ผมขอรายงานความคืบหน้าในการพึ่งตนเองของ "มูลนิธิสร้างสรรค์เด้ก"นะครับว่า ที่บ้านสร้างสรรคืเด็กซึ่งเป็นโครงการของมูลนิธิฯ ตั้งอยู่ย่านคลอง 3 รังสิต(ทางไปนครนายก) ที่สำเร็จได้ผลไปแล้วคือ "ไก่ไข่"ที่ได้ไข่วันละ 120 ฟอง เห็ดนางฟ้าวันละ 3 กิโล ถั่วงอกได้กินทุกวัน แพะตกลูกแล้ว 1 ตัวเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่เปิดและไก่บ้านขยายพันธ์ได้ลูกเจี๊ยบหลายตัว ส่วนปลานิล ปลาทับทิมและปลาดุกได้กินไปหลายรุ่นแล้ว
สำหรับพืชเกษตรนั้น มีปัญหาดินเปรี้ยว แก้ไขมาหลายรอบแล้ว ยังแก้ไม่ตก ผลผลิตทางเกษตรจึงยังไม่ได้ดังใจ ต้องพยายามกันไป ท่านใดมีข้อคิดเห็นดีๆ เชิญนำเสนอนะครับ จะได้นำไปพัฒนาต่อยอด เพราะที่ผ่านมานั้นพึ่งตนเองโดยลดค่าอาหารลงได้มากพอสมควร
นอกจากนี้ บ้านสร้างสรรค์เด็ก ยังเน้นกระบวนการรีไซเคิล ทั้งกระดาษ ขวดพลาสติค เด็กๆ รวบรวมขายและเก็บออมไว้เป็นระยะๆ ยอดรวมเงินของเด้กๆ หมื่นเศษแล้วครับ เด็กๆ พอเห็นยอดเงินโตขึ้นก็มีกำลังใจกันมาก เพราะเป็นเงินที่พวกเขาสามารถนำไปทำกิจกรรมของพวกเขาเองได้
เหล่านี้คือพัฒนาการในทางที่ดี ที่ขอบอกเล่าเก้าสิบมายังท่านทั้งหลายที่ต้องการเห็นเด้กไทยเติบโตไปในทางที่ดี หากมีเวลาว่างไปเยี่ยมพวกเขาบ้างนะครับ โทรติดต่อบ้านได้ที่ 02-152-3565 ครับ
ขอคุยกับครูหยุย เรื่องพลังอันบริสุทธิ กับพันธมิตร
พธม.การกระทำมีทั้งดีและเสีย แต่คิดว่าดีมากกว่าเสีย
ความตั้งใจที่จะทำเพื่อบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องของสถาบันจะต้องมีที่หนึ่ง
ความเสียสละพวกเราไม่ได้เงินค่าจ้าง มีีงานบุญ งานกุศลจะร่วมกันทำเสมอ
การที่เราไปร่วมกับกลุ่มต่าง ๆ เพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ
แต่กลับถูกกีดกันให้ออกมา เสียใจ จึงขออยู่กับบ้านเฉย ๆ ตั้งแต่ 21/4/53
ชอบครูหยุยมาก ขอเป็นกำลังใจให้นายกต่อไปเงียบ ๆ ขอให้ชาติกลับมาสงบสุขโดยเร็ว
ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ และพระเทพฯ ทรงพระเจริญ
พูดถึงพลังบริสุทธิ์ นี่คือสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้ผมเดินทางไปร่วมกับกลุ่มหลากสี ผมสัมผัสพบว่าส่วนใหญ่ไม่เคยออกมาชุมนุม ไม่มีประสบการณ์ใดใด หากเกิดอะไรขึ้นปัจจุบันทันด่วน จะน่าห่วงมาก เมื่อผมได้รับฟังว่าจะนำพลังเหล่านี้ไปรวมกับพันธมิตร ผมต้องทักท้วง ไม่ใช่เพราะรังเกียจพันธมิตร ในใจชื่นชมด้วยซ้ำว่าเป็นหลักสำคัญในการพิทักษ์ชาติแผ่นดินและสถาบันสำคัญของชาติ แต่การประกาศจะนำกลุ่มไปร่วมชุมนุมกับใครนั้น น่าจะเกินเลย (ผมให้สัมภษณ์โดยละเอียดในแทบลอยด์ไทยโพสต์ไปแล้ว) คุณจิตราพครับ แม้บ้านเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว แต่เราต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยเพื่อลูกหลานของเราครับ อย่าเพิ่งท้อและหมดกำลังใจนะครับ
ศรัทธาและสู่ในสิ่งที่ถูกต้องดีงามเสมอ ครูหยุย
ก่อนหน้านี้หลายวัน คลองที่ขุดไว้สองคลองที่บ้านสร้างสรรค์เด็ก รังสิต เริ่มแห้งจนน่าใจหาย เพราะคลองทั้งสองนี้ ผมได้ทำกระชังเลี้ยงปลาไว้มาก ทั้งปลาดุก ปลากนิล ปลาทับทิม ขนาดกำลังโต โดยเฉพาะปลาดุกที่กระชังอยู่ใต้กรงไก่ไข่ อาหารจึงสมบูรณ์มากเลี้ยงไม่นานก็โตเกือบเท่าฝ่ามือแล้ว ส่วนหญ้าที่ปลูกไว้ก็เริ่มแห้งกรอบ จักรยานถีบสูบน้ำโดยใช้แรงปั่นจากเด็กๆ ก็สูบน้ำขึ้นมาสู้ไม่ทันแดดที่ร้อนเปรี้ยงๆ โชคดีมากที่ฝนตกมาหนักๆ สอง-สามครั้ง น้ำในคลองเริ่มจะเต็ม หญ้ากลับมาเขียวอีกครั้ง
แต่ฝนมาพร้อมลมแรง ทำเอาหลังคามุงจาคฟาร์มไก่หลุดลุ่ยตามแรงลม ครูและเด็กๆ ต้องช่วยกันซ่อมแซมเป็นการใหญ่ ได้บรรยากาศความร่วมไม้ร่วมมือที่ดีไปอีกแบบ คือซ่อมไปสนุกสนานหัวเราะกันไป
ผมรีบเร่งพิมพ์ความคืบหน้าในเช้าวันนี้ เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงผมก็จะเดินทางไปที่นั่น ด้วยมีนัดกับครูเกี่ยวกับการดูแลและเพิ่มแนวทางการพึ่งตนเองให้หลากหลายยิ่งขึ้น แล้วได้ความคืบหน้าอะไรๆ ที่น่าสนใจ ผมจะนำมาเล่าสู่กันฟ้งต่อไป
ขอบคุณครับสำหรับการติดตามศึกษาบทบันทึกของผม
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ เรื่องของครูหน่อง-ธีระพันธ์ ศุกระกาญจนะ
พอดีว่าอ่านหนังสือ ฝนกลางฝุ่น
ครูหน่อง หรือนายธีระพันธ์ ศุกกระกาญจนะ ร่วมทำงานกับผมมาแต่ครั้งอยู่ที่มูลนิธิเด็กร่วมกัน พอผมแยกออกมาทำมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ครูหน่องก็ตามมาช่วยงานผมด้วย กรณีชีวิตครูหน่องน่าสนใจมาก เพราะร่วมกับผมคิดงาน "ครูข้างถนน"และอาสาเป็นครูข้างถนนคนแรกออกไปทำงานข้างถนน อยู่กินนอนกับเด็กข้างถนนหลายวันเพื่อให้ทราบชีวิตที่แท้จริงว่าเด็กข้างถนนกินอยู่หลับนอนกันอย่างไร เรียกว่าเป็นคนทำงานหนัก เอาจริงจนเป็นที่รักของเด็กๆ ข้างถนนมาก รวมถึงครูข้างถนนคนอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทั้งรักทั้งศรัทธาในตัวครูหน่อง เมื่อผมเปิดบ้านสร้างสรรค์เด็กสำหรับเด็กเร่ร่อนขึ้น ก็ได้ครูหน่องรับภาระเป็นผู้บุกเบิกและดูแลบ้านหลังนั้นมานานหลายปี
ต่อมา ครูหน่องไม่สบายและตรวจพบว่าตนเองเป็น "มะเร็ง" ก็รักษาตัวและทำงานหนักไปพร้อมๆ กัน แต่ก็สู้โรคร้ายไม่ไหว จึงเสียชีวิตลงท่ามกลางความเสียใจของคนทำงานและเด็ก เรื่องราวการอุทิศตัวของครูหน่องจึงเป็นเรื่องที่เล่าขานต่อมาจนรับรู้ไปถึงนักเขียนดังคือ พี่กฤษณา อโศกสิน ที่สนใจมากถึงกับลงมาเก็บข้อมูล ลงพื้นที่พูดคุยกับเด็กๆ ข้างถนนตามพื้นที่ต่างๆและลงมือเขียนเป็นสารคดีชีวิตลงในนิตยสาร "แพรวว" ทำให้ผู้คนรู้จักครูหน่องอย่างกว้างขวางมากขึ้น
ครับนี่คือเรื่องราวโดยสรุป หากสนใจชีวิตครูหน่องเพิ่มขึ้น น่าจะลองไปพบพูดคุยกับ "ครูเล็ก"ภรรยาครูหน่องที่ทำงานสืบทอดอุดมการณ์ของครูหน่องอยู่ที่บ้านสร้างสรรค์เด็กที่ครูหน่องบุกเบิกขึ้น จะได้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกมาก นะครับ
ชื่นชม และเป็นกำลังใจให้ค่ะ..
เพื่อประเทศชาติ และในหลวงของเราค่ะ..
ขอบคุณมากมายค่ะ..^^
ไม่ทราบว่าปัญหาดินเปรี้ยวได้รับการแก้ไขหรือยังครับ แล้วแก้ไขได้หรือไม่
หากแก้ไขยังไม่ได้ อยากทราบว่าได้ทำการแก้ไขด้วยวิธีใดไปแล้วบ้างครับ
ลองดูที่เว็บนี้นะครับ
http://r02.ldd.go.th/cco01/problem/problem_02-2.html
http://r02.ldd.go.th/cco01/problem/problem_02-2-1.html
เท่าที่อ่าน ดินบริเวณโครงการน่าจะเป็นดินชุดรังสิต ซึ่งเปรี้ยวมากนะครับ
คุณครูแอ้วครับ ใช่ครับเพื่อในหลวงของพวกเราทุกคนครับ
yuth ครับ ปัญหาดินเปรี้ยวยังแก้ไม่ตกครับ แม้แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรมาแก้ให้แล้ว ยังแก้ไม่ได้ ขณะนี้จึงเน้นปลูกกล้วย กระถิน ไม้ล้มลุกกินได้และเลี้ยงสัตว์นานาชนิดครับ
แคทจะคอยเป็นกำลังใจให้ครูหยุยตลอดไปนะคะ และขอขอบพระคุณที่คุณครูพยายามทำทุกสิ่งที่ดีๆ เพื่อเด็กๆ เพื่อสังคมตลอดมาค่ะ ^_^
วันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค. นี้ แคทและเพื่อนๆ ชาว fb จะได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนน้องๆ และคุณครูที่บ้านสร้างสรรค์เด็กแล้ว ดีใจมากๆ เลยค่ะ ถ้าแคทโชคดีคงได้มีโอกาสเจอครูหยุยตัวเป็นๆ ก็คราวนี้เพราะชื่นชมมานานแล้วค่ะ ^_^
หนูแคช ดีใจมากที่ได้ทราบข่าว ไม่ทราบหนูไปเวลาไหน เพราะเวลาเที่ยง ครูต้องเดินทางไปสนามบิน ถ้ามาช่วงเช้าจะได้พบกันครับ
แคทไปถึงที่บ้านประมาณ 11.00 น.ค่ะ ไม่รู้ว่าจะทันครูหยุยหรือเปล่านะคะ ^^
หนูแคชครับ ขณะนี้เวลา 11.05 น.ผมยังนั่งอยู่มูลนิธิฯ ครับ จะออกไปประมาณ 11.20 น.ครับ อาจเจอนะครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ ผมชอบเรื่องเกษตรพอเพียง เพราะพื้นฐานเราเป็นประเทศเกษตรกรรรม ถ้าปลูกฝังให้เด็กทุกคนมีแนวคิดนี้เป็นพื้นฐานเด็กๆคงจะเอาตัวรอดได้ทุกคน ประเทศเราก็จะอยู่อย่างสงบสุขไปด้วย
ขวัญชัยครับ แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เป็นเพียงทางรอดของไทยเท่านั้น ผมว่าเป็นทางรอดของโลกใบนี้ด้วยครับ