วัยรุ่นท้อง แม่ที่ไม่พร้อม


เลี้ยงลูกอย่างไร

 

 

 

วัยรุ่นท้อง  แม่ที่ไม่พร้อม

                 หลายปีที่ผ่านมา  สถานการณ์ปัญหาเด็กและเยาวชนในสังคมไทย  ค่อนข้างจะหนักไปในทางความด้อยโอกาสเป็นสำคัญ  ครั้นเมื่อรัฐและองค์กรต่างๆ ได้พยายามจัดให้มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานต่างๆ แก่เด็ก เยาวชนและประชากรภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น  ปัญหาอันเนื่องมาจากความด้อยโอกาสได้ลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก

                  กระนั้นก็ตาม  สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแก่เด็กและเยาวชนได้เปลี่ยนลักษณะไป  กลายเป็น “ปัญหาในเชิงพฤติกรรม”ที่ยากต่อการป้องกันและเยียวยาแก้ไข โดยเฉพาะพฤติกรรมการเสพยาเสพติด  ดื่มสุรา  เที่ยวกลางคืน  ติดเกมส์  การทำร้ายกัน ที่หนักสุดและน่าห่วงใยคือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย 

                  การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยนี้เอง  นำไปสู่ปัญหาอีกมากมาย ตั้งแต่การแพร่ของโรคเอดส์ที่เด็กและเยาวชนกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงในระดับต้นๆ   การตั้งท้องโดยไม่มีความพร้อม การทำแท้งที่สถิติเพิ่มสูงขึ้นทุกปี  การคลอดลูกแล้วทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ   

                  สำหรับสถิติของวัยรุ่นตั้งครรภ์  ข้อมูลจากคลินิกตั้งครรภ์แม่วัยรุ่น รพ.รามาธิบดี ระบุไว้ว่าประเทศไทยมีการคลอดบุตรของแม่วัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีสูงถึงวันละ 140 ราย  ขณะที่ข้อมูลการแจ้งเกิดจากส่วนการทะเบียนราษฎร สำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย ระบุไว้ว่าในปี 2550  พบมีแม่อายุ 16 – 20 ปีมาแจ้งเกิดลูก 145,747 ราย  สถิตินี้นับว่าสูงเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย  เหล่านี้สอดคล้องกับที่ผู้เขียนในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามการจัดทำแผนพัฒนาเด็กระดับชาติ ได้ข้อมูลจากจังหวัดต่างๆ เกือบทั่วประเทศ  ที่ระบุไว้ว่าปัญหาหนักใจและทวีจำนวนมากขึ้นในทุกขังหวัดคือ มีวัยรุ่นท้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

             เรื่องนี้  แม้แต่ในสภาเด็กและเยาวชนแห่งชาติก็ทราบ  ทั้งยังได้นำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ “เวทีสิทธิเด็ก”เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 ต่อหน้า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ในทำเนียบรัฐบาล  ซึ่ง ฯพณฯ นายกฯเองก็ได้ปราศรัยต่อที่ประชุมว่า “รัฐบาลจะดำเนินการดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง” 

                  ผู้เขียนมีข้อเสนอว่า เรื่องนี้จะปล่อยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการแต่ฝ่ายเดียวคงไม่ทันการณ์และแก้ไขไม่ได้  ฯพณฯ นายกฯ จำเป็นจะต้องมีคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาวางแผนดำเนินการพร้อมสนับสนุนงบประมาณให้อย่างเต็มที่เพื่อดูแลเรื่องนี้เป็นการด่วน  ภายใต้ความเข้าใจที่ว่า ยามนี้เยาวชนปรึกษาเรื่องทางเพศผ่านกลุ่มเพื่อนมากที่สุดถึงร้อยละ 51  ปรึกษาพ่อแม่เพียงร้อยละ 14 เท่านั้น  อีกทั้งยังเรียนรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างกว้างขวางและรวดเร็วจากสื่อต่างๆ อีกด้วย 

                    ดังนั้น  แนวคิดเดิมที่มุ่งสอนให้เยาวชนหญิงรักนวลสงวนตัวนั้นไม่เพียงพอเสียแล้ว    แต่จำเป็นจะต้องสอนเรื่องการรู้จักยับยั้งอารมณ์ทางเพศแก่เยาวชนชายให้มากขึ้น  และที่จำเป็นต้องยอมรับกันมากขึ้นคือ  การสอนให้เยาวชนรู้จักป้องกันการตั้งครรภ์ ฯลฯ

                    เรื่องนี้  พึงเร่งดำเนินการขึ้นโดยด่วน  ก่อนที่สังคมไทยจะกลับไปเผชิญกับปัญหายากๆ ที่ยังแก้ไม่ตก  นั่นคือปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว  ปัญหาการทอดทิ้งลูก  เพราะว่าสังคมบ้านเรากำลังจะก้าวไปสู่  “สังคมแม่วัยรุ่น ที่ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอต่อการดูแลลูก”นั่นเอง

 

หมายเลขบันทึก: 347941เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2010 11:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 12:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เรียนครูวัลลภคะ หนูก็มีหลานชายที่ไปทำลูกสาวเขาท้องแต่เขาไม่เอาเรื่องเราจึงตอบแทนโดยการให้เอาเด็กไว้แล้วเรารับเลี้ยงเด็กให้เป็นผู้หญิงค่ะ ผู้ใหญ่ใจกว้างขนาดนี้ยังไม่สำนึกหลายชายก็เรียบไม่จบ หลานสะใภ้ก็ทำงานไม่ทนออกมาอยู่บ้านเฉยๆซะงั้น เฮ้อ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ชอบทำให้ผู้ใหญ่เดือดร้อนพอเขาเปิดโอกาสให้ก็ยังล้มเหลวอีก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะคิดได้กันค่ะ เหนื่อยใจจริงๆ

ผู้ใหญ่ควรสร้างกระบวนการคิดและวิเคราะห์เองเป็นให้เด็กได้มีวัดซีนป้องกันตนเองให้ได้ก่อน เมื่อเขาประสบปัญหา เขาจะได้มีวิธีการคิดที่แยกแยะและยับยั้งชั่งใจ ...........ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นน่ะค่ะ ชื่นชอบผลงานครูหยุ่ยและติดตามผลงานท่านมาตลอด

ตื่นเต้นเจออาจารย์ วันก่อนยังคุยกับพ่อครูบาสุทธินันท์อยู่เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

สวัสดีคค่ะ..คุณครูหยุย..

- เป็นอีกคนนะคะ..ที่ติดตามข่าวสารและรับรู้เรื่องราวที่ครูทำเพื่อเด็ก ๆ

- ปัญหาทั้งหมดจะผลักให้เป็นหน้าที่ของรัฐอย่างเดียวก็คงไม่ไหว

- มองว่าสังคมครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด / ผลักดันเป็นนโยบายหลัก ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา

- เพราะเด็กเหล่านั้น..ก็คือกำลังของชาติในอนาคต..

- เป็นกำลังใจให้ครูหยุยนะคะ..

ถึงครูหยุย

...เด็กหญิงบางคน สอนได้ก็เอาไม่อยู่นะคะ ไม่รู้จะทำยังไง

มันเป็นปัญหาก็ตรงที่เด็กหญิงมันท้องได้นี่แหละค่ะ...

..มีลูกศิษย์ ที่แรงๆเยอะค่ะ ประเภทที่พ่อแม่ เอาไม่อยู่แล้วก็มาบอกกับครูให้ช่วยดูหน่อย จนปัญญาจริงๆค่ะ....

สังคมเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ....เลยกลายเป็นดาบสองคม...ได้แต่ช่วยกันในเรื่องที่ช่วยได้ค่ะ

อย่าไปมั่วแก้ที่เด็ก เด็กมันก็ตามผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่ทำตัวอย่างให้เด็กเห็นอย่างไร มันก็ทำแบบนั้น

จริงใจกันหน่อย นะ ผู้ใหญ่...

สร้าง สังคมไท ใหม่

ต้องเริ่มที่ผู้ใหญ่ครับ

อย่าหนีปัญหา ตั้งหน้าแก้ไข

เด็กเป็นอย่างไร

ผู้ใหญ่เป็นอย่างนั้น

อย่าคิดว่าตัวเองดี แล้วเด็กมันเลว

ผู้ใหญ่ดี เด็กก็ดีตาม

ผมยอมรับครับว่า เรื่องนี้ดูแลยากและถกเถียงกันได้ตลอดเวลา เสนอไปในเชิง"รักนวลสงวนตัว"ก็ถูกหาว่าล้าสมัย เต่าล้านปี เสนอให้ทันสมัยไป ก็จะเข้าข่ายชี้โพรงให้กระรอก เอาเป็นว่าตั้งหลักกันให้ดี ตั้งสติไว้ โดยเรื่มจากพ่อแม่ที่มีลูก ก็ต้องสอนต้องสั่งกันละครับ ให้รู้เท่าทันเรื่องนี้ ครูเองคงต้องหันกลับมาเป็นแบบครูยุคก่อน ที่ช่วยชี้ช่วยชวนให้เท่าทันปัญหาและอาศัยสื่อช่วยให้เห็นภาพของความทุกข์ในการตั้งท้อง การอับอายขายหน้า การต้องไปทำแท้งด้วยความรวดร้าวงทรมานทั้งกายและใจหรือการติดเชื้อเอดส์ที่รักษาไม่ได้

ต้องช่วยกันทุกทางละครับ และเท่าที่ผมทราบกำลังมีการเตรียมยกขึ้นเป็น "วาระแห่งชาติ" หากทำได้ คงมีแนวทางที่ชัดเจนกว่านี้ ช่วยกันเสนอความคิดเห็นนะครับ

5 เมษายน 2553 ครูหยุย ขอบคุณครับ

ดิฉันเคยเป็นคนหนึ่งคะที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก มาก่อน

ปัญหาแบบนี้ อย่า แก้ที่เด็กอย่างเดียวเลยคะ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่บอบบางเหตุจะพูดเรื่องเพศในสังคมไทย หรือเรื่องการทำแท้งเพราะเกิดจากหลายสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาก็แตกต่างกันไป แต่เห็นด้วยนะค่ะที่ว่าต้องช่วยกันทุกทาง

ดิฉันเริ่มจากที่บ้าน ต้องให้เข้าใจสภาพความเป็นหนุ่มเป็นสาว จากที่โรงเรียนอันที่จริงแล้ววิชาสุขศึกษามีบทบาทสำคัญมากกับเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าชี้โพรงให้กระรอกนะคะ แต่เราควรให้เด็กรู้วิธีป้องกันตัวเมื่อฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านจริงๆ เข้าใจสภาพเพศภาวะของตัวเอง และของเพศตรงข้าม ดิฉันเคยเข้าอบรมกับองค์กรแพธ คะ ดิฉันเห็นด้วยที่องค์กรเอาเรื่องเพศเข้ามาอบรมกับเด็ก ทำให้เด็กเข้าใจว่าร่างกายเราเปลี่ยนแปลงได้ และไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศด้วยตัวเอง หรือป้องกันตัวเองในยามฉุกเฉิน แต่องค์กรนี้ก็เน้นเรื่องของ การรักนวลสงวนตัว นะค่ะ เพราะมันเป็นการป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด ค่ะ

แต่ก็นั้นหละคะ แค่องค์กรหนึ่งองค์กร หรือความคิด ของคนไม่กี่คนคงเปลี่ยนเรื่องพวกนี้ไม่ได้หากเราไม่ช่วยกันทั้งสังคม สังคมเราก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้

เยาวชาวไทยเชื้อสายจีน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพล อดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงพระเจริญ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท