วิวัฒนาการกับ "การนอน..."


 

หลาย ๆ ครั้งที่ผมรู้สึกเหนื่อย ป่วย หรือไม่สบาย หลาย ๆ ครั้งนั้นผมจะนอนถึง “นอนมาก” เมื่อนอนมากก็ยิ่งป่วย มึนหัว ปวดหัว โดยเฉพาะ “ปวดต้นคอ”

หลาย ๆ ครั้งนั้นก็มีคน โดยเฉพาะนักธุรกิจบอกว่า “หมอน” และ “ที่นอน” ไม่มีคุณภาพ
หลาย ๆ ครั้งนั้นก็มีคน โดยเฉพาะหมอบอกว่า “ท่านอน” ไม่ถูกต้อง

นักธุรกิจจึงคิดค้น “หมอน” และ “ที่นอน” เพื่อมาให้คนนั้นนอนได้อย่างสบาย
และหมอหรือบุคลากรทางการแพทย์ก็ออกมาประชาสัมพันธ์ว่าท่านอนอย่างไรจึงจะเป็นท่านอนที่ถูกสุขลักษณะ

สิ่งนี้เป็นการแก้เรื่องการนอนที่ถูกต้องแล้วหรือ...?
เมื่อเรานอนไม่ได้ นอนไม่ดี หรือนอนนานไม่ได้ การแก้ปัญหาที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้การนอนได้นานและสบายขึ้น

แต่ในทางกลับกันหลาย ๆ ครั้งนั้น ผมเลือกที่จะไม่นอน ออกไปเดินชมนก ชมไม้ ดูท้องฟ้า เดินไป เดินมาใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วอาการป่วยนั้นก็ดีขึ้น ได้หายใจลึก ๆ ยาว ๆ เดินไปเดินมาให้เหงื่อซึม ๆ อาการที่มึนหัว ปวดหัว กลับกลายเป็นปลอดโปร่ง โล่ง “สบาย...”

ด้วยเหตุนี้ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเมื่อป่วยเราจึงต้องนอน การพักผ่อนของคนเราคือการนอน และคนเราเกิดมาเพื่อนอนอย่างนั้นหรือ...?

หลาย ๆ ครั้งในวันหยุดเราจึงเลือกการนอนเพื่อการพักผ่อนแทนที่จะเป็นการจัดสวน แต่งต้นไม้ ดูแล ทำความสะอาดบ้านให้เส้นแขน เส้นขา ได้ยืด ได้หด จากการที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะและเก้าอี้มาตลอดสัปดาห์

เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพทำให้เรานอนได้นานขึ้นและนานขึ้น แต่มนุษย์เกิดมาเพื่อใช้เวลานอนในวันหนึ่ง ๆ นานขนาดนั้นเชียวหรือ
ตำนานเสื่อผืน หมอนใบ ที่ใคร ๆ ใครใช้ดำเนินชีวิตที่นอนน้อย ตื่นนาน แล้วประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นกลับกลายเป็นตำนานคนวัยรุ่นที่ชอบล้มหมอน นอนฟูก

ถ้านอนกับเสื่อ หรือมีแค่ผ้าบาง ๆ ปู 4 ชั่วโมง 6 ชั่วโมงในคืนหนึ่ง ๆ ก็นอนไม่ไหว เจ็บสะโพก ปวดหลัง
ที่เราปวด เราจ็บ เพราะร่างกายมนุษย์ไม่ได้สร้างมาเพื่อการนอน อัตภาพหรือร่างกายอันประเสริฐนี้สร้างมาเพื่อทำงาน เพื่อทำความดี เพื่อ “เสียสละ”

นอนมาก ป่วยง่าย ตายเร็ว เราใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาสุขภาพของการนอน แต่เทคโนโลยีนั้นก็กลับกลายมาเป็นเครื่องมือถ่ายถอนพลังของชีวิตให้หมดสิ้นไป

ทำไมมนุษย์จึงสามารถวิวัฒนาการให้กระดูกสันหลังอยู่ตั้งฉากกับพื้นได้ แทนที่จะแขนกับแกนโลกเหมือนสัตว์อย่างอื่น
วิวัฒนาการนี้เกิดมาเพื่อให้มนุษย์ไม่เห็นดีกับการหลับ การนอน ติดสุข ติดสบาย
บรรพบุรุษพัฒนาอัตภาพร่างกายอันประเสริฐเพื่อให้ชีวิตมนุษย์นั้นพัฒนาตัวเองให้พันภัยไปจาก “สังสารวัฏ”

การเวียน ว่าย ตาย เกิด เป็นสิ่งที่เราหนีพ้นได้หากมีความเพียร “วิริยะบารมี” เป็นสิ่งที่เกิดมาควบคู่กับวิวัฒนาการของร่างกายมนุษย์
นิ้วหัวแม่มือที่แยกออกมาจากนิ้วอื่นอย่างอิสระทำให้เราผลิตเทคโนโลยีได้สร้างสรรค์มากเพียงใด พัฒนาการของกระดูกสันหลังที่ตั้งฉากกับพื้นย่อมทำให้คนเราพ้นทุกข์ภัยจากการนอนหลับไหลมากเพียงนั้น
ตื่นและลุกจากที่นอนมาเพื่อทำความดี ชีวิตนี้จะสดใสและสวยงาม...

คำสำคัญ (Tags): #การนอน
หมายเลขบันทึก: 349602เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2010 17:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

We read ' ถ้านอนกับเสื่อ หรือมีแค่ผ้าบาง ๆ ปู 4 ชั่วโมง 6 ชั่วโมงในคืนหนึ่ง ๆ ก็นอนไม่ไหว เจ็บสะโพก ปวดหลัง

ที่ เราปวด เราจ็บ เพราะร่างกายมนุษย์ไม่ได้สร้างมาเพื่อการนอน อัตภาพหรือร่างกายอันประเสริฐนี้สร้างมาเพื่อทำงาน เพื่อทำความดี เพื่อ “เสียสละ” '

We analyse ' ที่ เราปวด เราเจ็บ เพราะร่างกายมนุษย์ไม่ได้สร้างมาเพื่อการนอน '. We ignore ' ถ้านอนกับเสื่อ หรือมีแค่ผ้าบาง ๆ ปู 4 ชั่วโมง 6 ชั่วโมงในคืนหนึ่ง '. We claim ' ร่างกายอันประเสริฐนี้สร้างมาเพื่อทำงาน เพื่อทำความดี เพื่อ “เสียสละ” '. We mean well, but!

1) Hard, flat house-floor is artificial man-made surface. It is good for standing furniture (other man-made objects). It is not good to sleep on as we have tried and discovered. Facts are: we do need ' sleep '; lack of sleep causes illness (please search the Internet on "sleep and health" for researches on sleep and for entertainment see http://www.vcharkarn.com/varticle/40082 ). We understand ไสยศาสตร์ is not a 'science of sleeping' (วิชาการนอน) but ไสยศาสตร์ is a belief of un-awake-sleepers (ความเชื่อของคนที่ยังหลับไม่ตื่นไม่ลื่มตา)

We should sleep well and 'ตื่นและลุกจากที่นอนมาเพื่อทำความดี ชีวิตนี้จะสดใสและสวยงาม' ;-).

My apologies. The link to vcharnkarn.com I actually meant to give is http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=146&Pid=32527 'ฝัน ของไทย นอนกันเถิด' - it is a humorous (น่าตลกขบขัน) look at 'sleep' and how important is sleep to living.

A wide area of research and industry is open to Thailand. We can become a producer and a leader of 'sleep technology' (not ไสยศาสตร์ black magic or superstition) if we put our effort into it (rather than spending our learning time in recording and replaying 'traditional' sciences and technologies (of the past 200 years). We can be exploring and lighting up the 'dark side' (ไสยา) for the future.

The basic necessities (ปัจจัย) for life (or living) apart from input (water, food, air, energy) and 'senses' (eye, ear, ... - feedback, adaptation or 'learning') is 'sleep' (rest, recovery or regeneration for body's wear and tear and linking of neurons). From there we need medicine, relationship, and goal to maintain our wellness (or our sanity -- see Marslow's Hierarchy of Needs). To buddhists, at the top of the pyramid of needs may be 'realization of non-self-attachment' (neither attaching to self or goal or or wealth or fame or happiness) ;-).

บรรพบุรุษของเราต่อสู้ ยืดหยัดจากที่เคยมีกระดูกสันหลังขนานอยู่กับพื้นจนกระทั่งปรับเปลี่ยนมาเป็นเราที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากอยู่กับพื้นได้

แต่นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันกลับใช้ความรู้ ความสามารถนำพาเรากลับลงไปนอน กลับเข้าสู่ยุคมืดแห่งการพัฒนา นำพามนุษย์ให้กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตกระดูกสันหลังราบและขนานกับพื้นเหมือนดั่งเดิม

วันนี้เราซื่อสัตย์ต่อบรรพบุรุษของเราหรือไม่กับสิ่งที่ท่านได้ต่อสู้และนำร่างกายมนุษย์สู่ "พัฒนาการ"

วันนี้เทคโนโลยีได้พัฒนาการเราให้กลับไปสู่จุดเดิม โดยสร้างค่านิยมว่าการนอนหลับคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด

ครั้งก่อนผมเคยต่อสู้กับการไม่ได้นอน (หลังไม่ติดพื้น) เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ก็ปรากฎว่า "ไม่ตาย" เมื่อไม่นอน (1)

แต่ในขณะนั้นเองต้องต่อสู้กับความคิดทางโลกทั้งหลายที่มารุมเร้าว่า "ไม่นอนแล้วจะตาย"

ที่จริงแล้วร่างกายมนุษย์นี้มหัศจรรย์ ทำได้ สู้ได้ "ยืนหยัด" ได้ แต่ทว่า ความรู้ที่ปนเปื้อนด้วยผลประโยชน์ของนักธุรกิจก็ดี หรือนักวิชาการที่หวังผลประโยชน์ทางวิชาการของตนเองก็ดี ได้สร้างค่านิยมที่หมักหมม จนทำให้จิตใจของเรา "เชื่อ" ในวิวัฒนาการทางคำพูดเหล่านั้น

การจับจังหวะชีวิตที่พอดี กับการยืน เดิน นั่ง นอนที่พอเหมาะ จะทำให้อัตภาพร่างกายอันประเสริฐที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนานี้ สามารถจัดสรร ปันส่วนไปเพื่อทำความดี และเสียสละอย่างที่มนุษย์ทุกผู้ ทุกคนควรจะเป็น

การนอนถึงแม้นจะสบาย แต่ความสบายนั้นหรือจะจีรัง ยั่งยืน และ "ถาวร"

นอนมาก ก็ต้องยิ่ง “นอนมาก...!” Sleeping a lot more sleep  นอนกันทั้งปี ทั้งชาติ

ขอจงฝืนใจ ต่อสู้กับความรู้เรื่องการพักผ่อนด้วยการหลับนอนที่เข้ามาถาโถม เพื่อจรรโลงโลกนี้ด้วยสองมือและสองเท้าที่ย่างก้าวพากระดูกสันหลังที่ตั้งตรง

ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้นอน ตอนตายได้นอนแน่ และ "นอนนาน"

การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ พักผ่อนด้วย “ความดี...” นำร่างกายนี้มาทำความดีและ "เสียสละ"

เสียสละเวลานอนคนละนิดแล้วมาร่วมกันมอบสิ่งดี ๆ ให้โลกใบนี้ด้วยการกระทำดี

โลกใบนี้จะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยคนที่หยัดยืนอยู่คู่โลก เมื่อใดคนดีแต่ล้มตัวลงนอน เห็นดี เห็นงามกับการพักผ่อน โลกใบนี้ก็ถึงคราวต้อง "ล้มหมอน นอนเสื่อ..."

มนุษย “ชาติ” (Human “Birth Decay Suffer and Death”) อีกนรชาติที่วางวาย ทั้งกุญชร ภมรทั้งหลายถึงคราวตายไร้กรรมดี

กุศลกรรมพึงเร่งทำ ขวนขวายเถิด ชีวิตนี้จักพริ้งเพลิด สุดประเสริฐด้วยใจกาย

ตั้งจิต ตั้งใจ ตั้งตัว ตั้งกาย อย่าปล่อยให้ล้ม นอนซะ ระทวยทม ขมขื่นอยู่บนฟูก เบาะ เมาะ หมอน

ตั้งจิต ตั้งกายเถิด ชีวิตนี้จักไม่เสียชาติเกิด  มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเลิศอย่า "เอิ้ดเลิด" กับการนอน...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท