสามารถนำมาผสมผสานได้งานปั้นอันใหญ่โตอลังการนี้มีทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆรูปเทพฮินดู รูปปั้นเกี่ยวกับศาสนคริสต์ รูปปั้นเล่าเรื่องรามเกียรติ์และตำนานพื้นบ้านด้วยค่ะ
นอกจากวัดโพธิ์ชัย ศาลาแก้วกู่ การร่วมกิจกรรมดังที่กล่าวมาแล้ว ผู้เขียนและเด็กๆยังได้มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวและเล่นสงกรานต์สรงน้ำพระที่ถนนหน้าบ้าน แถมได้เดินเล่นสงกรานต์แบบมาราธอนจากหาดจอมมณีมาถึงหน้าโรงพยาบาลหนองคาย ปวดแขนจากการเล่นน้ำปวดขาจากการเดิน สนุกสนานมากๆ เด็กๆได้ซึมซับประเพณีการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมโขง พระธาตุกลางน้ำที่รู้จักกันดีจากหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้ การได้ทำบุญถวายผ้าล้อมพระธาตุ การได้มาเห็นหงอนพญานาคที่วัดธาตุด้วยตาตนเอง แถมด้วยการช้อปปิ้งของฝากที่ตลาดท่าเสด็จ
ที่สำคัญความประทับใจของป้าหนูด ป้าป๋อม ป้านี ป้าแต๊ะ คุณลุง หลานปิงปอง หลานปังปอนต์ หลานก็อต(คนหาปลา) และหลานกอล์ฟ อ้อ..เจ้าตุ่น และหนูซาร่า ที่น่ารักน่าหยิก ทำให้เด็กๆอยากที่จะมาเยือนถิ่นหนองคายอีกครั้ง ในเทศกาลบุญบั้งไฟพญานาค ... ดีจังค่ะ แล้วเราจะกลับมากันอีกครั้ง สัญญา..
มาเที่ยวด้วยคนค่ะ คิดถึงอาหารที่บ้านเราแล้วค่ะ
นำภาพสงกรานต์ ถนนข้าวเหนียว มาฝากครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาเที่ยวด้วยคนนะคะ
ขอบคุณค่ะ^__^
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
เที่ยวบ้านน้องครูแป๋มไม่ทั่ว
สงสัยต้องกลับไปเที่ยวอีกครั้ง
มีความสุขกับบันทึกนี้ค่ะ
ขอบคุณมาก
สวัสดีค่ะ คุณครูแป๋ม
ขอบคุณบรรยากาศสงกรานต์เมืองบั้งไฟพญานาคค่ะ...สุข สดชื่นและเดินปลอดภัยในวันสงกรานต์นะค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครู
เมืองหนองคายมีเสน่ห์จริงๆ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์
ขอบคุณภาพดีๆ มีคุณค่าที่นำมาฝากค่ะ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยค่ะ บรรยากาศดีค่ะ อาหารน่าทาน
สวัสดีค่ะ คุณพี่อุ้ม ถาวร
เด็กๆกับความตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มรสข้าเปียกแกงเส้นค่ะ..
เข้ามาชื่นชมบรรยากาศของความรักความเอื้ออาทรในวงศาคณาญาติแบบไทยๆ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและดีมากเลยนะครับ
หลวงพ่อพระใส ผมไปไหว้มาแล้ว ๒ ครั้ง ครับ
“สายลมเหนือพัดล่องพาพี่น้องมาพบกัน ความสัมพันธ์เฮายังแหน่นอยู่แสนไกลบ่ได้หวั่น
มาหนองคายหนอคงได้เข้ามาใกล้ได้ฮักแพงละน้อ....”
ตลอดเส้นทางรถไฟระหว่างโคราช-หนองคาย ประมาณ 300 กิโลเมตร มีผู้ร่วมเดินทางคือ ครูแป๋ม ป้าแต๊ะตัวผม เจม ตาม และกั๊ก นับได้ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวไกลและเนิ่นนาน ผมไม่คิดไม่ฝันว่าเมื่อไปถึงหนองคายแล้วจะเจออะไร แต่ในหัวใจมีอยู่อย่างเดียวคือ การได้เห็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี (สงกรานต์) อันงดงาม รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ และวิถีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมีความกล้าที่จะปรับตัวกับคนต่างถิ่นฐานได้ไวยิ่งขึ้น เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดหนองคาย ในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2553 เวลาประมาณ ห้าโมงเย็น เมื่อก้าวลงจากรถไฟผมก็ได้เห็นความแตกต่างด้านวิถีชีวิตระหว่างคนโคราช และ คนหนองคาย ถึงแม้จะอยู่ในภาคเดียวกัน แต่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เช่น ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร รูปร่างหน้าตา (ซึ่งคนหนองคายจะขาวเนื่องจากมีเชื้อสายญวนปะปน ซึ่งแตกต่างจากคนโคราช) และทันใดนั้นเองญาติของคุณครูแป๋ม เจ้าของบ้านก็ได้เดินทางมารับที่สถานีรถไฟ ตั้งแต่วินาทีแรกผมก็รู้สึกประทับใจคนที่นั่งมาหลังรถกระบะ ยอมเปียกน้ำจากการเล่นสงกรานต์ของชาวหนองคายเพื่อมารับเรา นั่นก็คือ “น้าป๋อม” ซึ่งท่านสามารถนั่งหน้ารถได้แต่ท่านไม่นั่ง? ผมพอมองออกว่าท่านกำลังตื่นเต้นที่จะได้เห็นพวกเราเดินทางมาเยี่ยมเยียน และคุณลุงที่เสียสละขับรถเพื่อมารอรับหลายครั้งด้วยกัน ระหว่างทางนั้น “น้าป๋อม” ก็ได้พูดคุยกับพวกเรา อย่างเป็นกันเอง พร้อมๆกับชมตัวเมือง ของจังหวัดหนองคาย ที่มีความเป็นระเบียบ เรียบง่าย แต่สวยงามลงตัว มีวัดต่างๆมากมาย มีการจัดบ้านเรือนเป็นคุ้มวัด และไม่นานพวกเราก็ได้เดินทางมาถึง บานของ “คุณลุง” และ “ป้าหนูด” เจ้าของบ้านใจดี มารอต้อนรับเราอย่างอบอุ่น พวกเรายกมือไหว้กล่าวคำสวัสดีญาติผู้ใหญ่ทุกๆคน มี
“ป้าณี” “น้าป๋อม” คนที่นั่งรถไปรับเราพร้อมกับ “คุณลุง” ด้วย และยังได้ทักทายกับลูกชายคนเล็กและคนโตของ “คุณลุง” และ “ป้าหนูด” ชื่อว่า “ปังปอนด์” วัย 14 ปี และ “ปิงปอง” วัยประถม พร้อมกับ “ก็อต”
ซึ่งเป็นรุ่นน้องก็เข้ามาไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง และสุนัขน่ารักที่ชื่อว่า “ซาร่า” ในเย็นวันนั้นพวกผม ได้ไปเดินชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่แม่น้ำโขงไปพร้อมกับ “ปิงปอง” ไกด์ตัวน้อย ที่รู้ทุกซอกทุกมุมในหนองคายเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ไปร่วมรับประทานอาหาร พร้อมกับคุณลุงคุณป้าอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ช่วงดึกหน่อย “ปิงปอง” ไกด์ตัวน้อย ได้ชักชวนพวกเราไปกินขนมปังเย็นแสนอร่อย ริมแม่น้ำโขง ได้สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของฝั่งโขง สองฟากฝั่งไทย-ลาว ได้ดีจริงๆครับ หลังจากนั้น “ปิงปอง” ไกด์ตัวน้อย ก็พาพวกเราไปร้าน Internet เวลาประมาณ เกือบหกทุ่มก็เดินกลับมาที่บ้าน (ทุกสถานที่อยู่ใกล้บ้าน เดินไม่นานนัก) กลับมาก็ประทับใจในน้ำใจของเจ้าของสถานที่คือ “ป้าหนูด” กำลังเตรียมจัดที่ให้พวกเรานอนอย่างวุ่นวาย และคอยอำนวยความสะดวกให้เราตลอดเวลา ในคืนนั้นผมนอนหลับสบายมาก ถึงแม้จะต่างถิ่น แต่ก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ในรุ่งเช้าของวันที่ 13 เมษายน 2553 วันมหาสงกรานต์ พวกเราได้มีโอกาสเดินเท้าไปนมัสการพระธาตุกลางน้ำ และเดินทางไป “วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง)” ถนนประจักษ์ศิลปาคม อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งไม่ไกลจากบ้านพักมากนัก เป็นวัดที่ผมเคยรู้กิตติศัพท์ของความศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานพระคู่บ้านคู่เมืองคือ “หลวงพ่อพระใส” ในเช้าวันนั้นพวกเราได้ตักบาตรพระแล้วได้เดินเยี่ยมชม ตลาดโพธิ์ชัย แวะทาน ข้าวเปียก และแกงเส้น อาหารขึ้นชื่อของชาวหนองคายครับ พออิ่มท้องแล้วเราได้เบียดเสียดท่ามกลางผู้คนเรือนแสน ที่มีความศรัทธาเหมือนพวกเรา คือการที่จะมีโอกาสได้สรงน้ำ พระคู่บ้านคู่เมืองคือ “หลวงพ่อพระใส” ในขณะนั้นเองผมก็รู้สึกประทับใจที่ชาวหนองคายมีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ก็มาร่วมสรงน้ำ “หลวงพ่อพระใส” พร้อมกับการประโคมดนตรี ร่ายรำอย่างสนุกสนาน หลังจากกลับมาที่บ้านก็ได้รดน้ำดำหัวปู่ย่าตายาย คุณลุงคุณป้า ในช่วงบ่ายวันนั้นพวกเราก็เดินมาบนถนนหน้าซอย เพื่อรอสรงน้ำ “หลวงพ่อพระใส” อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้พิเศษ คือจะมีขบวนแห่พระจากวัดต่างๆอย่างยิ่งใหญ่ ให้ผู้คนสองฟากฝั่งถนนได้สรงน้ำ และชื่นชมความงดงาม ในพุทธคุณ และในตอนเย็นพวกผมได้มีโอกาสเดินเท้าไปยัง “ตลาดท่าเสด็จ” เลือกซื้อสินค้า ก่อนจะมาทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้า และเดินทางไปยังวัด สระแก้ว เพื่อไหว้ และสงน้าอัฐิ บรรพบุรุษ ของคุณลุงและคุณป้า ในช่วงค่ำของวันนั้น พวกเราได้เดินทางไปงานสมโภช “หลวงพ่อพระใส” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน ของทุกปี ผมได้มีโอกาสเวียนเทียนรอบวิหารหลวงพ่อพระใส สรงน้ำ และนำน้ำพุทธมนต์จากหลวงพ่อพระใส กลับบ้าน พร้อมกับเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงพ่อพระใส เพื่อนำกลับมาเป็นของขวัญปีใหม่ไทย ให้พ่อแม่ และญาติๆที่โคราชอีกด้วย ในรุ่งเช้าวันที่ 14 เมษายน ผมตื่นแต่เช้า “ป้าหนูด” ผม และ ครูแป๋ม มาส่องกล้องดูบรรยากาศฝั่งลาวอย่างสวยงาม หลังจากนั้น พวกเราได้เดินทางไปเที่ยวที่ “ศาลาแก้วกู่” เทวสถานทีสวยงามของจังหวัดหนองคาย ซึ่งภายในมีรูปปั้น พุทธประวัติ เทพต่างๆ และพญานาค มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเป็นจำนวนมากครับ ส่วนตอนบ่ายได้นั่งรถไปกับป้าๆ และน้องๆที่ “หาดจอมมณี.” เชิงสะพาน “มิตรภาพไทย-ลาว” ได้ลงเล่นน้ำกับคุณป้าๆ และน้องๆ ในแม่น้ำโขง อย่างสนุกสนาน ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่มาเล่นน้ำ และพักผ่อน ยาวตลอดบริเวณหาด ขากลับช่วงเย็น รถติด คุณลุงไม่สามารถมารับได้ พวกเราทุกคนจึงเดินมาตามถนน เล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนาน จนมาถึงที่ ที่รถจอดได้จึงเดินทางกลับไปที่บ้านพัก และเย็นวันนั้นผมรู้สึกหวิวๆที่จะได้จากที่นี่ไปแล้ว จึงขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้ามองแม่น้ำโขงยามเย็นเป็นวันสุดท้าย ทันใดนั้นสองพี่น้อง “ปังปอนด์-ปิงปอง” ก็เอากล้องส่องขึ้นมาบนดาดฟ้าเพื่อมาส่องดูบรรยากาศตอนเย็น พร้อมกับขนม ไข่เต่า น้องทั้งสองคนก็ชวนกินขนม และส่องกล้องมองบรรยากาศ ฝั่งลาว แล้วก็ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะได้ยินเสียงป้าๆ เรียกลงไปทานข้าวเย็นข้างล่าง ก่อนที่พวกเราสามคนจะเดินทางลงไปทานข้าวเย็นพร้อมกัน ในรุ่งเช้าวันที่ 15 เมษายน (วันกลับบ้าน) ผมตื่นแต่เช้าลุกมาทำความสะอาดบริเวณที่พักด้านบน อาบน้ำ เก็บสัมภาระ ผมได้ไปขอยืมรถมอเตอร์ไซด์ น้องปังปอนด์ ไปวัดโพธิ์ชัย อีกครั้ง แต่ไปคนเดียว ไปเช่าบูชา หลวงพ่อพระใส กลับบ้านอีก 5 องค์ เพราะผมคิดว่าผมรู้สึกศรัทธาในองค์หลวงพ่อ และจะนำไปมอบให้กับญาติผู้ใหญ่ที่โคราชเพิ่มอีก หลังจากนั้นผมกลับบ้านมาทานข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นเคย (รู้สึกผิดที่คนอื่นมานั่งรอทานข้าวครับ บาปมั้ยนี่) จากนั้นพวกผมได้ขับรถไปไหว้ปู่พญานาค ที่วัดธาตุ ก่อนจะไปตลาดท่าเสด็จอีกครั้งเพื่อเก็บภาพบรรยากาศสุดเขตประเทศไทย พวกเราเดินทางกลับมาถึงบ้านพักประมาณห้าโมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว เก็บสัมภาระ ลงมา หลังจากนั้นได้ล่ำลาคุณลุง และป้าๆทุกคน ก่อนจะขึ้นรถมาพร้อมกับ คุณลุง ป้าหนูด น้าป๋อม มาส่งที่สถานีรถไฟหนองคาย ระหว่างทางผมและเพื่อนๆก็เปียกปอนจากการถูกสาดน้ำ และด้วยความใจดีของป้าหนูด ก็ได้ซื้อ “กระยอสด” อาหารคล้ายปอเปี้ยทอด มาให้พวกเรากินระหว่างเดินทางกลับอีกด้วย ไม่ว่าระยะทางระหว่าง โคราช-หนองคาย จะไกลสักเท่าใด ดั่งผญาภาษิตอีสานที่ผมแต่งไว้ข้างต้น ใจความว่า “สายลมเหนือพัดล่องพาพี่น้องมาพบกัน ความสัมพันธ์เฮายังแหน่นอยู่แสนไกลบ่ได้หวั่น มาหนองคายหนอคงได้เข้ามาใกล้ได้ฮักแพงละน้อ....” หมายถึง สายลมที่พัดพาระหว่างผมมาพบกับป้าๆ คุณลุง และน้องๆ แม้ว่าจะเป็นระยะอันสั้นที่เราได้เจอกัน และต้องจากกันไกล แต่ความสัมพันธ์ มิตรไมตรีไม่ได้จางหาย และถ้ากลับมาหนองคายอีกครั้งก็คงจะได้พบเจอกันดั่งเดิม นอกเหนือจากคำบรรยายเหล่านี้ผมจึงอยากฝากบทกลอนสุนทรพจน์ เพื่อมอบให้กับ คุณลุง ป้าๆ น้องๆ และชาวหนองคายทุกคนครับ
วีรกรรมปราบฮ่อพ่อพระใส
อีกสะพานลาวไทยในน้ำโขง
ศิลปวัฒนธรรมร่วมจรรโลง
สายน้ำโขงเชื่อมเราชาวหนองคาย
ต้องลาแล้วลุงป้าแลพี่น้อง
เคยสมปองร่วมรักกลับจางหาย
ภาพวันนั้นจะตราตรึงมิเสื่อมคลาย
เราทั้งหลายต่างคิดถึงคะนึงครวญ
ขอขอบคุณคุณลุงมุ่งส่งรับ
ขอบคุณครับจากใจไกลใกล้ด่วน
ป้าหนูดนั้นน้ำใจหอมอบอวล
ดุจน้ำทวนต้องแสงแห่งสุรีย์
คอยหุงหาอาหารการต้อนรับ
ใจประทับสุขกายให้สุขขี
ลูกหลานมาป้านั้นแสนยินดี
จิตใจนี้ล้วนเมตตาเกื้อการุณย์
ขอขอบคุณป้าณีที่ดีเลิศ
สุดประเสริฐทำอาหารการเกื้อหนุน
เป็นคนเงียบแต่น้ำใจดั่งใบบุญ
ท่านเกื้อกูลลูกหลานสานไมตรี
ขอขอบคุณน้าป๋อมที่นำเที่ยว
ทางคดเคี้ยวอย่างไรไม่หมองศรี
เสียสละพูดตลกเป็นอย่างดี
ท่านผู้ชี้ทางไปคลายกังวล
ขอขอบคุณป้าแต๊ะที่คอยห่วง
ดุจดั่งดวงหฤทัยไม่ขัดสน
คอยจัดแจงข้าวปลาอย่ากังวล
ผู้นำคนพาทำบุญอบอุ่นใจ
ขอขอบคุณครูแป๋มผู้แนมข้าง
มองหนทางจะยาวไกลใกล้แค่ไหน
เป็นแม่งานพามาล่องสุดแดนไทย
ซึ้งน้ำใจคุณครูผู้เมตตา
อุปการะเลี้ยงดูเคียงคู่ศิษย์
จะถูกผิดตักเตือนเลื่อนเดียงสา
รักลูกศิษย์ทุกคนอย่างบุตรา
เรานั้นหนาขอขอบคุณหนุนนำทาง
ขอขอบคุณน้องปังปอนด์คุณน้องรัก
คอยฟูมฟักมอเตอร์ไซค์ยามไกลห่าง
จะไปไหนไถ่ถามในเส้นทาง
ในยามว่างสนทนาน่าพาที
ขอขอบคุณน้องปิงปองน้องสุดท้อง
ผมนั้นมองอนาคตหนาสง่าศรี
น้องคนนี้มีฝีมือแลรู้ดี
ทุกถิ่นที่ใกล้ ไกล คลายกังวล
คอยเป็นคนนำทางยามท่องเที่ยว
ดึงใจเหี่ยวให้ห่างความสับสน
เป็นผู้มีพหูสูตพูดกับคน
มีคารมคมคายไม่หน่ายนาน
ขอขอบคุณน้องก็อตพรานลุ่มน้ำโขง
ที่จรรโลงวิถีไทยใครเล่าขาน
เอกลักษณ์การหาปลามายาวนาน
เลี้ยงลูกหลานให้มีอยู่และมีกิน
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ้างเอ่ย
ขอชมเชยด้วยใจในสัตย์ศิลป์
ชาวหนองคายคนดีคู่แผ่นดิน
จะยลยิลยามใดมิวายวาง
ขอบารมีพ่อพระใสในไตรรัตน์
จงปกปัดภยันตรายอย่าได้ขวาง
ขอทวยเทพนาคาในบาดาล
ป้องลูกหลานปกแผ่นดินถิ่นคนดี
ปล.คิดไว้ตั้งแต่หลายวันแล้วครับ ไม่รู้ครูจะเอาลงวันไหน
สวัสดีค่ะ ท่านรองฯ
หลวงพ่อพระใสพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองคาย.
<a href="http://image.ohozaa.com/show.php?id=43195a280448e00b7f965932d34bcfbf" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/in/sba21.gif" /></a>
มาส่งครูเข้านอนครับ
สวัสดีจ้า ประธานหนุ่ย สิทธิชัย ระหาญนอก
ความสุขของหนุ่ยที่เห็นได้จากรอยยิ้มกว้างแบบนี้..
น่าสนุกนะ
สดใสอิ่มบุญกันทุกคนเลยนะ
สวัสดีคะ ว้าว! วันนี้หนูได้มาเที่ยวถึงหนองคายเล้ย!..
เคยดูแต่หนัง 15 ค่ำ เดือน 11 ค่ะ
ว่าแต่ว่าอยากจะไปเห็นบั้งไฟพญานาคด้วยตาตัวเองซักทีนึงค่ะ
รอให้น้องไอซ์โตอีกซะหน่อย จะไปนั่งคอยริมฝั่งโขงค่ะ..บาย
สวัสดีครับ ครูแป๋ม
1.เรื่องราวที่เล่าอย่างละเอียดล้วนกลั่นกรองจากจิตใจ
2.ขอขอบคุณสำหรับคำชมเชย กลอนของผม
3.ทุกคนที่นั่นทำให้ผมประทับใจโดยมิอาจลืมเลือน
4.ผมจะระลึกถึงครูแป๋มเสมอ
5.ขอชื่นชมสำหรับความเสียสละ (กล้อง) ของครูแป๋มที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆ
ุ6.ขอขอบคุณครูแป๋มที่เลี้ยงดูปูเสื่อพวกเราเป็นอย่างดี
ปิดเทอมนี้ขอให้ครูแป๋มมีความสุข สุขภาพแข็งแรง
และเมื่อมีโอกาส ศิษย์และผองเพื่อนจะไปพบกับคุณครูเสมอๆ
ลืมๆๆครับ ทิ้งท้าย
ผมขอสัญญาว่า จะกลับไปที่หนองคายอีกครับ
(หากมีโอกาส)
สวัสดีจ้า ประธานหนุ่ย สิทธิชัย
หนุ่ยตกใจอะไร...อิอิ..
สวัสดีค่ะ
ตามไปเที่ยวด้วย...ชอบหนองคายค่ะ
เคยไปกราบนมัสการ หลวงพ่อพระใส และได้ไปเยี่ยม ศาลาแก้วกู่ ... 2 ครั้ง
ประทับใจทั้งสองครั้งคราค่ะ
(^___^)
ตามน้องครูเเป๋มมาเที่ยวสงกรานต์ที่หนองคายค่ะ บรรยากาศชื่นมื่นชุมฉ่ำจริงๆนะคะ เเล้วก้อฝากสุขสันต์วันเกิดคุณพ่อด้วยนะคะย้อนหลังค่ะ ดูท่านยังเเข็งเเรงนะคะน้องครูเเป๋ม ส่วนพี่กุ้งก็เที่ยวสงกรานต์ที่สกลนครค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณคนไม่มีราก
เจมส์กั๊กกับภาพมุมไกลที่เห็นพระธาตุกลางน้ำเบื้องหลัง..
สวัสดีค่ะ พี่กุ้ง ที่คิดถึง
บูชาหงอนพญานาค อยู่ที่วัดธาตุค่ะ..
สนุก สุขสันต์วันสงกรานต์กันน่าดู คุณพ่อมีเค้าหล่ออยู่นะคะ
ครอบครัวน่ารัก เจ้าข้างหน้านั่นก็เป็นสมาชิกด้วยเหรอ??
แล้วพญานาคมีจริงไหม ? น้องครูแป๋ม
สวัสดีค่ะ พี่ครูป.1 ที่คิดถึง
พ่อดูหล่อและเท่ห์ในใจลูกเสมอค่ะ..
Memories in Nhong Khai
ความทรงจำ "หนองคาย"
12 เมษายน 2553 เริ่มต้นที่เวลา 5.00 น.
วันนั้นหลังจากที่เราได้ไปรับประทานอาหารค่ำกันที่ "ฮ่องเต้"ครูแป๋มก็ได้ชวนพวกเรา
เพื่อสัมผัสกับชีวิตของชาวหนองคายที่แท้จริง ซึ่งพวกเราก็ได้ตอบตกลงอย่างเป็นทางการเกือบ 3 ทุ่มของวันที่ 11 หลังจากนั้น เจมส์และกั๊กก็ได้ไปเตรียม เสื้อผ้า และเครื่องไม้เครื่องมือในการเดินทาง ที่บ้านตัวเองก่อนหลังจากนั้นก็ไปถึงบ้านของสิทธิชัยเกือบตีสอง เพราะกำลังสมัครแอดมิชชั่นให้เพื่อนด้วยครับ การเดินทางในวันแรกนั้นมีอุปสรรคแรกคือ เวลาเช้าไม่มีรถสองแถวออกไปยังจิระเลย แต่โชคดีว่ามีรถผู้ใจดีก็พาพวกเราไปที่จิระเวลา 5.55 น. และแล้วก็ได้ไปรับประทานอาหารมื้อแรกคือ ข้าวต้ม และ รังนก
ข้าวต้มแพงจัง 25. บาท และรังนก 10 บ. หลังจากนั้น ก็ได้พบกับครูแป๋ม พ่อครูแป๋ม ป้าแต๊ะ ครูแป๋มบอกว่าเดี๋ยวหิวเลยพาไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งอีกที ซึ่งตอนนั้นเองรถไฟก็กำลังมาพอดีเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาเลย เพราะ เป็นครั้งแรก ที่จะได้ขึ้นรถไฟไปหนองคาย
หลังจากที่ขึ้นรถไฟแล้ว ความตื่นเต้น ความอยาก และ ฯลฯ ก็ลดลง เนื่องด้วยประชากรที่หลั่งไหล เข้าใช้รถไฟฟรี จนไม่มีที่ยืน + ที่นั่ง แต่เพื่อนสร้างสีสัน ตอนนั้นเองกั๊กก็ได้ถ่าย วีดีคลิปด้วย โดยมีช่างภาพคือตาม พวกเราไม่ได้นั่งเลยจนถึง บัวใหญ่ คนลงเยอะมาก ตอนนั้นก็ประมาณ สามโมงเช้า รถไฟจอดเป็นระยะ ๆๆ ไปเรื่อย ๆ นานเหลือเกิน อากาศที่ร้อนระอุ สร้างความหงุดหงิดจริงๆ จนมาถึงขอนแก่น เห็นโรงเรียนแก่นนครด้วย
แต่และแล้ว เวลาผ่าน ไปจนถึง สี่โมงเย็น ก็ได้มาถึง หนองคาย เสียที มีคนมารับนั่นก็คือพ่อของนิชคุณ (ปอนด์) และ ปิงปอง โดยมีน้าป๋อมนั่งอยู่ข้างหลัีงด้วย
น้าป๋อมบอกว่า สงกรานต์ที่นี่เล่นเร็วไป 1 วันเลยผ่านไปก็มีคนสาดน้ำมาบ้าง แต่ไม่หนาแน่น ก็เปียกกันเล็กน้อย กั๊กเป็นคนเดียว ที่เก่ง ภาษาอีสาน สามารถคุยกับน้าป๋อมได้อย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ เจมส์ หนุ่ย และ ตาม เงียบเลย เพราะพูดไม่เป็น 555+
เมื่อมาถึงแล้วครูแป๋มทำตกใจเล่น ชี้เพิงสังกะสี บอกว่า นั่นแหละที่พักของเรา
เหอๆ เจมส์ก็ขำเล็กน้อยตรงที่ว่า บ้านมีสองชั้น จะให้เรานั้นได้อย่างไรเล่า อิิอิ
พอมาถึงเนี่ย ก็มีน้องสวัสดีเลย คนแรก ชื่อปอนด์ แต่เจมส์คิดว่า โตขึ้นหน้าตาอาจจะเหมือนนิชคุณ เลยเรียกน้องว่า นิชคุณ อีกคนชื่อ ปิงปอง ซึ่งเป็นน้อง และ เจอกับ ป้าหนูด ตามมาด้วย ป้าณี ซ่าร่า ตุ่น (อิอิ) ชอบซาร่าเป็นพิเศษ น่ารักๆๆๆมากๆๆๆ เลย
เลี้ยงบอลเก่งด้วย ส่วนอีกคนนาน ๆ ทีเห็น คือ "คนหาปลา" (ก็อต) เป็นคนที่หาอาหารให้พวกเรากิน (อิอิ) หลังจากนั้น ที่นำสัมพาระเข้าเก็บแล้วพวกเราก็รีบตรงไปที่ แม่น้ำโขงซึ่งห่างจาก บ้านไม่ใกลนัก ใกล้ ๆน้ำโขงจะมีตำรวจน้ำแล้วก็ เครื่องออกกำลังกาย ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านแน่เลย
วันแรกไม่มีอะไรมากแต่ ก็มากพอที่จะทำให้เราหลับได้ครับ
13 เมษายน 2553
ตื่นขึ้นมาแล้วพวกเราก็ตรงดิ่งกันไปที่แรกเลย พระธาตุกลางน้ำ แต่อย่างว่าอะนะ
ไม่มีใครรอเลยเจมส์กับกั๊กเลยหาทางไม่เห็นเลย ไปอีกทางไปทางท่าเสด็จ เดินไปเดินมาก็ไม่เห็นใครเลยเดินกลับเสียเลย ปรากฎว่าป้าหนูดบอกว่าไปพระธาุุตุกัน เจมส์กับกั๊กเลยได้กุญแจมอเตอร์ไซค์ขับขี่อย่างสบายใจมุ่งหน้าสู่วัดพระธาุตุเลย อิอิ รู้สึกว่าตามจะชอบบริเวณนั้นมาจึงต้องลงไป ข้างล่างเพื่อถ่ายภาพ และแ้ล้วครูแป๋มก็ตามลงไป กับหนุ่ยกับกั๊ก
จนเข้ามาถึงเรื่อง "คุณหนู" ครูแป๋มเห็นเจมส์นั่งรถกับกั๊กมา แล้วลงมา ครูแป๋มเลยทักว่า "แหมคุณหนู สบายจังเลย" "ผิวพรรณนี่เปล่งปลั่งจริงๆ" ซึ่งเหตุการณ์นี้เอง ทำให้ดูดีขึ้นมาเลย อิอิ
หลังจากทีดูพระธาุตุเสร็จแล้วก็มาพบป้าแต๊ะ แล้วก็ออกเดินทางไปวัิดโพธิ์ชัย โดยมีแกนนำ ในการเดินทาง คือน้าป๋อม ป้าแต๊ะ ได้ไปสรงน้ำองค์หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปทองคำ มีตอนนึง ที่เบียดกันเกือบเหยียบกันเจมส์ได้ช่วยปิงปองออกจากภัยอันตรายนั้นได้ น่ากลัวจริง ๆ ตอนนั้น
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเราก็มาเล่นสงกรานต์กันที่หน้าซอย
เรื่องที่ไม่เหมือนบ้านเราคือ พวกเขาเล่นไม่ค่อยแรงกันเท่าไร ที่บ้านเราเล่นแรงมาก
เขาเล่นกันอย่างมีวัฒนธรรม
วันต่อมา 14 เม.ย. ไปที่ศาลาแก้วกู่
ดู ๆ แล้วที่นี่น่ากลัวและลึกลับดี แต่เจมส์ประทับใจมากการที่เจมส์มาที่นี่เจมส์ได้บูชาปู่ชูชก สีขาว แล้วก็ ได้ถ่ายรูป ๆ กับนิชคุณ แล้วก็บรรดาพวกเราครับ
หลังจากนั้นเราก็ไปกันที่หาดจอมมณี สถานที่่ที่ครูแป๋มได้รับความเจ็บปวดที่แขน
ที่นี่ ดูน้ำนิ่งแต่ไหลลึกครับ บางทีทรงตัีวแทบไม่ได้เลย หลังจากนั้นเราก็เดินกลับบ้านด้วยระยะทางที่แสนไกลแต่และแ้ล้วก็ต้องให้พ่อของนิชคุณมารับครับ
โห ... เหนื่อยจัง แต่ยังดีนะครับ เราได้ไปที่ตลาดท่าเสด็จครับ
วันที่ 15 เม. ย.
วันต่อมาเดินทางกลับสู่ นครราชสีมา ต้นทางหนองคาย
แต่ก่อนกลับ ก็ได้ไปที่ท่าเสด็จครับแต่พอกลับไปถึงแล้ว
ก็เจอกับลุงเสริมและป้าตุ๊กมารอรับครับ ป้าแต๊ะให้หมูยอมาด้วยครับ
ทั้งหมดนี้ยังเล่าความในใจที่ประทับใจ จากหนองคายยังไม่หมด ครับ
อย่างไรเดี๋ยวจะนำมาเล่าใหม่อีกทีครับผม.....
สวัสดีจ้า "คุณหนู"เจมส์ พึ่งอาศัย
คุณหนูเจมส์ทนง่วงไม่ไหวแล้ว..ZZZZZZ...
สวัสดีค่ะ คุณครูธรรมทิพย์
สะพานมิตรภาพไทยลาวยามค่ำคืนเห็นแต่ไกล..
โอย โย่ น้องแป๋ม พี่สุไม่ต้องไปค้นประวัติให้เสียเวลาเลย เรื่องทั้งหลายที่อยากรู้ อยู่ในบล็อกนี้ของน้องแป๋มหมดเลย เยี่ยมคะ
-และภาพบางภาพ ที่แก้วกู่ ด้วยอากาศร้อน วัดแขกพี่สุไม่ได้เข้าไปเยี่ยม ชมเลยคะ และประวัติบางประวัติ พี่สุพึ่งรู้รายละเอียดจากบันทึกน้องแป๋มนี่เอง ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆๆๆคะ ภาพบางภาพพี่สุพลาดถ่ายรูปเลย ด้วยอากาศร้อนมากๆๆๆคะ
-เรื่องพร้อมภาพ ภาพถ่ายสวยมาก เรื่องก็เล่าได้ละเอียดดี สมที่พี่สุอยากรู้คะ ไม่ต้องเสียเวลาค้นคะ ชอบภาพฝีมือถ่ายดีมากคะ
-และประทับใจ ที่มีนักเรียนมาเที่ยวสงกรานต์บ้านครูด้วย โดยนั่งรถไฟ หาประสบการณ์และได้รับสิ่งดีดี กลับไปคะ ขอบคุณน้องครูแป๋มนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณพี่สุ ที่คิดถึง