วันนี้ได้มีโอกาสคุยทาง msn กับพี่ชายคนหนึ่ง คือ "อาทิตย์ วงศ์อทิติกุล" ปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาโท จากคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้พี่เขาก็กำลังทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับคนไร้รัฐไร้สัญชาติอยู่เหมือนกัน
ประเด็นที่พี่เขาหยิบขึ้นมาถาม คือ การขอหนังสือรับรองการเกิดที่อำเภอต้องทำอย่างไรบ้าง?? เนื่องจากพี่เขามี case นึงที่เกิดโดยหมอตำแย ต้องพาไปขอหนังสือรับรองการเกิดที่อำเภอไว้ก่อน แต่ไม่แน่ใจว่าต้องใช้พยานหลักฐานอะไรบ้าง..
โดยหลักแล้ว..
หากเด็กเกิดที่โรงพยาบาล เด็กก็จะได้รับ ทร.1/1 เป็นหนังสือรับรองการเกิดที่ออกโดยโรงพยาบาล
แต่หากเด็กไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาล ก็ต้องไปขอหนังสือรับรองการเกิดที่อำเภอที่เด็กเกิด พยานบุคคลที่ใช้ได้แก่
1. พยานที่รู้เห็นการเกิด ซึ่งอาจจะเป็น "หมอตำแย" ที่เป็นคนทำคลอดและรู้เห็นการเกิดของเด็ก
2. พยานอื่นอีก 2 คน ซึ่งในทางปฏิบัติทางอำเภอจะเรียกร้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเป็นคนรับรองการเกิดของเด็ก
ส่วนพ่อแม่ของเด็กจะเป็นแค่ผู้มีส่วนได้เสียในการนี้เท่านั้น
เมื่อพากันไปที่อำเภอแล้ว ทางอำเภอก็จะสอบปากคำหมอตำแย และพยานคนอื่นๆ หากเป็นที่เรียบร้อยทางอำเภอก็จะออกหนังสือรับรองการเกิดให้
"ยังไงก็ตาม..ต้องขอบคุณพี่ชายคนนี้ ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาถาม ทำให้เราได้มีโอกาสทบทวนความคิด ค้นคว้าหาความจริงมาตอบให้ และก็ทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่เรารู้นั้นถูกหรือผิดอย่างไร!?!"
ปล. คำตอบที่ได้รวบรวมมาจากอาจารย์แหววค่ะ!!
เด็กที่ไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลก็สามารถออกหนังสือรับรองการเกิด (ทร.1/1) ได้ครับ เพราะเรา (หมอนามัย) ก็สามารถออกได้ หากเป็นผู้ทำคลอดเองจริง ๆ แม้จะเป็นการคลอดนอกสถานบริการ (สถานีอนามัย)
เมื่อคราวผมอยู่ที่สถานีอนามัย และเป็น จนท.ที่อยู่บ้านพักในตอนกลางคืนคนเดียว ผมไปทำคลอดที่บ้านร่วมกับหมอตำแย (โต๊ะบิแด) แต่ไปในนามสถานีอนามัยที่ผมประจำการอยู่ หลายต่อหลายครั้งจนเป็นเรื่องปกติ หากเขาไปตามหมอตำแย หมอตำแยก็จะให้ใครมาตามผมไปสมทบ หากเขามาตามผม ผมก็จะไปชวนหมอตำแยด้วย เราร่วมกันช่วยทำคลอดโดยใช้ศาสตร์และฐานเชื่อด้วยความเคารพกันและกัน ทุกรายผมเป็นคนออก ทร.1/1 เองครับ และก็ไม่มีปัญหาใด ๆ ในการไปแจ้งเกิดที่อำเภอครับ
ยินดีที่ได้ ลปรร.กันนะครับ ส่วนคุณ"อาทิตย์ วงศ์อทิติกุล" เป็นเพื่อนที่เรียนหมออนามัยรุ่นเดียวกันกับผมที่ วสส.ยะลา ครับ ฝากความระลึกถึง และขอฝากบอกด้วยว่า ให้สำเร็จการศึกษาสมตามที่มุ่งหวังนะครับ
พรุ่งนี้ อ.แหววจะอธิบายให้เตือนฟังนะคะ แล้วเอามาเขียนใหม่ ยังมีรายละเอียดอีกพอสมควรที่จะต้องตอบให้อาทิตย์ทราบนะคะ
เสริมคุณชายขอบ กรณีของการทำคลอดของหมอตำแย ที่ทำงานร่วมกับอนามัย ก็เป็นที่มาของ ท.ร.๑/๑ ได้ค่ะ
แต่ที่จะต้องให้เตือนแยกแยะให้ชัดสำหรับคุณอาทิตย์ ก็คือ (๑) ขั้นตอนการรับรองการเกิด ซึ่งทำโดยผู้ทำคลอด (๒) ขั้นตอนการรับแจ้งการเกิดและออกสูติบัตร โดย อำเภอหรือเทศบาลหรือเขต แล้วแต่กรณี (๓) ขั้นตอนการเพิ่มชื่อหรือลงรายการในทะเบียนราษฎรโดย อำเภอหรือเทศบาลหรือเขต แล้วแต่กรณี
เรียน อาจารย์แหวว
คงต้องเรียกว่าการออกหนังสือรับรอง ทร.1/1 ให้ความสำคัญที่ใครเป็นผู้ทำคลอดหลัก (รับผิดชอบ) และคนนั้นมีสิทธิ์ที่จะออก ทร.1/1 ได้หรือไม่ (หมออนามัยที่ปฏิบัติงานประจำ ณ สถานบริการ มีสิทธิฯ ทุกคน ภายใต้การมอบอำนาจให้จาก นพ.สสจ.) ส่วนจะเป็นคลอดที่ไหนไม่สำคัญครับ
อันที่ต้องระวัง ก็คือ "สิทธิ" ที่ว่านั้น มีกฎหมายรองรับไหม ?
ดิฉันเอง ก็อยากให้ สสจ.มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ตอนนี้ เปิดกฎหมายดู ก็ไม่พบ เมื่อ สสจ.ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย คนที่รับมอบอำนาจจาก สสจ. จึงมีอำนาจไม่ได้
ดิฉันสู้เรื่อง "การแจ้งเกิด" มาหลายปี หัวเสียมาก กับการที่เด็กตกเป็นคนไร้รัฐเอาง่ายๆ ด้วย ความไม่ชัดเจนของกฎหมายในเรื่องนี้
ตอนนี้ กำลังผลักดันให้กระทรวงมหาดไทยแก้กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรให้ชัดเจนเสียที เหนื่อยต่อการที่จะต้องไปโต้แย้งกับอำเภอบ้าง เทศบาลบ้าง เขตบ้าง
ความเอื้ออาทรต่อเด็กนั้น มันไม่เกิดทั่วไปค่ะ
งานของเราลงใต้ตอนนี้ เคยคิดว่า ใต้ไม่มีปัญหา แต่เราเข้าใจผิด มีปัญหาเยอะเหมือนกัน
ลองอ่านดูแล้วกันค่ะ
http://www.archanwell.net/autopage/admin/p_autopage.php?t=66
ต้องการความช่วยเหลือค่ะ พวกนักกฎหมายก็เหมือนหมอ ถ้าไม่ทราบปัญหาในเชิงข้อเท็จจริงแบบชัดๆ การสร้างหรือแก้กฎหมายและนโยบายให้มีประสิทธิภาพ ก็ยากค่ะ
หนังสือรับรองการเกิดนั้นสำคัญมากค่ะ ผู้รับรองต้องรู้เห็นการเกิด ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐาน ถ้าหมออนามัยมาออก ท.ร.๑/๑ โดยไม่รู้เห็นการเกิดจริงๆ กล่าวคือมาออกแทนคนอีกคนหนึ่ง (หมอตำแย) เวลาขึ้นศาล น้ำหนักก็จะน้อยมาก
เน้นย้ำด้วยความชัดเจนครับ...หมออนามัยมีสิทธิภายใต้บริบทที่ผมเขียนถึง 100% ครับ รวมไปถึงการประกอบวิชาชีพทุกอย่างตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ ให้เป็นไปภายใต้การคบคุม กำกับ ของ นพ.สสจ.จังหวัดนั้น ๆ ด้วย
ส่วนการออก ทร.1/1 โดยไม่มีการรู้เห็นการเกิดนั้น จะกระทำมิได้ ประเด็นที่ผมเขียนไว้ ไม่มีส่วนนี้ ผมสื่อสารอย่างชัดเจนว่าผม(หมออนามัย)ร่วมทำคลอดด้วย และเป็นผู้รับผิดชอบหลัก
ผมก็สนใจเรื่องประเด็นนี้ ยังมีคนพิการอีกหลายท่านในเครือข่ายฯ ที่พัทลุง ไม่มีเลข 13 หลัก เพราะไม่มีการแจ้งเกิดให้ถูกต้อง (จริง ๆ เพราะรัฐไปยกเว้นให้เขาตั้งแต่ต้น ภายหลังกลับนำการมีเลข 13 หลัก มาบังคับใช้อย่างถ้วนหน้า) ยังผลให้การเข้าถึงสิทธิใด ๆ เป็นปัญหา และแก้ยากมาก
ฉะนั้นผมพิจารณาแล้วว่าหากปัญหา(รากเหง้าของปัญหา)ที่ท่านสนใจ (เชิงวิชาการ) กับปัญหาในบริบทจริง ๆ ยังแยกส่วนกัน ผมก็หวังยากขึ้นในฐานะผู้รอคอยที่จะได้รับการบรรเทาปัญหา ซึ่งถือว่าต้องแก้ไขเชิงนโยบายเท่านั้น ครับผม เอวัง!
เรื่องทะเบียนการเกิดสำหรับเด็กภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรากำลังคุยกันนี่ล่ะค่ะ
กฎหมายไทยที่ใช้อยู่ มีหลายจุดที่ทำให้เด็กในบางสถานการณ์ไม่ได้รับการจดทะเบียนการเกิด โดยเฉพาะบุคคลของพ่อแม่ที่ไม่มีบัตร แม้ได้ ทร.๑/๑ จากโรงพยาบาล ก็ไม่อาจนำเด็กไปสู่ "สูติบัตรได้"
ยังมีทางปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายในความเป็นจริงหลายจุด ถ้ากฎหมายไม่ดี ก็ต้องแก้ไขกฎหมาย ถ้าทางปฏิบัติไม่ดี ก็ต้องแก้ไขที่ทางปฏิบัติ
ดิฉันคงต้องเรียนคุณชายขอบว่า หากที่คุณว่า ตอนท้ายๆ หมายความว่า เราไม่สนใจแก้ปัญหาของเด็กนะคะ เราก็คงเสียใจค่ะที่ถูกตัดสินเช่นนั้น อย่าตัดสินกันง่ายๆ เลยค่ะ ลองพยายามเรียนรู้กันก่อน น่าจะดีกว่าว่า พวกเรากำลังพยายามทำเพื่อใคร ? และเพื่ออะไร ?
สวัสดีค่ะ"คือตอนนี้หนูอายุ17แล้วยังไม่ได้สัญชาติไทยกำลังยื่นคำร้องค่ะเอกสารครบหมดแล้วยกเว้นแต่ใบเกิดค่ะ
หนูยังไม่มีใบเกิดหนูไม่ได้เกิดในโรงพยาบาลหนูเกิดกับหมอตำแยค่ะ
หนูต้องไปแจ้งเกิดที่ไหนค๊ะ?
แล้วหนูต้องนำหลักฐานอะไรไปแจ้งค๊ะ?
หนูต้องเอาหมอตำแยคนที่ทำคลอดไปแจ้งเกิดไช่ไหมค๊ะ
หนูเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องนี้ หนูเกิดกับหมอตำแย พอเกิดเสร็จ พ่อแม่ ก็พาเข้ามาพัทยาหางานทำ และไม่เคยกลับบ้านเกิดอีก แต่รุ้ว่าอยู่ที่ไหน รู้ว่า หมอตำแย คือใคร เลย พอ อายุได้ 7-8 ขวบ พ่อเสีย แม่หายตัวไป หนู่อยู่คนเดียวคือเรื่องยาวมากอ่ะค่ะ ตอนนี้ ที่มีอยู่ที่ตัว คือ บัตรเลข0นำหน้า
เอกสารการเรียน เท่านี้ ขอทำเรื่องมามากกว่า 10ปี จนตอนนี้ ท้อมาก
คิดว่า ถ้าทำอะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่แบบคนที่ทำอะไรไม่ได้ แบบนี้หรอค่ะ??
ขอความเห็นใจค่ะ