วันที่26มิ.ย49 จะจัดตลาดนัดความรู้เรื่องความสำเร็จในการดูแลสุขภาพกลุ่มผู้รับบริการที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีสมาชิกแจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมประมาณ80กว่าคน โชคดีที่เราได้งบประมาณของตัวชี้วัดที่6 เรื่องการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม จึงได้มีงานนี้ขึ้น ทั้งที่ตั้งใจไว้โดยเขียนแผนก่อนปีงบ49 (ซึ่งไม่มีงบให้) ถือว่าได้ผลประโยชน์จากการทำแบบนี้ เรียกว่า2เด้ง คงไม่ผิด
กิจกรรมที่ว่าจะทำครั้งนี้มีรูปแบบคือ จัดให้สมาชิกในกลุ่มที่เคยแลกเปลี่ยนความรู้เป็นกลุ่มย่อย ที่เราได้จัดให้มีอยู่ทุกเดือน (มาได้จะ1ปี) ให้มีโอกาสพบสมาชิกทั้งหมดในวันนั้น โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มๆได้4กลุ่มให้ช่วยกันระดมความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่มที่ประสบผลสำเร็จในการดูแลสุขภาพตัวเองว่าทำอย่างไร พร้อมคัดเลือกหัวหน้าทีม เลขา และผู้จะนำเสนอ โดยมีรางวัลสำหรับกลุ่มที่ได้popular vote มีเกณฑ์การตัดสินจากการชนะใจผู้ฟัง รางวัลได้เป็นทีม คาดว่าเราจะได้ปัจจัยที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น และมีจำนวนระดับ5ดาวเพิ่มขึ้น หลังจากกิจกรรมกลุ่มนี้สิ้นสุดลง ประธานของกลุ่มจะนำสมาชิกไปเดินเพื่อสุขภาพต่อที่ สวนสาธารณรามอินทรา กม.2 ต่ออีก แล้วเราจะนำเรื่องราวพร้อมภาพวันนั้นมาเล่าต่ออีก
น่าสนใจครับ ตัวชีวัดที่ 6 ครับ "เรื่องการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม"
และที่สำค้ญ ตลาดนัดสุขภาพครั้งนี้ของพี่อุ้ย มี "การรวมพล คนดูแลสุขภาพ" (เบาหวาน) มาแลกเปลี่ยนกัน ทั้งยังมีการจัดกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนในประเด็นการดูแลสุขภาพที่ลงลึกอีกด้วย
น่าเสียดาย ผมมีคิวงานไปสระบุรี ดูงานเพื่อขับเคลื่อนเรื่องจัดการความรู้กับทีม สคส. ทั้งหมด แต่หวังใจว่าจะได้รายละเอียดในวันงาน และกิจกรรมสดๆ ที่เกิดขึ้นในเวทีของพี่อุ้ยนะครับ
***ขอเป็นกำลังใจให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีครับ.
"นายแขก"
18 มิ.ย. 2549
พี่อุ้ย คิดว่าจะโทรแจ้งคุณแขกเรื่องตลาดนัดครั้งนี้มากที่สุดเลย อยากได้คำเสนอแนะอื่นๆที่เป็นมุมมองที่พี่หลุดไป ถ้าเกิดเปลี่ยนแปลงคิวอย่างไร บรรจุเรื่องนี้ไว้ในคิวด้วยนะคะ
พี่หนูอุ้ย
เรียน ผู้ดูแลระบบ
ผมทราบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้าใจบ้างแล้วว่า ความรู้ทางการแพทย์ในโลกนี้ยังรักษา ป้องกันภาวะแทรกซ้อน อันตรายไม่ได้ เช่นเรายังต้องผ่าตัดรักษา ต้องฉีดยารักษา ต้อง ยาที่มีโอกาศแพ้ได้ทุกตัว แล้วเมื่อแพ้หรือมีอันตรายแล้วแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด ถึงเสียชีวิตได้ทุกปีนับหมื่นราย
ยิ่งกว่านั้น ผู้ป่วยและญาติมากกว่า 99% และไม่ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อ ชดเชยเมื่อเห็นว่าแพทย์พลาดโดยไม่มีเจตนา หรือเพราะรู้ว่าการแพทย์ ด้วยความรู้ปัจจุบันยังไม่ปลอดภัยทั้งหมด มีโอกาศหลายคนต่อ60ล้านที่ต้องตายโดยไม่สามารถคาดเดามาก่อน
ในการประชุมตัวแทนประชาชนต้องการโทษอาญามีไว้ข่มขู่เท่านั้นไม่ต้องการให้ติดคุก แต่เพื่อชดเชย ...... โดยไม่ทราบว่าเป็นธรรมหรือไม่ หากใช้โทษอาญากับทุกกรณีกับคนไทยทุกอาชีพ
ผมจึงมีความเห็นว่า ความเมตตา ที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีให้ต่อแพทย์2-3หมื่นคนที่ช่วยรักษาให้คนรอดได้นับล้านทุกปี น่าจะบำรุงใจให้แพทย์รุ่นใหม่ไม่ pannic ได้ และเห็นด้วยที่แพทย์ส่วนน้อยต้องถูกกำจัด ...เพราะไม่มีความดีพอที่จะทำหน้าที่ต่อไป
นับถือ
นพ ธีรวุฒิ โกมุทบุตร
รพ นครพิงค์