"ก่อร่างสร้างธุรกิจ วิกรม กรมดิษฐ์ (ตอน1)
“There is a
will, there is a way”…คติพจน์ฝรั่งที่มีความหมายในเชิงว่า
“ตราบใดที่ยังมีความหวัง ย่อมมีหนทางเสมอ”
วลีนี้คงจะเหมาะที่จะใช้ในการบ่งบอกความเป็นตัวตนของวิกรม กรมดิษฐ์ได้เป็นอย่างดี
นักบริหารผู้ประสพความสำเร็จในการทำงาน
เจ้าของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทั้ง
“นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร” “นิคมอุตสาหกรรมอมตะ
ซิตี้” และ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะ เวียดนาม”
ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของสังคมทั่วไป
เขาก้าวขึ้นมา
สู่การเป็นผู้บริหารชั้นแนวหน้าของประเทศอย่างทุกวันนี้ได้
ด้วยความทะเยอทะยาน ความพากเพียรอุตสาหะ
ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
และความฝันในวัยเยาว์ที่จะมีอนาคตที่ก้าวไกลอย่างแรงกล้า
ทุกวันนี้วิกรม
กรมดิษฐ์เป็นบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นตัวอย่างรูปแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จ
มีฐานะร่ำรวยแต่ใช้ชีวิตอย่างสมถะ
ที่ถูกจับตามองทั้งในแวดวงธุรกิจ ศิลปวัฒนธรรม
การศึกษา
เรียกได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในความสนใจไม่ใช่เพียงแค่ในวงการนักธุรกิจนัก
บริหารเท่านั้น ทั้งเยาวชน นิสิตนักศึกษา ศิลปิน
บุคคลทั่วไป และสื่อทุกแขนง ต่างมีความใคร่รู้ถึง
ความเป็นวิกรม
กรมดิษฐ์
เหตุใดผู้ที่ร่ำรวยทั้งทรัพย์สินและชื่อเสียงถึงพอใจที่จะดำรงตน
อยู่ในความพอเพียง
พื้นเพอย่างไรที่หล่อมหลอมให้มีวิกรมในวันนี้
ความฝันสูงสุดของเขาคืออะไร
เขามีปรัชญาหรือแนวคิดอะไรในการกำหนดเส้นทางสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่นั้น
และสิ่งใดคือความปรารถนาในบั้นปลายชีวิตของเขา
วิกรม
กรมดิษฐ์มีชาติกำเนิดเติบโตขึ้นในครอบครัวใหญ่ที่ประกอบด้วยคุณพ่อ
คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า และน้องๆอีก 9 คน
ที่อำเภอท่าเรือ ตำบลท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี
เข้าเรียนมัธยมศึกษาที่โรงเรียนซินจู๋
และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของไต้หวัน
หลังจากที่จบการศึกษาแล้วเขาได้พกความมุ่งมั่นตามประสาเด็กหนุ่มไฟแรงกลับมา
ประเทศไทยเพื่อที่จะริเริ่มการงานในโลกของธุรกิจอย่างเต็มตัวเสียที
บนเส้นทางแห่งโลกธุรกิจนั้นไม่ได้เรียบง่ายสำหรับเด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวพ้นรั้วมหาวิทยาลัยมาใหม่ๆอย่างเขาเลย
ความฝันเดียวของเขาคือการเป็นเถ้าแก่เจ้าของกิจการด้วยตนเอง
ในโลกใบใหม่ที่เขากำลังจะก้าวเดินนั้นมีทั้งปาฏิหาริย์ที่ก่อให้เกิดความ
สำเร็จในการติดต่อธุรกิจ
และขวากหนามที่จะพิสูจน์คนอย่างวิกรม กรมดิษฐ์ในเส้นทางธุรกิจ
ชีวิตที่เป็นดั่งการเดินทางที่ไม่รู้จบ
เขาต้องก้าวให้ผ่านความตลบแตลงในวงการค้า
ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
และต้องทำใจยอมรับกับความผิดพลาดผิดหวังที่เกิดขึ้นด้วยใจที่กล้าแกร่งพร้อมจะลุกขึ้นมาตั้งต้นใหม่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เพิ่มพูนประสบการณ์ในวงการธุรกิจของเขาให้สั่งสมมากขึ้น
ดั่งบททดสอบที่ท้าทายให้เขาได้ก้าวสู่ความสำเร็จเช่นทุกวัน
บริษัท
วี แอนด์ เคเอนเตอร์ไพร์ซ จำกัด
ตัวแทนนำเข้าและส่งออกสินค้าและแร่ธาตุจึงถือก่อตั้งขึ้น
โดยชื่อบริษัทได้นำมาจากอักษรย่อของชื่อเขาและแฟนสาวชาวไต้หวัน
คือวิกรม และเคลลี่
ภายใต้ทุนจดทะเบียนมูลค่า2.5แสนบาท
และเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา
ทว่าหลังจากที่เขาทุ่มแรงกายแรงใจกับธุรกิจนี้ได้ 3-4 เดือน
ธุรกิจนั้นก็ไม่ได้แสดงออกถึงความคืบหน้าแต่อย่างไร
ทฤษฎีความรู้ต่างๆที่เคยเล่าเรียนมากลับไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์
ให้สอดคล้องกับงานที่ทำได้แต่อย่างไร
ซ้ำร้ายเงินทุนก็ร่อยหรอลงทุกที
เคยกระทั่งว่าในกระเป๋าของนักธุรกิจอย่างวิกรม
กรมดิษฐ์นั้นมีเงินติดตัวเพียงหนึ่งสลึงเท่านั้นเอง
และแล้ววิกฤตนี้ก็ผ่านไปเมื่อเขาได้รับจดหมายสั่งซื้อสินค้าเครื่องหวายจาก
ญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่ใช่การสั่งซื้อที่มากมาย
แต่สำหรับเขาแล้วในตอนนั้นคงเหมือนแสงเทียนในเงามืดเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเขาได้มีโอกาสศึกษาธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง
โดยลงพื้นที่ไปสำรวจหาวัตถุดิบในจังหวัดชลบุรีและระยองด้วยตัวเอง
ไม่นานเกินรอเขาก็ได้เริ่มธุรกิจแป้งมันสำปะหลังกับคู่ค้าชาวไต้หวันชื่อคุณ
โจว วี่ พิง ชายสูงวัยอัธยาศัยดี
โดยคุณโจวให้ความสนใจในแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพดีถูกใจ
หลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างสินค้าที่เขานำเสนอเทียบกับแป้งมันชนิดอื่น
และพอใจที่จะสั่งซื้อแป้งมันจำนวน 50 ตันจากเขา
นั่นสร้างความยินดีและดีใจให้กับเขามาก
เพราะงานนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยชีวิตเขาให้ได้ทำธุรกิจอย่างจริงจัง
และมีเงินหมุนเวียนเสียที
บางครั้งความสำเร็จในชีวิตคนเรา
ก็มิได้แลกมาจากหยาดเหงื่อแรงกายเพียง
เพราะการทำงานชนิดเลือดตาแทบกระเด็นอย่างเดียว
หากแต่ถนนสู่ความสำเร็จนั้นต้องอาศัยปัจจัยเกื้อหนุนอื่นด้วยเช่นการทำ
งานอย่างรู้ทิศรู้ทางมีการวางแผนล่วงหน้า
หรือแม้กระทั่งการมีมิตรแท้ที่จริงใจในวงการที่ฉาบฉวยควบคู่กันไปด้วย
ในการประกอบธุรกิจของวิกรม
กรมดิษฐ์
หนึ่งความคิดที่เขาเชื่อและถือปฏิบัติคือธุรกิจจะเติบโตก้าวหน้าอย่าง
สัมฤทธิ์ผลจะต้องมีเครือข่ายพันธมิตรที่กระจายกว้าง
เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะทำความรู้จักมักคุ้นด้วยรอยยิ้มและไมตรีจิตรกับผู้คน
มากหน้าหลายตา
ทั้งคนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติที่จะมาทำมาค้าขายลงทุนกับประเทศไทย
เขาคิดว่าการผูกมิตรกับคนในหลายวงการนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นใน
ระดับหนึ่งของการกระจายกิจกรรมทางธุรกิจ
และถึงแม้อาจจะไม่ได้เป็นคู่ค้ากันแต่อย่างน้อยเขาก็จะได้เพื่อนเพิ่มขึ้น
ซึ่งนั่นถือเป็นกำไรแห่งชีวิตที่มากพอแล้ว
‘คุณเฉา’ผู้จัดการใหญ่บริษัทราชาชูรสเป็นบุคคลแรกที่สนับสนุนแนวคิดใน
การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีนั้นมีคุณค่าอย่างยิ่ง
เขาได้รับคำเสนอแนะและแนะนำให้รู้จักกับคุณจอร์จ ลิน
ลูกชายเจ้าของบริษัทราชาชูรสในไต้หวัน และคุณเกียรติ
ชัยสถาวรวงศ์ เจ้าของบริษัทเกียรติฟ้า
ผู้ผลิตถ่านไฟฉายตรากบ
เพื่อริเริ่มกิจการโรงงานปลาทูน่ากระป๋องพร้อมกับธุรกิจแป้งมันที่ทำอยู่
เดิม ซึ่งขณะนั้นถือเป็นยุคบุกเบิกของ
การส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย
ครั้งหนึ่งวิกรมได้ร่วมธุรกิจการส่งออกแป้งมันกับคุณหลิน
น้าน ชุ้น เจ้าของโรงงานแบะแซชาวไต้หวัน
การติดต่อกับคุณหลินเป็นไปได้ด้วยดีและต่อเนื่อง
ยอดการสั่งซื้อจากคุณหลินเคยสูงถึงขนาดทำให้เถ้าแก่ช้วน
เจ้าของโรงงานแป้งมันที่เขาติดต่อด้วยเกิดความไม่แน่ใจในความเสี่ยงที่อาจจะ
เกิดขึ้น
ถึงขั้นที่เขาต้องพาเถ้าแก่ช้วนไปพบคุณพ่อที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก
เพื่อเป็นหลักประกันสร้างความมั่นใจให้กับคนเป็นผู้ผลิต
จากปริมาณยอดสั่งซื้อสินค้าที่สูงอย่างต่อเนื่องส่งให้เกิดผลดีกับเขาอีก
อย่างคือเขาสามารถขออนุมัติเปิดวงเงินแพ็คกิ้งเครดิตจำนวน1.5
ล้านบาทกับทางธนาคารกรุงเทพสาขาสยามสแควร์ได้
หลังจากที่เขาได้ติดต่อพูดคุยถึงนโยบายส่งเสริมการส่งออกของทางธนาคารกับคุณ
สุวรรณ แทนสถิต ผู้จัดการควบคุมดูแลสาขาในขณะนั้น
ด้วยความมานะอดทนอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เขาไม่ท้อแท้และเลิกล้มความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจเสียกลางคัน
และนั่นทำให้เค้าลางของความก้าวหน้าในธุรกิจเริ่มส่อแววให้เด่นชัดขึ้น
เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรองรับธุรกิจที่ขยายตัวมากขึ้น
เขาได้ลงมือปรับปรุงบ้านพักของเขาให้เป็นสำนักงานในคราวเดียวกัน
ก้าวแรกของการดิ้นรนต่อสู้และเรียนรู้โลกของการบริหารธุรกิจอย่างจริงจังของ
วิกรม
กรมดิษฐ์ได้เริ่มขึ้นจากนี้แล้ว
(ตอน2 เปิดม่านเวทีธุรกิจ)
ม่าน
เวทีธุรกิจของวิกรม กรมดิษฐ์ได้เปิดขึ้นแล้ว
หลังจากที่เขาได้ลงมือเปิดบริษัทส่วนตัว “บริษัท วี
แอนด์ เคเอนเตอร์ไพร์ซ”ขึ้น
เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจส่งออกแป้งมันไปพร้อมๆกันกับบุกตลาดปลาทูน่ากระป๋องในระดับนานาชาติ
รายการยอดสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาในบริษัทวี แอนด์
เคเอนเตอร์ไพร์ซมียอดเป็นที่น่าพอใจและแลดูจะดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้สภาพคล่องของเงินทุนของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างไม่ติดขัด
ซึ่งนั่นก็เป็นนิมิตหมายที่ดีทีเดียวสำหรับการเริ่มต้น
กาลเวลาได้ฟูมฟักและแปรเปลี่ยนออฟฟิชเล็กๆของวิกรมที่มีพนักงานไม่กี่คนในตอนแรก
ให้เติบโตขึ้น ในเวลาเพียง 5
ปีโฮมออฟฟิชของเขาก็ดูหนาแน่นไปถนัดตา
มีสมาชิกมดงานอยู่เต็มอัตรา
ด้วยภาพลักษณ์บริษัทที่ดูดีและน่าเชื่อถือทำให้ลูกค้าที่มาติดต่อสั่งซื้อสินค้ามีจำนวนมากขึ้นสร้างความไว้วางใจแก่ผู้มาใช้บริการ
นอกเหนือไปจากนั้นด้วยบุคคลิกลักษณะนิสัยของวิกรม
กรมดิษฐ์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สังคมจับตามอง
ความประณีตมีดีไซน์แต่ติดดินของวัตถุดิบปรุงแต่งที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ของเขา
แสดงได้ถึงรสนิยมอันมีระดับที่เรียบง่ายและสมถะจากอดีตจนจวบมาถึงปัจจุบัน
ส่งผลให้เขาได้เป็นต้นแบบนักธุรกิจผู้มัธยัสถ์อีกหนึ่งตำแหน่งพ่วงไปครอง
สังคม
ชนชั้นผู้บริหารของประเทศเปิดประตูออกให้เขาก้าวเข้าไปศึกษา
ยุทธวิธีการค้า
ประหนึ่งคล้ายจะหลอมเขาให้เป็นส่วนหนึ่งของมันในสักวันหนึ่ง
ภาพความยิ่งใหญ่ของผู้มีความสำเร็จในองค์กรระดับชาติตรึงตราตรึงใจให้เขามิอาจลืมได้
มันสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่เด็กหนุ่ม
เป็นดั่งแรงบันดาลใจให้เขาฝันถึงองค์กรขนาดยักษ์ที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง
มั่นคงพรั่งพร้อมด้วยศักยภาพโดยมีเขาเป็นผู้ก่อสร้างเครือข่ายนั้นขึ้นมา
เขารู้สึกสนุกและท้าทายในการวางแผนเพื่อลงมือทำงาน
เพื่อรอที่จะได้พบกับชัยชนะที่รออยู่เบื้องหลังของกำแพงแห่งปัญหาที่ตั้งตระหง่านท้าทายความสามารถของเขา
ในท้องทะเลที่สงบนิ่ง ใช่เลยจะปลอดภัยอย่างที่ตาเห็น
คลื่นลูกใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆภายใต้ผิวน้ำที่ราบเรียบนั้น
เช่นเดียวกันกับปัญหาอันหนักหน่วงก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆและปรากฎออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ในช่วงที่กราฟธุรกิจส่งออกของเขากำลังพุ่งสูงขึ้นตลอดระยะเวลาเกือบ 8
ปี ข่าวร้ายมาเยือน
ความมั่นคงที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างได้เกิดรอยร้าวขึ้นเสียแล้ว
เขาได้รับรายงานว่าสินค้าปลาทูน่าในน้ำเกลือบรรจุกระป๋องที่ถูกสั่งซื้อจากแคนาดามูลค่านับแสนดอลลาสหรัฐถูกตีกลับ
เพราะลูกค้าเกิดข้อสงสัยในคุณภาพของปลาทูน่าซึ่งมีกลิ่นแปลกและไม่เป็นที่คุ้นเคยของผู้บริโภค
ซ้ำร้ายกว่านั้นการสูญเสียรายได้ในครั้งนั้น
เขาไม่สามารถหาผู้ชดใช้ค่าเสียหายได้
ทำให้ภาระรายจ่ายที่เกิดขึ้นทั้งจากเงินทุนที่ลงไป
และเงินได้ที่สูญหายจากการปฎิเสธรับสินค้าทะยานสูงขึ้นกว่าที่จะคิด
แต่ด้วยความคิดที่ไวและมีสติทำให้เขาสามารถพลิกหาโอกาสอันริบหรี่ในวิกฤตนี้ได้อยู่บ้าง
เขานำสินค้าที่ถูกตีกลับมาแต่งเติมด้วยน้ำมันพืชและบรรจุผลิตภัณฑ์ใหม่อีกครั้งเพื่อส่งไปขายในตะวันออกกลาง
ทำให้สามารถถอนทุนกลับมาได้เล็กน้อย แต่เขายังคงขาดทุนไปกว่า 8
ล้านบาททีเดียว นอกจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว
ยังมีกรณีที่สินค้าที่มีการสั่งซื้อไปแล้วพอราคาสินค้าเกิดเปลี่ยนแปลงตกต่ำลง
ก็ส่งผลให้ลูกค้ามีอาการเกี่ยงที่จะรับซื้อสินค้านั้นๆในราคาเดิมที่เคยทำสัญญาตกลงกันไว้
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงให้กับเขาเสียที
เดียว
แต่การทำธุรกิจปลาทูน่ากระป๋องนั้นกลายมาเป็นกรณีศึกษาที่วิกรม
กรมดิษฐ์ต้องจดจำไปนานทีเดียว
“เวรซ้ำ..กรรม ซัด..วิบัติเป็น..”
หลายคนคงเคยได้ยินและเข้าใจความหมายของมันดี
แต่ใครบ้างที่จะเคยเผชิญกับโชคชะตาที่เล่นตลกอย่างร้ายกาจชนิดที่ขำไม่ออกอย่างนี้บ้าง
วิกรมถือได้ว่าเป็นบุคคลคนหนึ่งที่คงจะเข้าใจและอธิบายความหมายและสาธยาย
ความรู้สึกจากวลีนี้ได้อย่างลึกซึ้งทีเดียว
เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่เคยประสพกับเคราะห์นี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ชะตากรรมที่ต้องใช้การคาดเดาที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ชะตากรรมที่มีประสบการณ์อันร้ายกาจเป็นของแถม
ชะตากรรมที่ไม่อาจลบเลือนไปจากใจได้ตลอดกาล
เมื่อภาวะวิกฤตปลาทูน่ากระป๋องที่ทำพิษให้กับภาวะการณ์การเงินของเขาเข้าขั้นสาหัสยังไม่ทันจะฟื้นตัวหรือสร่างซาไป
ปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมจากเรื่องราวใกล้ตัวที่เคยวุ่นวายครุกรุ่นอยู่ก็ถาโถมเข้ามาอีก
นั่นคือเกิดเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งอย่างใหญ่โตถึงขั้นเลือดตกยางออกภายในครอบครัว
ระหว่างคุณพ่อและวิทิตน้องชายของเขา
และเหตุการณ์นั้นก็บานปลายเมื่อคนในครอบครัวทั้งสองต่างคนต่างก็ใช้โมหะเป็นเชื้อในการห้ำหั่นกัน
จนผู้เป็นพ่อเกือบจะพรากเอาลมหายใจของลูกชายให้หลุดลอยไปในสุดท้ายของพิพาทการณ์
นายวิกรมเกือบที่จะต้องสูญเสียน้องชายคนที่ 4
ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
ปัญหาคาราคาซังต่างๆ
นานาประดังประเดเข้ามาทั้งปัญหาภายในธุรกิจติดต่อค้าขาย
ทั้งภายในครอบครัว
ล้วนแล้วแต่เป็นเช่นดังสนิมที่เกาะกินความมั่นคงของเขา
จากที่เคยมีกลายเป็นไม่มีอะไรเลย
จนแล้วเมื่อชีวิตของเขาถึงคราวติดลบอย่างหนัก
เขายังคงจมอยู่ในห้วงแห่งความคิดนึกทบทวนเหตุและผลของปัญหาที่เกิดขึ้น
พยายามหาทางออกของวิกฤตปัญหาเหล่านั้น
ทั้งตามคำแนะนำของคนรู้จักรอบตัวและจากมโนธรรมของตนเอง
กระทั่ง เมื่อได้ทบทวนอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว
สิ่งที่ตกผลึกเหลืออยู่ทำให้เขามองโลกด้วยทรรศนะที่กว้างไกลขึ้น
หลุดออกจากหลุมดำแห่งปัญหาที่มืดมิดนั้น
เขาตระหนักได้ถึงภาระหน้าที่ที่ยังมีอยู่
ทั้งในฐานะเจ้าของธุรกิจ
และเหนือสิ่งอื่นใดในฐานะพี่ชายคนโตของครอบครัวที่ได้รับหน้าที่เป็นเสมือน
หัวหน้าครอบครัวคนใหม่เมื่อคำว่าบ้านคำว่าครอบครัวถึงความแตกแยก
เขาจึงไม่สามารถจะทำใจที่จะยอมล้มลงอยู่กับที่ยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่ลงมือสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้
เขาเงยหน้าพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่จะเป็น
มองค้นหาแสงสว่างในความมืดโดยใช้แสงสว่างในใจเป็นตัวนำทาง
คนเราเมื่อล้มแล้วต้องลุก
ท้อได้แต่อย่าถอย
หากเหนื่อยนักก็พักบ้างเพื่อที่จะมีพลังที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า
เช่นเดียวกับชีวิตของวิกรม
กรมดิษฐ์ที่ยังคงต้องสู้ต่อไป
แม้ว่าต้องล้มทั้งยืนเสียหลายครา
เสียเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่เสียหลายหน
แต่ความทรหดอดทนและเพียรพยายามกลับไม่ลดน้อยลงเลย
เขายังคงฝ่าฟันสู้กับอุปสรรคหลากรูปแบบเพื่อคนอีกหลายคนที่ยังศรัทธาในตัวเขา
ปัญหาทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีทางออกเสมอ
หากแต่ทางออกที่ดีจะมีสำหรับผู้ที่มีสติและปฏิภาณ
พร้อมที่จะยืนหยัดรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ที่มา http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=23186.0
ขอบคุณ คุณบุษรา มากค่ะ
สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันค่ะ ^^