สวัสดีครับ พี่หมออัจฉรา
แวะมาทักทายครับ ขอบคุณมากครับที่ถามไถ่เรื่องสุขภาพ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ
เรื่องพุทธศาสนานี่ ผมก็ได้แต่อ่านจากหนังสือ ยังไม่ (กล้า) ลองปฏิบัติ เพราะยังมีอคติบางอย่างเป็นมารขวางกั้นอยู่ครับ
นำ Kawasaki Rose มาฝากด้วยครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ตามอ่านบันทึกของคุณหมอค่ะ และพยายามจะเก็บไปฝึกปฎิบัติบ้างค่ะ
ยินดีกับคุณหมอที่มี ลูกชายเป็นพระ ผู้นำทางบุญให้โยมพ่อ โยมแม่ น่าชื่นชมครอบครัว
จริงๆค่ะ ดิฉันก็มีลูกชาย สนใจธรรมะ มาก อาจจะมากกว่าแม่จนเขา สามารถแลกเปลี่ยนความเห้นเรื่องธรรมะกับแม่ได้
และเขาก็ใช้ธรรมะในการดำรงชีวิต ทำให้ดิฉันเบาใจค่ะ ว่าหากมีความทุกข์หรือปํญหาใดๆ เขาก็รับได้ค่ะ เขาปรารภว่าอยากบวช แต่ภาระที่เขาต้องรับผิดชอบในบริษัท ยังหนักอยู่
สวัสดีอาจารย์ชิวค่ะ
ดีใจที่เข้ามาทักทายพร้อมดอกไม้ค่ะที่สวยมากๆค่ะ
พี่สมาธิไม่ดีพับไม่ค่อยได้ค่ะ
การฝึกสติ พี่กำลังหัดทำเพื่อให้ทุกข์น้อยลงหลังจากมีสติเป็นระยะๆค่ะ ส่วนมากจะหลงค่ะ
อาจารย์ชิวยังไม่ลองเพราะยังไม่ศรัทธาก็เป็นปกติค่ะ
บางครั้งเรา ไม่รู้อะไรใช่อะไรไม่ใช่ ทำให้เรากลัวผิดทาง
เราอาจจะลองฝึกสติโดยรู้กายรู้ใจโดยไม่ยึดว่าเป็นพุทธก็ได้ค่ะ
ทดลองดูกายดูใจตัวเองโดยไม่เสียทรัพย์ เสียเวลา แต่อาจจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นนะคะ จะเห็นตัวเองแปลกๆซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเป็นเราค่ะ
สวัสดีครูเตือนค่ะ
ขอบคุณที่มาทักทายค่ะ ลูกหมออยากให้โยมแม่ฝึกสติ ทดลองทำดูก็รุ้สึกดีค่ะ
รู้สึกทุกข์จะน้อยลงค่ะ
ว่างๆจะไปเยี่ยมนะคะ
สาระสำคัญอาจอยู่ที่ การแยกกิเลส ออกจากจิต เพราะจิตได้เรียนรู้ ว่า ขึ้นชื่อว่าสิ่งที่เป็นที่ร้ก ที่ยินดีจะไม่ก่อทุกข์ นั้นไม่มี แม้แต่ตัวจิตเอง หรือ สิ่งที่ เห็นด้วยตา ได้ฟังด้วยหู ได้ดมด้วยจมูก ได้ลิ้มด้วยลิ้น ได้สัมผัสด้วยกาย ได้นึกคิดด้วยใจ ยิ่งยินดีมาก ยิ่งหวงมาก ยิ่งทุกข์มาก มนุษย์ เป็นสัตว์ ที่มีกิเลสมาก พร้อมกับมี สติ ปัญญามาก ถ้า ละราคะ โทสะ และ โมหะ ได้ไม่ให้มีส่วนเหลือ และละความยินดีในโลก ได้ ย่อม ปรินิพพาน ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเราเหลือ อยู่คนเดียวในโลก ไม่มีคนอื่นและสัตว์อื่นไม่มี อะไรเหลือเลย เรา เรา เรา ขอ โอกาส นะคร้บ เรา ครับ จะอยู่อย่างไร จิตทุกดวงได้ถูก program ไว้ครับ ต้องย้อนกระบวนการ เข้ามาที่ ตัวจิตครับ TIME=ธรรม เวลาย่อมกลืนกิน สรรพสัตว์ พร้อมทั้งตัวมันเอง ม่านอวิชชา ก็ เหมือนม่านเวลาครับ จิตที่ปราศจากกิเลส นั้นเราจะสัมผ้สเค้าได้ต้องใช้ความเพียรและเวลาครับ หัดฝืน ฝึก และฝนครับ จิตมีกำลังเมื่อไหร่ ก็จะเห็น ครับ สังเกตุ ง่าย ง่าย ตอนร่างกายเริ่มติ่น แล้ว จิตเริ่มทำงาน อย่าปล่อยให้คิด รีบทำความตื่นให้ได้ จะเรียนรู้ได้เร็วครับ หาไปเถิดครับ ไม่มีในที่อื่น ไม่มีในอะไรหรอกครับ ไม่มีอายตนะใดใด ครับย้อนกลับ มาดูกาย ดูใจ ครับ เวลา หมดไปทุกขณะ ครับ แล้วดึงกลับก็ไม่ได้ ลองเอากิเลสของเราออกบ้าง เดี๋ยวก็ ถึงความสิ้นทุกข์ ครับเราต้อง เพียรพยายามของเราเองครับ พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้แล้ว ใช้ความสังเกตุ ผ่านม่านเวลา ครับ ขอให้โชคดี และมีความสุข ตลอตกาลครับ
ขอบคุณ อุบาสก สมพงค์ที่แนะนำ จะทดลองปฏิบัติดูตามคำแนะนำนะคะ
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
ขอบพระคุณสำหรับบันทึกธรรมนะครับ
เจริญในธรรมนะครับ...
ขอบคุณ คุณพรพลที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
ขอให้เจริญในธรรมเช่นกันนะคะ