บันทึกถึงพ่อ 2 : ภาพแห่งวันวานของพ่อ


พ่อเองก็ไม่เคยเลยที่จะปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลเหล่านั้น พ่อก็จะตื่นมาและไปช่วยเขา....เพียงแค่ให้เขาสบายใจสบายกายขึ้นเท่านั้นเอง โดยไม่ได้คิดถึงตนเองสักเท่าไหร่เลย

        เรื่องราวของพ่อไม่ได้เป็นเรื่องราวที่ติดตาตรึงใจสำหรับพวกเราลูกๆ ของพ่อทั้งสี่คนเท่านั้น  หากชาวบ้านในหมู่บ้านเราต่างกล่าวขานตรงกันว่าภาพของพ่อและการปฏิบัติตนของพ่อที่เป็นมาโดยตลอดนั้นจะยังคงติดตาตรึงใจพวกเค้าไม่เสื่อมคลาย

       ในหมู่บ้าน...พ่อไม่ใช่เป็นแค่พ่อของลูกๆ อย่างพวกเราสี่คน  แต่พ่อเป็น “พ่อเนียน” ของคนเกือบทั้งหมู่บ้าน  เพราะเมื่อเวลาที่เด็กๆ คนไหนป่วย  ผู้เป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายก็จะนำเด็กเล็กๆ เหล่านั้นมาให้พ่อผูกข้อมือรับเป็นลูก  แม้ว่าไม่ป่วยก็ตามก็ยังหอบลูก หอบหลานมายกให้เป็นลูกของพ่อ พ่อฉันเลยมีลูกๆ เป็นร้อยเป็นพันคน  ฉันจึงมีพี่น้องเป็นร้อยเป็นพันคนเช่นกัน  จะยกเว้นก็แต่คนรุ่นเดียวกับพ่อที่มักเรียกขานอย่างกันเองกับพ่อด้วยภาษาถิ่นว่า “เข๋า” กับ “เร่า” ในการแทนตนเองและผู้ที่สนทนาด้วย  ส่วนคนรุ่นน้องของพ่อจะกล่าวขานเรียกพ่อว่า “พี่หลวง” บ้าง “พี่หลวงเนียน” บ้าง

           ด้วยเหตุที่ว่า”พ่อฉันเป็นหมอชาวบ้าน” นั่นเอง คนไข้ของพ่อจึงมีเยอะมาก  เพราะพ่อศึกษาเรื่องของยาสมุนไพรจากบรรพบุรุษและก็สืบทอดตำรายาที่ช่วยรักษาอาการคนไข้ให้หายจากการทุกข์ทรมานจากโรคภัยนั้นมาหลายรายแล้ว  ที่ฉันภูมิใจในพ่อที่สุดก็ตรงที่พ่อไม่เคยอวดอ้างสรรพคุณตนเอง  มีแต่คนพูดกันเองปากต่อปากถึงพ่อในทางที่ดีๆ  คนไข้ของพ่อจึงมีทั้งในหมู่บ้าน  ต่างหมู่บ้าน  ในตำบล  ต่างตำบล  และรวมถึงต่างจังหวัด  พ่อไม่เคยเรียกร้องเอาเงินค่าตอบแทนใดๆ ในการรักษา  ในการช่วยเหลือคนไข้ของพ่อ  หากคนไข้จะจ่ายเงินให้พ่อก็เฉพาะแต่ค่าตัวยาสมุนไพรที่พ่อไปหาซื้อมาจากร้านยาสมุนไพรเท่านั้นเอง  เมื่อคนไข้มาหาพ่อ..พ่อมักจะบอกให้เขาเหล่านั้นไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยมาบอกพ่อว่าเป็นอะไร  พ่อจึงจะค้นตัวยาสมุนไพรช่วยรักษาเขาให้ถูกกับโรคที่เขาเป็น  ยังเคยมีคุณหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอเชิญพ่อไปประชุมหมอพื้นบ้านของชุมชนเสมอๆ และมักจะบอกต่อว่า”ไปหาลุงเนียนนะครับ”...ทุกปีทางมหาวิทยาลัยราชภัฏ สงขลา  ก็เชิญพ่อไปร่วมทำพิธีไหว้ครูในวันไหว้ครูของเด็กๆ นักศึกษาประจำภาควิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับยาสมุนไพรและหมอชาวบ้าน  ฉะนั้นการช่วยเหลือคนในการรักษาโรคของพ่อจึงได้รับความมั่นใจจากเหล่าคนไข้ของพ่อเรื่อยมา  แต่ก็คงจะเป็นประเภทลางเนื้อชอบลางยาบ้าง  ที่บางรายก็หายเลย  หรือบางรายก็อาจจะมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะนานหน่อย  เพราะการรักษาด้วยยาสมุนไพรอาจจะต้องใช้เวลานานกว่ายาของคุณหมอในโรงพยาบาล  แต่หากเชื่อมั่นในภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมาจากคนในสมัยโบราณล่ะก็พ่อก็จะช่วยรักษาต่อไปเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้นๆ  ดังนั้นคนไข้ของพ่อจึงมีทั้งคนไทยพุทธและไทยมุสลิม  นั่นเท่ากับว่าพ่อช่วยเหลือคนไข้ของพ่อโดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนาเช่นเดียวกับคุณหมอที่โรงพยาบาล (และคนไข้ไทยมุสลิมที่มักจะมาหาพ่อก็มักจะเรียกพ่อว่า “เว๊าะ” ที่แปลว่า “ลุง”....จึงไม่มีใครแปลกใจเลย..เมื่อวันที่พ่อเสียกลับมีคนมุสลิมมายืนร้องไห้ที่ศาลาหน้าบ้านและพร่ำพูดว่า...แล้วต่อแต่นี้ไปไม่มีเว๊าะแล้วใครจะรักษาป๊ะของเขาที่มีอาการดีขึ้นๆ ตามลำดับ..)  อานิสงส์ในการช่วยเหลือคนของพ่อส่งมาถึงพวกเรา...ลูกแท้ๆ ของพ่อเสมอๆ  เช่น คนไข้ของพ่อจาก จ.สตูล มักจะเอาหอยตัวใหญ่ๆ มาให้พ่อเสมอเมื่อมาหาพ่อ  นอกจากนี้ยังมีใครต่อใครที่เป็นคนไข้ของพ่อที่ไม่ใช่ญาติก็ล้วนแต่ส่งต่อไมตรีจิตและความช่วยเหลือเกื้อกูลมาถึงพวกเราอย่างให้เกียรตินั้นแก่พวกเราลูกๆ ของพ่อไปด้วย

        ภาพกิจกรรมของพ่อยังมีอีกมากมาย  ไม่ว่าจะใครต่อใครในหมู่บ้านจะทำการอันใดก็จะมาหาพ่อทั้งแต่งงานก็จะมาหาพ่อเพื่อให้ดูฤกษ์ดีของทั้งบ่าว-สาว  รวมไปถึงการไป “ตั้งการ” (เป็นการทำพิธีเพื่อให้งานแต่งของคู่บ่าว-สาวนั้นผ่านไปได้ด้วยดีโดยไม่มีเหตุการณ์หรืออุปสรรคใดๆ ในระหว่างวันงาน) ในวันก่อนงานแต่งนั้น ส่วนใครจะบวชหรือออกรถ(ถอยป้ายแดงทั้งรถยนต์และจักรยานยนตร์) ก็จะมาหาพ่อเพื่อดูวันดีๆ และทิศทางในการออกรถนั้น  เสร็จแล้วก็ต่อด้วยการเจิมรถเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่รถและเจ้าของรถ  บ้างก็มาขอให้พ่อช่วยไปทำพิธีไหว้เจ้าที่เจ้าทางให้  หากญาติใครป่วยหนักอยู่ก็มักจะมาตามพ่อไปช่วยดูอาการให้หน่อย  พ่อก็จะขับรถจักรยานยนตร์คันเก่งสีน้ำเงินที่เสียงคุ้นหูของชาวบ้านไปแวะเยี่ยมเยียนคนป่วยนั้นเป็นกรณีพิเศษ  หากเค้าใกล้จะถึงวาระสุดท้ายก่อนจากไป ญาติๆ เค้าก็จะมาหาพ่อให้พ่อช่วยไปดู ไปอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนคนที่เหลือว่าจะทำการอันใดต่อไป  จนแล้วเสร็จพิธีฌาปนกิจศพ  

         ดังนั้นเกือบทุกครอบครัวจะต้องมีธุระปะปังมาหาพ่อฉันเสมอๆ และพ่อเองก็ไม่เคยเลยที่จะปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลเหล่านั้น  ตั้งแต่เด็กๆ เท่าที่จำความได้  พ่อก็ออกช่วยเหลือคนตลอด  บ้านไหนใครไม่สบายก็จะมาตามพ่อไปช่วยดูให้  ไม่ว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดไหนพ่อก็ยังไปช่วยเขา  ขนาดนอนหลับกันไปแล้วทั้งบ้าน...เมื่อมีชาวบ้านมาเคาะประตูร้องเรียกหาพ่อ  พ่อก็จะตื่นมาและไปช่วยเขา....เพียงแค่ให้เขาสบายใจสบายกายขึ้นเท่านั้นเอง  โดยไม่ได้คิดถึงตนเองสักเท่าไหร่เลยว่า...ในเวลานั้นเป็นเวลาที่พ่อต้องพักผ่อนนะ  และพ่อก็จะเล่าเรื่องราวที่พ่อไปช่วยเหลือคนให้พวกเราฟังเสมอๆ  บางครั้งพ่อบอกว่าพ่อไปเพียงแค่รับฟังเขาให้เขาได้ปรึกษาปัญหาต่างๆ เขาได้รับความสบายใจขึ้นก็เพียงพอแล้ว  สบายใจแล้ว  คนสมัยก่อนไม่ค่อยไปโรงพยาบาลกัน  เค้าเลยมาหาพ่อ  มาปรึกษาพ่อ  แต่พ่อก็มักจะมีคำแนะนำที่ดีๆ ให้เขาเสมอ  ด้วยหลักจิตวิทยาที่พ่อไม่เคยไปร่ำเรียนมาจากไหน  แต่สิ่งที่พวกเราเห็นนั่นคือพ่อใช้หลักจิตวิทยาในการพูดจาและพูดคุยกับเขาเหล่านั้น  ใครๆ จึงมักจะพูดถึงพ่อว่า...พ่อไม่เคยพูดไม่ดีกับใครเลยสักครั้ง....ด้วยลักษณะที่พ่อเป็นคนสุภาพ  พูดจาไพเราะ  และมักเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษาแก่ชาวบ้านเสมอๆ

         เมื่อในหมู่บ้านมีงานใดๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวัด  หรืองานของชาวบ้านทั้งใหญ่หรือเล็กก็มักจะมาหาพ่อให้พ่อไปเป็นที่ปรึกษาแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็จะขันอาสาเป็นแรงเอง   อย่างเมื่อครั้งที่สิ้นเจ้าอาวาสรูปก่อน (ท่านอาจารย์เยื้อน...พระนักพัฒนาผู้เก่งกาจรูปหนึ่งที่เดียว  ที่เป็นทั้งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะอำเภอในขณะนั้น) พ่อจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการออกเดินหาทุน,เรี่ยไรทุนจากชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านและในตำบลเพื่อสมทบทุนร่วมกันจัดงานพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์อย่างสมเกียรติที่ท่านมาพัฒนาวัดให้กับหมู่บ้านและตำบลเรา  ใครต่อใครก็ร่วมกันสมทบทุนมาด้วยเต็มใจกันบริจาคด้วยเชื่อมั่นในความดี และความซื่อสัตย์ ใจซื่อมือสะอาด น่าเคารพของพ่อนั่นเอง (ดังที่...ท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้กล่าวไว้ในการเทศนาธรรมในวันฌาปนกิจศพของพ่อนั่นเอง) ฉันจำได้ว่าตอนนั้น....พ่อออกเดินทางทุกวัน  เมื่อกลับมาถึงบ้านพ่อก็จะวานให้พวกเราช่วยรวมยอดเงินที่ท่านเรี่ยไรมาได้  จนกระทั่งว่าตัวเลขรวมของยอดเงินเป็นเงินถึงสี่แสนกว่าๆ  ท่านจึงเข้าไปแจ้งแก่เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันว่าให้จัดงานพระราชทานเพลิงศพท่านเจ้าอาวาสได้เลย  เราทั้งหมู่บ้านจึงได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือสำหรับงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าอาวาสรูปก่อนนั้นด้วยกันอย่างสามัคคี  โดยมีพ่อเป็นที่ปรึกษา...คอยช่วยร่วมแก้ปัญหาให้แก่ทุกงาน...งานจึงสำเร็จลงได้อย่างสมเกียรติที่ท่านได้มาพัฒนาวัดในหมู่บ้านและในตำบลของเรา

           โดยปกติพ่อไม่ค่อยจะป่วย  ดังนั้นเมื่อพ่อป่วยขึ้นมาครั้งใดจึงเป็นเรื่องใหญ่ของคนในหมู่บ้านฉันไปโดยปริยาย  เช่นครั้งหนึ่งเมื่อพ่อล้มรถจักรยานยนต์จากการกลับมาจากไปช่วยเหลือชาวบ้าน  พวกเรานำพ่อไปโรงพยาบาลชาวบ้านก็แห่กันไปเยี่ยมคนป่วยจนเกือบไม่ได้พักที่โรงพยาบาล (แต่ฉันก็แอบเห็นแววตาแห่งความสบายใจของท่าน...แม้ท่านอาจจะไม่ได้พักผ่อนมากเท่าที่คนป่วยแก่ๆ คนนึงควรจะได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาที่ป่วยก็ตาม) และเมื่อกลับมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านสวน  จำได้ว่าชาวบ้านตามมาเยี่ยมพ่อกันอย่างหนาแน่นอีกเช่นเคย  มีรถยนต์จอดกันยาวขนานแนวถนนลูกรังทางไปบ้านสวน  จนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วหมู่บ้าน  และอีกครั้งเมื่อพ่อมีอาการหอบจากการที่ไม่ได้พักผ่อนเลย  เพราะไปเป็นหมอชาวบ้านจัดการงานศพให้เขาถึง 2 ศพซ้อน  วันสุดท้ายคือวันฌาปนกิจศพที่สองในช่วงนั้น  ฉันเองต้องถอยรถยนตร์ไปรับพ่อ  เมื่อพ่อเดินลงมาจากเมรุที่วัดด้วยอาการหอบ  เหนื่อย  อ่อนเพลีย  เมื่อพวกเราพาพ่อไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ในเวลาสี่โมงเย็นกว่าๆ  ของวันนั้น  และคุณหมอก็ขอให้พ่อเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล  ก็ไม่วายที่ท่านจะห่วงงานที่ท่านทำยังไม่เสร็จ  ถึงกับต้องให้พี่สาวคนโตโทรศัพท์มาช่วยเคลียร์งานให้คนอื่นในหมู่บ้านทำแทน  ท่านจึงยอมเข้าพักรักษาตนเองในโรงพยาบาลนั้นในที่สุด  ก็เป็นเช่นเดิมทุกครั้ง หากพ่อป่วย...ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างก็บอกต่อๆ กันไป  และพากันมาเยี่ยมพ่อ  จนพ่อต้องขอย้ายกลับบ้าน  ครั้งนั้นคุณหมอไม่ยอมให้พ่อกลับบ้าน...บอกพ่อว่า...หมอยอมได้แค่...ให้ลุงกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน  จึงมีบันทึกแห่งการสัมผัสโรงพยาบาลดีใกล้บ้านที่ฉันเคยบันทึกไว้ใน  อีกสัมผัสหนึ่งกับ..โรงพยาบาลเทพา..โรงพยาบาลดีใกล้บ้าน นั่นเอง 

และนี่คือ....อีกบางมุมในชีวิตของพ่อฉันเอง...ที่เป็นพ่อของคนอื่นๆ อีกหลายร้อยคนด้วยเช่นกัน

 

คำสำคัญ (Tags): #บันทึกถึงพ่อ
หมายเลขบันทึก: 350063เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2010 20:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีคะครูแอน

ร่วมระลึกถึงพ่อด้วยคะ พ่อครูแอนเป็นคนดีและชาวบ้านรักมาก ๆ สายตาท่านมีเมตตามากนะคะ

สวัสดีค่ะ

  • ด้วยความรำลึกถึงคุณพ่อค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้น้องแอนและครอบครัวค่ะ
  • ด้วยรักและคิดถึงเสมอนะคะ

Pสวัสดีค่ะพี่ประกาย

พ่อแอนเป็นพ่อของภรรยาพี่พิชัยด้วยค่ะพี่  เธอเป็นลูกอีกคนของพ่อค่ะพี่

วันงานศพของพ่อ  พี่พิชัยกับครอบครัวก็อยู่โยงเช่นกันค่ะ

ขอบคุณนะคะพี่สาว

Pสวัสดีค่ะพี่คิม

ขอบคุณอีกครั้งค่ะพี่สำหรับกำลังใจที่ส่งมาให้น้องเข้มแข็งขึ้น

น้องอยากบันทึกเรื่องราวในชีวิตของพ่อไว้เพื่อเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเช่นที่พ่อทำมาตลอดชีวิตของพ่อน่ะค่ะพี่

อีกประเด็นนึง...เพื่อเตือนตนเองให้คิดดี ทำดีเหมือนที่พ่อเคยทำน่ะค่ะ

ขอบคุณพี่อีกครั้งนะคะ....พี่สาวคนไกล

ขอบคุณครูแอนมากที่ทำให้พี่ได้คุยกับเพื่อนเก่า

พี่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยงานพ่อครูแอน ปลายพฤษภาคม

พี่จะไปร่วมงาน gotoknow forum คงได้มีโอกาสร่วมทำบุญด้วยนะคะ

อยากแวะไปหาพี่พิชัย ด้วยคะ ยังไม่ได้โทรหาเลยคะ

ขอชื่นชมคุณพ่อครูแอนด้วยคนค่ะ :-))

Pพี่ประกายคะ

พี่ขา...อย่ากังวลกับเรื่องการไม่ได้มาช่วยงานนะคะพี่ 

         อย่ากังวลกับการร่วมทำบุญนะคะ

แค่พี่ประกายเป็นห่วงและส่งกำลังใจที่เข้มแข็งหยิบยื่นมาให้....น้องสาวคนนี้ก็รับสัมผัสแห่งความรักและเมตตาจิตที่พี่มีให้น้องอย่างอบอุ่นได้แล้วล่ะค่ะพี่

ขอบคุณนะคะพี่ประกาย

Pสวัสดีค่ะคุณอังสินี

ขอบคุณมากนะคะ.....พ่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกๆ อย่างเราๆ ทุกคนค่ะ

คุณพ่อคุณแม่ของคุณอังสินียังอยู่กับคุณนะคะ...คุณเป็นคนโชคดีมากค่ะ

ดูแลปรนนิบัติท่านเหล่านั้นดีๆ นะคะ....เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอบคุณนะคะ

พ่อเป็นพ่อพระของลูกแล้ว พ่อยังเป็นพ่อพระของลูก(บ้าน)อีกหลาย ๆ คน

ภารกิจที่พ่อทำก็เพื่อบรรเทา ปัดเป่า เยียวยา ให้พวกเราได้อยู่ดี อยู่สุขสบาย

สิ่งที่พ่อทำเป็นกุศล และส่งผลถึงลูกหลานที่มีจิตใจงดงามเพื่อสืบสานต่อความดีงามของพ่อ

พ่อคือ "พระ" ที่อยู่ในใจเราตลอดไปค่ะ

Pสวัสดีค่ะพี่อึ่งอ๊อบ

ขอบคุณค่ะพี่...สิ่งที่พ่อทำและปฏิบัติมานั้นส่งผลอันดีงามมาให้พวกเราจริงๆ ด้วยค่ะ

คนทั้งหมู่บ้านจึงช่วยเหลือในงานของพ่ออย่างเต็มแรง  ช่วยพวกเราได้เยอะเลยล่ะค่ะ

ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ...ดูแลสุขภาพด้วยนะคะพี่สาว

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท