อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งติงว่าฉันพิมพ์ผิดนะคะ ข้อความข้างต้นนั้นถูกต้องแล้ว ค่ะฉันเขียนเรื่อง รักไม่ยอมเปลี่ยน “แปรง (สีฟัน)”
คุณๆ เคยอยากรู้เกี่ยวกับแปรงสีฟันบ้างไหมคะ
ถ้าอยากรู้ ขยับมาใกล้ๆ เอียงหูมา ฉันจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของแปรงสีฟันเริ่มจากในคุก เมื่อประมาณ ค.ศ.1770 หนุ่มชาวอังกฤษชื่อ วิลเลียม แอดดิส ( William Addis ) ประสบกับความผันผวนในชีวิตจน ต้องระเห็จระหนไปอยู่ในคุกชั่วคราว จากการนั่งๆ นอน ๆ ระหว่างถูกจองจำทำให้เขามีเวลาเหลือเฟือที่จะวางแผนถึงสิ่งที่เขาจะกระทำเมื่อพ้นโทษแล้ว
ในสมัยนั้นการแปรงฟันทำได้โดยใช้เศษผ้าถู ... ถู ... ถู จนปากและฟันจนสะอาด เช้าวันหนึ่งขณะที่แอดดิสกำลังขัดฟันอย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา แอดดิสเก็บกระดูกชิ้นหนึ่งซึ่งเหลือจากอาหารเย็นของเขามาเจาะรูเล็ก ๆ เรียงเป็นแนวที่ปลายด้านหนึ่ง แล้วไปออดอ้อนของขนแปรงจากผู้คุมมาได้จำนวนหนึ่ง เขานำมันมาตัดให้สั้นพอ เหมาะแล้วยัดลงไปในรู ตรึงให้อยู่กับที่ด้วยกาว และแล้วแปรงสีฟันอันแรกของโลกก็ได้ถูกกำเนิดขึ้น เมื่อออกจากคุก แอดดิสเริ่มธุรกิจผลิตแปรงสีฟันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีคนให้ความสนใจต่อ ผลิตภัณฑ์ของเขาอย่างล้นหลามเรื่อยมา จนมาถึงทุกวันนี้ไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จักแปรงสีฟัน แต่จะมีสักกี่คนกันล่ะที่รู้ว่าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้มีต้นกำเนิดมาจากในคุก
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-6/no10/theme_7.html
แปรงสีฟัน เป็นอุปกรณ์ทำใช้ความทำความสะอาดฟัน ลักษณะเป็นด้ามให้จับและปลายข้างหนึ่งมีขนแปรง เพื่อใช้คู่กับ ยาสีฟัน เพื่อ ขัดถูฟัน
ที่มา : http://th.wikipedia.org/
แปรงสีฟัน คืออุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ใช้สำหรับทำความสะอาดฟัน โดยปกติแล้วมักจะเป็นแท่งพลาสติกมีความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ปลายหนึ่งเป็นด้ามจับ อีกปลายหนึ่งเป็นขนแปรง
วิธีใช้แปรงสีฟัน คือ ให้บีบยาสีฟันใส่ด้านบนของขนแปรง (ถ้าไม่มียาสีฟันล่ะก็... ถ้าคุณอยากจะรู้สึกสดชื่น เย็นปากให้ลองๆ ใช้เคาเตอร์เพนดูก็ได้) แล้วถูขนแปรงไปมาตรงบริเวณในช่องปากเพื่อทำความสะอาดฟันก็เป็นอันเสร็จ ส่วนยาสีฟันที่เหลืออยู่ในช่องปากนั้นคุณจะบ้วนทิ้ง หรือจะกลืนลงท้อง (แบบที่มนุษย์อวกาศเค้าทำกัน) หรือจะเอาไปล้างหน้าก็แล้วแต่คุณ แล้วก็ อย่าใช้แปรงสีฟันผิดวัตถุประสงค์เด็ดขาด เช่น เอาไปถูพื้น
ที่มา : ไร้สาระนุกรม http://th.uncyclopedia.info/
เดลิเมล์- ผู้เชี่ยวชาญเตือนแทนที่จะช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง แต่แปรงสีฟันอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้มากกว่าที่คิด
ในหนังสือเล่มใหม่ ‘เหตุใดแปรงสีฟันจึงอาจฆ่าคุณได้?' เจมส์ ซอง นักเคมีจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐฯ ระบุว่าแปรงสีฟันที่ใช้งานนานเกินไป ถือเป็นหนึ่งในวัตถุอันตรายในครัวเรือน และว่าปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขข้อ และการติดเชื้อเรื้อรัง อาจเกี่ยวพันกับแปรงสีฟันที่ไม่ถูกสุขอนามัย
ตามทฤษฎีของซองนั้น ดูเหมือนแบคทีเรียจำนวนมากจะซุกซ่อนอยู่ในแปรงสีฟัน และแบคทีเรียเหล่านี้เดินทางเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้โดยตรงผ่านรอยแผลเล็กๆ ที่เหงือก แบคทีเรียเหล่านี้บางส่วนเกี่ยวข้องกับการอุดตันของเส้นเลือด
แนวคิดนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ผลการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ พบว่าแปรงสีฟันทั่วๆ ไปเป็นแหล่งอาศัยของเชื้อโรคประมาณ 10 ล้านตัว ซึ่งรวมถึงแบคทีเรียอันตรายอย่าง staphylococci, streptococcus, E. coli และ candida
ขณะเดียวกัน สมาคมทันตกรรมแห่งอังกฤษ (บีดีเอ) สำทับว่าอันตรายยิ่งร้ายแรงขึ้นหากมีการใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น
ดร. ทาเร็ก ไอดริส ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมตกแต่งจากฮาร์เลย์ สตรีท ขานรับว่ามีการตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ, บี และซีในแปรงสีฟัน และสปอร์ของไวรัสตับอักเสบบีสามารถอยู่รอดได้นานหลายเดือน นอกจากนั้น แปรงสีฟันเปียกชื้นยังเป็นแหล่งกบดานสมบูรณ์แบบของแบคทีเรียร้ายหลายชนิด
“เกือบจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากที่แปรงสีฟันถือเป็นวัตถุอันตรายในบ้าน เราไม่ควรทิ้งแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำแล้วใช้แล้วใช้อีกโดยไม่ล้างให้สะอาดเสียก่อน” ไอดริสเสริม
นอกจากนั้น หลายคนยังทิ้งแปรงสีฟันไว้ในแก้วเดียวกับคนอื่น ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคติดต่อถึงกันหากแปรงสีฟันสัมผัสกัน
ความเสี่ยงที่แบคทีเรียในช่องปากจะเข้าสู่กระแสเลือดถูกตอกย้ำจากงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเชื้อแบคทีเรีย porphy-romonas gingivalis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปริทันต์ ปรากฏอยู่ในเส้นเลือดที่อุดตันรุนแรง
การศึกษาของศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ ระบุว่าแบคทีเรียในช่องปากของอาสาสมัครที่เป็นโรคหัวใจ ไปปรากฏอยู่ในหลอดเลือดหัวใจเช่นเดียวกัน แบคทีเรียนี้ยังเกี่ยวข้องกับการคลอดก่อนกำหนด และการที่ทารกมีน้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำ
ไอดริสเสริมว่า การสะสมของแบคทีเรียร้ายในระบบเลือด อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเขาเชื่อว่า ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า เราอาจต้องฆ่าเชื้อแปรงสีฟันกันเป็นประจำ หรือใช้แปรงสีฟันแบบใช้แล้วทิ้ง
ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือน ไม่ควรใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น ขอคำแนะนำเรื่องการแปรงฟันจากทันตแพทย์ งดใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง เนื่องจากจะทำให้เหงือกเป็นแผล และกลายเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด และหาปลอกใส่แปรงสีฟันหากต้องเก็บไว้ในห้องน้ำ เป็นต้น
ที่มา : http://women.thaiza.com/detail_1588.html
เห็นไหมล่ะคะ ถ้าคุณๆ ยังคงขี้เหนียว ไม่ยอมเปลี่ยน “แปรงสีฟัน” อยู่แล้วละก็ ผลที่จะตามมามันมากมาย ลองหาเวลาหันมาใส่ใจเรื่องใกล้ตัวกันบ้างนะคะ
ด้วยความปรารถนาดี
สวัสดีค่ะ
ต้องไปสำรวจแปรงสีฟันแล้วค่ะ
อายุแปรงของเราและคนที่เรารัก
อายุเกิน 3 เดือน แล้วยัง ต้องร้องเพลง
เพราะรักคุณ ฉัน..จึงยอมเปลี่ยนแปรง 555555
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
ใช้คราวละหลายอัน
ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนแปรง
อิอิ
อืมแปรงสีฟันนี่สำคัญจริงๆด้วย และต้องระวังอย่าเผลอกลืนแปรงสีฟันเชียวนะ
ขอให้โชคดีในการสอบความรู้พื้นฐานนะคะ
การเก็บรักษาแปรงสีฟัน
หลังแปรงฟันควรล้างน้ำให้หมดคราบเศษอาหาร+ฟองยาสีฟัน สะบัดน้ำออกจากขนแปรง วางให้หัวแปรงตั้งขึ้นในที่อากาศถ่ายเท เพื่อให้ขนแปรงแห้ง การเก็บในที่อับชื้น เชื้อจุลินทรีย์จะเติบโตได้ดี
กล่องเก็บแปรงสีฟัน ควรใช้เวลาเดินทาง หรือเพื่อพกพา เท่านั้น
เอาเมฆสวยๆมาให้ชื่นชมแล้วนะคะ
หมวกเมฆสีรุ้ง จะได้เห็นว่าทำไมจึงตื่นเต้นนัก