ปลูกต้นไม้...สอนให้เราเข้าใจธรรมชาติ


ถึงแม้จะเป็นคนโชคดีที่ได้อยู่กับต้นไม้ใบไม้มาตั้งแต่เด็กเล็กๆ เพราะคุณแม่คุณพ่อเป็นคนที่รักการปลูกต้นไม้ คุณแม่เป็นคนมือเย็นชั้นยอดเยี่ยม ท่านจับต้นอะไรก็ช่างเจริญงอกงามดีเหลือเกิน แต่ก็เป็นเหตุให้เราฝังใจว่า การปลูกต้นไม้ต้องอาศัยคุณสมบัติเฉพาะตัว เพราะจำได้ว่าตัวเองปลูกอะไร ดูแลต้นไหนก็ไม่เห็นเขาจะเจริญงอกงามเอาเสียเลย ต้นไม้ใบไม้ที่คุณแม่มักจะเอามาใส่ไว้ในบ้าน ถ้าเรามีอันต้องดูแลแทนคุณแม่เมื่อไหร่ ถ้าเป็นระยะยาวๆแล้ว เขาก็จะมีอันอำลาโลกไปเสียทุกต้น ส่วนต้นไหนที่คุณแม่กลับมาช่วยชีวิตทัน เราก็จะได้เห็นว่า เขาดูมีชีวิตชีวากันขึ้นมาทันทีที่คุณแม่รับกลับไปดูแล

เมื่อเจริญวัยได้มีโลกของตัวเอง ก็เลยไม่รู้สึกอยากปลูกหรือดูแลอะไร ฝังใจมาตลอดว่าเราทำไม่ได้ดี เคยนึกฮิตเป็นพักๆด้วยแรงบันดาลใจจากคนอื่นๆที่เขาปลูกขึ้นทั้งหลาย แต่ลงมือทีไรก็ได้เสียกำลังใจทุกทีไป เพราะดูแลมากก็ตาย ลืมดูแลก็ตาย

แต่เมื่อได้มีโอกาสดูแล"ฟ้าทะลายโจร"จากพี่ประจิม ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นความโชคดีเหลือหลายที่ทำให้ได้กำลังใจมากมายที่จะเริ่มปลูกอะไรต่ออะไร เพราะเขาเจริญเติบโตดีเหลือเกิน จากนั้นจนถึงบัดนี้ ก็ได้ปลูก ได้เพาะต้นไม้อีกหลากหลายชนิด มีรอดมากกว่าตาย โชคดีเหลือหลายที่มี"ครู"ดีอย่างพี่ประจิม เพราะเวลามีปัญหา เราก็เริ่มรู้จักสังเกตอาการ วิทยาการสมัยนี้ช่วยให้เก็บภาพง่ายดายอีกด้วย ถ่ายรูปเอามาให้"ครู"ช่วยดู ปรากฎว่าพี่ประจิมผู้สามารถก็บอกได้เสมอว่า อาการเช่นนี้ต้องทำอย่างไร ล่าสุดที่แสนประทับใจก็คือ ต้นไม้ที่ปลูกทั้งหลายรอบๆบ้านใหม่ต่างก็ใบลดหดหายกันไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เราก็รดน้ำ เพิ่มดินกันอยู่เป็นประจำ เมื่อเอามาปรึกษาพี่ประจิมพร้อมรูปถ่าย พี่ท่านก็บอกทันทีว่า ต้องให้"ขี้วัว" โชคดีที่เราใกล้ชิดธรรมชาติมากมีวัวมากมายแถวๆบ้านให้เก็บผลิตภัณฑ์ ที่ทำให้เราได้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ช่างสร้างสมดุลต่างๆเอาไว้ให้เราหากรู้จักใช้ให้ถูกเรื่อง ต้นไม้ทั้งหลายแหล่ที่ใบหายหด เมื่อได้ขี้วัวผสมกับดินลงไป ต่างก็เบ่งใบเพิ่มขึ้นมาให้เห็นกันในเวลาอันรวดเร็ว

เมื่อย้อนคิดกลับไป ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การปลูกต้นไม้ที่เราเคยทำไม่ได้ดี เพราะเราไม่เคยทำความเข้าใจกับธรรมชาติของเขา เราดูแลด้วยการใช้ตัวเราเป็นหลัก ไม่ได้สังเกตธรรมชาติของต้นไม้ซึ่งจริงๆก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วเสมอ แต่เรามองข้ามไป เทียบได้กับแทบทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา หากเราใช้ตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้สังเกตธรรมชาติที่เป็นจริงของเรื่องต่างๆ โอกาสที่เรื่องต่างๆจะเป็นเรื่องยากสำหรับเราก็เป็นเรื่องธรรมดา หากเราลด ละ ความเป็นตัวเรา อย่าตัดสินอะไรทันทีด้วยความคิดของตัวเราเอง เราจะค้นพบ มองเห็น อะไรๆรอบๆตัวได้เพิ่มขึ้นอย่างนึกไม่ถึงเลยทีเดียว

หมายเลขบันทึก: 349446เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2010 00:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน 2012 08:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะคุณโอ๋ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราจริงๆค่ะ..

สวัสดีค่ะ..แหม!เราเขียนบันทึกใหม่ใกล้เคียงกันเลยค่ะ..อยู่ใกล้ต้นไม้คลายร้อนดีน่ะค่ะ

มีความสุขมากๆน่ะค่ะ

สวัสดีปีใหม่ไทยแด่คุณครู rinda (เรามีสามหนุ่มเหมือนกันเลยค่ะ) และคุณครู New.ครูบันเทิง นะคะ การที่มีต้นไม้ให้ได้ใช้เวลาดูแล ช่วยให้ใจที่หม่นหมองเพราะเหตุการณ์บ้านเมืองที่เราดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้เลยนี้มีที่พักพิงจริงๆค่ะ หดหู่จนไม่มีอารมณ์อยากเขียนอะไรได้เหมือนกันนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยจะประหัตประหารกันได้ในรูปแบบนี้

สวัสดีค่ะ

ชอบต้นไม้

ชอบข้อคิดตอนท้ายๆ การลด ละความเป็นตัวเรา

ถ้าทำได้ เราคงจะมองคนอื่น มองโลก กว้างขึ้นนะค่ะ

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

การสังเกต ใส่ใจ กับสิ่งที่อยู่รอบตัว ทำให้เรารู้ เข้าใจและยอมรับมากขึ้น...

ขอบคุณบันทึกที่ทำให้รู้สึกร่มรื่นนะคะ

วันนี้ 24 มิ.ย.53 ได้ทำตามใจที่อยากทำ ปลูกต้นไม้ ประดู่กิ่งอ่อน สาธร กาสะลอง สะเดา พะยูง นนทรีย์ มะค่า ไม้แดง มะฮอกกานี และพากา รวม 790 ต้น ขอมาจากพรรคพวก จนท.ป่าไม้ ที่โคราช ในพื้นที่ 4 ไร่

ถ้าโตเมื่อไหร่ วัตถุประสงค์จะให้เป็นป่า แล้วจะส่งรูปมาแชร์นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท