ตามไปดู ^_^ ผู้พิการ (๒)


หัวใจไม่พิการ
     ต่อจาก บันทึกที่แล้ว  เมื่อปิ๊คอัพสองตอนมาจอด  ยังไม่ได้ทำเงานเลยค่ะ  พี่เตือนยกถุงแตงกวามาสองถุง  และบวบอีกหนึ่งถุง ใหญ่  บอกว่านำมาฝาก  เป็นผลผลิตของคนในสถานสงเคราะห์ฯบ้านเราเอง  ที่เห็นเป็นส่วนที่เหลือจากแบ่งกันแล้ว...ผักปลูกเอง  ปลอดสารพิษ  พี่เตือนว่า

       
       ผู้พิการที่ทีมเราจะเข้าไปเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือ  ฉันขอใช้นามแฝงหมดทุกคนนะคะ
       รายแรกคือ “ค่อม”  ระหว่างที่ก้าวลงจากรถเพื่อไปบ้านค่อม  ต้องบอกว่าพวกเราทุกคนต่างอุทานพร้อมกันว่าหนาวเย็นมาก  ก็เพราะพวกเรากำลังเดินอยู่ในหุบเขา  ค่อมชายร่างพิการ  ผู้มีอัธยาศัยดีมีความพิการทางร่างกาย  ค่อมพูดไม่ได้  แต่หูไม่หนวก  ค่อมรับจ้างทุกอย่างที่มีคนจ้าง  แต่ทำได้ไม่นานเพราะเหนื่อยง่ายจากความพิการของร่างกาย  วันนี้ค่อมก็ไปช่วยญาติจัดสถานที่เพราะจะมีงานบวชของญาติค่อม  เมื่อพวกเราไปถึงค่อมยิ้มทักทายอย่างดีใจ  ครั้งหนึ่ง มะเดี่ยวเล่าว่าพานักศึกษาแพทย์ออกชุมชนเดินกันไปเลยเถิด  ก็ได้ค่อมนั่นแหละช่วยโบกรถ สื่อสารและเจรจาตามภาษาของค่อมให้กับคนพูดได้  จนได้เดินทางกลับถึงสถานีอนามัย

 
        “บอย”  ผู้พิการทางสมองอายุ 12 ขวบ  แต่สมองของบอยเท่าเด็ก 4-5 ขวบ สวมกางเกงเก่าๆขาสั้น  เสื้อยืดสีดำแถมกลับด้านอีกต่างหาก น่าจะสูงเกิน 150 ซม. เมื่อเราเข้าไปถึง บอยทำหน้าตกตะลึงออกกลัวเล็กๆ  เมื่อบอกว่าหมอมาเยี่ยม  แต่เมื่อจำมะเดี่ยวและน้องกุลได้  จึงคลายความกลัว  บอยเกิดจากแม่ผู้พิการทางสมองเช่นกันหรือที่เขาเรียกว่า ปัญญาอ่อน หลังคลอดนานมากกว่าจะมีคนไปแจ้งเกิดให้บอย สำหรับแม่ของบอยเองก็ระเหเร่ร่อนไปเรื่อย  แม่ของบอยรายนี้เองที่ญาติขายสิทธิ์บัตรประชาชนให้คนอื่น  และคนอื่นนั้นก็คือชาวพม่าที่เข้ามาทำมาหากินและแต่งงานกับคนไทยในพื้นที่  ฟังแล้วน่าเศร้าใจจริงๆ  แม่ของบอยเลยไม่ได้สิทธิในการช่วยเหลือจากรัฐบาลใดๆเลย  บอยอาศัยอยู่กับป้า ผู้เป็นพี่สาวของแม่  พวกเราพบบอยอยู่บ้านกับน้อง(ลูกของป้า) อายุประมาณ 5-6 ขวบ จึงให้บอยตามป้าจากที่บอยบอกว่าอยู่ในป่าแค่นี้เอง  แล้วชี้มือไปในไร่ที่ถูกไถโล่งแล้วที่อยู่ตรงข้ามกับบ้าน  บอยวิ่งหายไปสักพัก ส่งเสียง เอิ้วๆ เอิ้วๆ แล้ววิ่งกลับออกมา  พวกเราถามว่าเจอป้ามัย  บอยบอกเจอซึ่งพวกเราก็ไม่มั่นใจนัก บอยบอกว่านั่นไงเห็นรถมอเตอร์ไซด์อยู่  พวกเราคอยสักพักคิดว่าคงไม่ได้เรื่องบอยคงพูดไปเรื่อย  อยู่ๆบอยก็บอกว่า  นั่นไงมาแล้วแต่พวกเรามองไม่เห็นใครเลยจึงว่าบอยพูดมั่ว บอยบอกฟังสิ  เสียงรถมอเตอร์ไซด์ดังมาแล้ว  มาแล้ว  เมื่อเรามอไปยังถนนที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 150 เมตร จริงๆด้วยมีมอเตอร์ไซด์เข้ามาแล้ว มะเดี่ยวร้องอย่างดีใจ  นั่นไงป้าของบอย  หนูจำป้าเค้าได้  พวกเราต่างสงสัยว่าบอยหูดีจริงๆ  เมื่อขอถ่ายรูปด้วยบอยยืนตัวแข็งทื่อ  มือเย็นเจี๊ยบ สงสัยกลัวจริงๆ  สักพักชี้มือไปที่ราวตากผ้าบอกว่าวันนี้ตากผ้าเต็มเลย  สวยมั้ย  เก่งมั้ย  บอยถามพวกเรา...ฉันได้แต่ชมเปาะว่าเก่งมาก  ว่าแล้วก็ขอเข้าไปกอดบอย  ซึ่งบอยตัวสูงเท่าๆฉัน  ยังคงทำตัวแข็งทื่อเหมือนเดิม  เมื่อกล่าวลา  บอยส่งยิ้มอันบริสุทธิ์ให้  ลาก่อนจ๊ะบอย  ไม่รู้ว่าเราจะได้พบกันอีกหรือเปล่า
       เมื่อยืนอยู่บ้านบอยฉันรู้สึกมีความสุขกับสภาพความเป็นอยู่จังเลย  ต้นไม้ร่มรื่น  มีอากาศหายใจที่บริสุทธิ์   บ้านไม่ต้องมีรั้ว  เงียบ  สงบ   ฉันเองอาจจะโหยหาธรรมชาติ  ในขณะที่พวกเขาอาจจะอยากหนีธรรมชาติที่เคยชิน (อันนี้ฉันคิดเองค่ะ)

ทางเข้าบ้านบอยแคบพอให้รถผ่านได้

หมายเลขบันทึก: 347774เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2010 18:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • การขายสิทธิบัตรให้คนต่างด้าว  เคยได้ยินแต่ไม่คิดว่ามีจริงนะคะ
  • น่าเศร้าจัง  ได้ไม่คุ้มกับความสูญเสียนะคะ
  • นี้แหละนะคะ  ความหลง ความโลภครอบงำจิตใจ
  • อ่านแล้วมีความสุขจังนะคะ น้องชาเหมือนพี่คิมเลยค่ะ ชอบบรรยากาศธรรมชาติ เรียบง่าย
  • ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจนะคะ

ขอบคุณค่ะ  คุณรูคิม

นอกจากขายสิทธิ  ยังมีการสวมสิทธิอีกค่ะ  หลายรูปแบบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท