งานวิจัย 4
ชื่อเรื่อง : การจัดการความรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 1 : กรณีศึกษา โรงเรียนอนุบาลดารารัศมี
ผู้วิจัย : รัตน์ เที่ยงตรง
ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ปีที่วิจัย : 2548
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาการจัดการความรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาหนองคาย เขต 1 : กรณีศึกษา โรงเรียนอนุบาลดารารัศมี (นามสมมติ)
วิธีวิจัย
วิธีการ : การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
กลุ่มตัวอย่าง : การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพโดยการเลือกแบบเจาะจง คือ สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 1 จำนวน 1 โรงเรียน
เครื่องมือ : แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบบันทึกการศึกษาเอกสาร และแบบบันทึกภาคสนาม สำหรับเก็บข้อมูลภาคสนาม นอกจากนั้นยังใช้วิธีการสังเกตและสัมภาษณ์เชิงลึก(Indepth Interview )
วิธีเก็บรวบรวม :
1) ผู้วิจัยได้ติดต่อโรงเรียนที่เป็นกรณีศึกษาเพื่อขอความร่วมมือในการทำวิจัย โดยผู้วิจัยได้ชี้แจงวัตถุประสงค์และขอบข่ายของการศึกษาในโรงเรียน กับผู้บริหาร หลังจากนั้นได้จัดส่งหนังสือจากบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อขออนุญาตในการดำเนินการศึกษา
2) ผู้วิจัยได้เดินทางไปโรงเรียนกรณีศึกษาก่อนเริ่มเก็บข้อมูลได้ทำความคุ้นเคยกับคณะครูผู้ให้ข้อมูลและผู้บริหาร จากนั้นได้กำหนดแผนการเก็บข้อมูลและสัมภาษณ์กับผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริหาร รองผู้อำนวยการ หัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้าสายชั้น และคณะครู พร้อมขออนุญาตการบันทึกเสียง ทั้งนี้การไม่บันทึกเสียงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้วิจัย
3) การศึกษาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของโรงเรียนกรณีศึกษาได้แก่ ธรรมนูญโรงเรียน แผนกลยุทธ์ รายงานการประเมินตนเองแผนงบประมาณ เอกสารการอบรมสัมมนา รายงานผลการปฏิบัติงาน เอกสารสรุปการดำเนินงาน กิจกรรมของโรงเรียน คำสั่งโรงเรียน หลักสูตรสถานศึกษา เอกสารการวัดผล ประเมินผล แผ่นพับ ผลงานนักเรียน และภาพถ่าย เป็นต้น
4) จัดทำตารางกำหนดนัดหมายเพื่อดำเนินการเก็บข้อมูลภาคสนามและสัมภาษณ์บุคลากร
วิธีวิเคราะห์ผล :
1. การวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ (Interview) ผู้วิจัยได้ดำเนินการสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลคือผู้บริหารสถานศึกษาคณะครู ตามตารางนัดหมายการให้สัมภาษณ์ ตามกรอบแนวคิดของการวิจัยได้ตรวจสอบข้อมูลตามกรอบแนวคิดและคำตอบของผู้ให้ข้อมูลมีความตรง และความเที่ยง ตามเนื้อหา แล้วจึงได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยจำแนกข้อมูลตามกรอบแนวคิด 3 ด้าน ตาม พฤติกรรมที่แสดงออกตามกรอบแนวคิดที่กำหนด
2. การวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาเอกสาร ผู้วิจัยได้ดำเนินการขอรับเอกสารจากฝ่ายธุรการ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ ซึ่งผู้บริหารได้ให้ความอนุเคราะห์แล้ว และถ่ายสำเนาเอกสาร แยกประเภทเอกสาร เอกสารที่เข้าถึงยาก ได้ใช้ความพยายามในการขอถ่ายสำเนา ได้ศึกษาทำความเข้าใจและวิเคราะห์ตามกรอบประเด็นของกรอบแนวคิดการวิจัย
3. การวิเคราะห์ข้อมูลภาคสนามจากแบบบันทึก (Field notes) เป็นข้อมูลที่ได้จากการสังเกตเกี่ยวกับเหตุการณ์ ปรากฏการณ์ และกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน และบางครั้งอาจมีการสัมภาษณ์เพื่อเป็นการยืนยันและการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนั้นๆ การนำข้อมูลภาคสนามทั้งหมดและข้อมูลจากการสัมภาษณ์มาสังเคราะห์ตามกรอบแนวคิดและนำเสนอผลการวิจัยในรูปแบบรายงานเชิงพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive Analysys)
ผลการวิจัยพบว่า :
1. ด้านการกำหนดเป้าหมาย โรงเรียนได้ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่อาศัยวิสัยทัศน์ของโรงเรียนเป็นตัวกำหนดกิจกรรมงานและโครงการทุกด้านมุ่งสู่ความเป็นเลิศของผู้เรียน นักเรียนมีความรู้ตามมาตรฐานที่กำหนด คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของโรงเรียน นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สำหรับการสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรการวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยได้นำมากำหนดวิสัยทัศน์ โดยเน้นไปที่ผู้เรียนในด้าน ความเป็นเลิศทางวิชาการ มีพื้นฐานทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และการประกอบอาชีพ วินัยในตนเอง มีความรัก ศรัทธาศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นและมีสุขภาพอนามัยดี เป็นเป้าหมายที่โรงเรียนสามารถบรรลุผลได้
2. ด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบว่าโรงเรียนได้ใช้การบริหารงานโดยใช้โรงเรียน เป็นฐานเน้นการมีส่วนร่วมมีคำสั่งมอบหมายงานที่ชัดเจนมีความพร้อมด้านทรัพยากรวัตถุ เทคโนโลยี งบประมาณและบุคคล บุคลากรรู้หน้าที่การงานของตน มีการประสานงาน สื่อสารที่ดี มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดเห็นและสามารถสรุปผลงานได้ มีความเป็นมืออาชีพสูง สามารถนำสื่อมาใช้และประกอบการพัฒนางาน
3. ด้านการสร้างและใช้คลังความรู้ พบว่าบุคลากรในโรงเรียนมีการคิดสร้างและใช้คลังความรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีแฟ้มสะสมงาน มีการจัดระบบชิ้นงาน เอกสารหลักฐานถูกต้อง เป็นปัจจุบันสามารถนำไปใช้ได้ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ของครูต้นแบบการเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันตามโครงการต่าง ๆ การจัดอบรมด้านคอมพิวเตอร์ให้บุคลากรเพื่อนำไปจัดทำสื่อแบบวัดผล ประเมินผล เป็นต้นแบบของการศึกษาดูงานของเครือข่ายและหน่วยงานอื่น
งานวิจัย 5
ชื่อเรื่อง : การจัดการความรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4
ผู้วิจัย : วสันต์ ลาจันทึก
ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ปีที่วิจัย : 2548
วัตถุประสงค์ :
1) เพื่อศึกษาการจัดการความรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4
2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบ ที่ทำให้การจัดการความรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4 ประสบผลสำเร็จตามการรับรู้ของครูและผู้บริหาร
วิธีวิจัย
วิธีการ : การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
กลุ่มตัวอย่าง : กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ สถานศึกษาจำนวน 140 โรงเรียน โดยการเปิดตารางKrejcie ,Morgan (2540,อ้างใน พวงรัตน์ ทวีรัตน์ )จากประชากรทั้งหมด 220 โรงเรียน โดยทำการสุ่มอย่างงาย ผู้ให้ข้อมูลคือ ครูและผู้บริหารอย่างละ 1 คนจาก 140 โรงเรียน รวมเป็น 280 คน
เครื่องมือ : แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการความรู้ในสถานศึกษาที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นแบ่งเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ(Checklist)ได้แก่เพศ อายุ อายุราชการ วุฒิการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน
ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับการจัดการความรู้ ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีลักษณะเป็น มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating scale ) ถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติการจัดการความรู้ในสถานศึกษาและตอนท้ายเป็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ในการจัดการความรู้ ซึ่งลักษณะของเครื่องมือเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale ) 5 ระดับ ดังนี้
5 หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความนั้นในระดับ มากที่สุด
4 หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความนั้นในระดับ มาก
3 หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความนั้นในระดับ ปานกลาง
2 หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความนั้นในระดับ น้อย
1 หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความนั้นในระดับ น้อยที่สุด
ตอนที่ 3 คำถามปลายเปิดเกี่ยวกับปัจจัย องค์ประกอบที่ทำให้การบริหารจัดการความรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้ประสบผลสำเร็จ
วิธีเก็บรวบรวม :
1. ขอหนังสือจากทางบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4 เพื่อขออนุญาตเก็บรวบรวมข้อมูล
2. ขอหนังสือขอความอนุเคราะห์จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4 ถึงโรงเรียนทุกโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4 3. ส่งหนังสือขอความอนุเคราะห์เก็บรวบรวมข้อมูล และแบบสอบถาม ถึงโรงเรียนทุกโรงเรียน ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4 และขอความอนุเคราะห์ให้ตอบแบบสอบถาม และส่งกลับคืน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 4
วิธีวิเคราะห์ผล : ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for WINDOWS ค่าสถิติที่ใช้คือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า :
1) การจัดการความรู้ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับ “มาก” ตามทัศนะของครูและผู้บริหาร เรียงลำดับจากมากไปน้อยคือ ภาวะผู้นำขององค์การ ความเชื่อค่านิยมวัฒนธรรมของหน่วยงาน เทคโนโลยีที่ใช้ในโรงเรียน การสื่อสารในโรงเรียน กระบวนการจัดการความรู้ ส่วนด้านที่มีการปฏิบัติอันดับสุดท้ายคือ การวัดผลการจัดการความรู้
2) องค์ประกอบที่ทำให้การจัดการความรู้ประสบผลสำเร็จ ในส่วนของสถานศึกษาได้แก่ ส่งเสริมบุคลากรโดยสนับสนุนงบประมาณ มีนโยบายแผนงานชัดเจน ตลอดจนระบบสารสนเทศที่เป็นปัจจุบัน ด้านผู้บริหารต้องเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนสร้างขวัญกำลังใจโดยใช้หลักพรหมวิหาร 4 เป็นบุคคลที่รับผิดชอบสูง ด้านครูผู้สอนต้องพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง นำเข้าองค์ความรู้ใหม่ บรรยากาศเป็นประชาธิปไตย ตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตนเอง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องประสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและเข้าใจหลักของการจัดการความรู้
-----------------------------------------------------
มาเยี่ยมชมผลงานแล้วครับ
เก่งจังเลยคะพี่นก^^
หนาวๆๆดุเเลสุขภาพด้วยนะคะ
รักกกกกกมากม้าย^^