มัทนา
มัทนา (พฤกษาพงษ์) เกษตระทัต

ปัจฉิมนิเทศ โดย พระอาจารย์สมัย วัดทับทิมแดง


คนเราเลี้ยงพ่อแม่ได้ 3 แบบ

1. แบบเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด คือ ให้ที่อยู่ ให้อาหาร ดูแลให้หาหมอยามเจ็บไข้

2. เลี้ยงเทวดา คือ ขออะไร ตามใจให้หมด (ให้ตามขอ)

3. เลี้ยงพระ คือ ให้ความเคารพ ไม่ใช่สักแต่ตามใจ แต่ต้องเติมใจ คือดูแลปรนิบัติด้วยใจนอบน้อม

.... 

แล้วพระอาจารย์ก็ถามว่าที่คุณหมอทั้งหลายว่า ถ้าแม่เป็นอัมพาตจะเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ท่่านได้มั้ย 

---------------------------------------------

พระอาจารย์สอนเรื่องจิตสำนึก

ว่าเป็นหมอแล้วอย่าเอาเปรียบคน เรามีอาชีพบนความทุกข์ผู้อื่น 

ให้มีจิตใจที่ดี ทำดีแล้วไม่ต้องกลัวจน ให้ประกอบอาชีพแบบไม่เอารัดเอาเปรียบ อย่าเป็นนักธุรกิจคิดแต่จะเอากำไร ให้คิดถึงบุญคุณเงินภาษีที่ได้มาช่วยให้เรียนจนจบ ให้คิดถึงบุญคุณอาจารย์ใหญ่ อย่างน้องเริ่มได้ด้วยการติดป้ายรักษาคนที่นามสกุลเดียวกับอาจารย์ใหญ่โดยไม่คิดเงิน เป็นต้น หรือทำฟันไปคุยเรื่องธรรมะไปเป็นต้น

---------------------------------------------

สัมมาสมาธิ

การมีสมาธิคือสภาวะนิ่ง จดจ่ออย่างมีอิสระ เหมือนดาวเทียมที่โคจรตามโลกอยู่นิ่งๆไม่โดนดูดเข้ามาหรือไม่หลุดลอยออกไป เมื่อมีสมาธิแล้วปัญญาจะเกิด มองเห็นเข้าใจในโลกตามที่เป็นจริง เห็นด้วยตาใน ไม่ใช่ตาเนื้อ 

---------------------------------------------

การดูหนังฟังเพลงให้ระงับทุกข์ก็เหมือนการกินยาแก้ปวดแต่ไม่ได้หาสาเหตุรักษาให้ที่ต้นตอความทุกข์ เป็นการเอาจิตไปหลงให้ยุ่งอยู่กับสิ่งหนึ่งให้"ลืม"สิ่งที่ไม่ชอบสิ่งที่ไม่อยาก แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ยิ่งลืมบ่อยๆยิ่งห่างโลกแห่งความจริง ยิ่งนานไปยิ่งแย่ เหมือนมะเร็งที่ไม่ได้รักษาก็ก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ

---------------------------------------------

ศีลคือข้อฝึกฝน 

เช่น ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สิกขา = ศึกษา = ฝึกฝน = training

ไม่มีคำไหนแปลว่าห้ามซักตัว แต่มันคือเงื่อนไขที่ตั้งมาให้ฝึกฝนปฏิบัติให้เอื้อกับเหตุที่จะไปช่วยให้พ้นทุกข์ และไม่ส่งเสริมเหตุที่จะมาบั่นทอนทางที่จะไปสู่จุดหมาย

---------------------------------------------

ถือศีลคือการฝึกให้ตนเป็นคนที่ปลอดภัย ไม่เป็นคนอันตราย

---------------------------------------------

การปลูกฝังให้มีจิตสำนึกต้องทำซ้ำๆบ่อยๆ ยกตัวอย่างคุณแม่คุณหมอเกษม และ สมเด็จย่าที่ปลูกฝังลูกชายมาอย่างดี

---------------------------------------------

บุญ คือ ความผ่องใส

ทำอะไรแล้วรู้สึกผ่องใสคือการทำบุญ แต่ต้องผ่องใสอย่างไม่เห็นแก่ตัว ไม่หวังผลตอบแทน ทำทานก็คือบุญ เจริญสติก็คือบุญ เจริญเมตตาธรรมก็คือบุญ

---------------------------------------------

ฯลฯ ตอนนี้เท่านี้ก่อนค่ะ จดไว้กันลืม นึกอะไรได้แล้วจะมาต่อค่ะ : )

หมายเลขบันทึก: 341225เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2010 22:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 13:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณ อ.ค่ะ อ่านบันทึกแล้วรู้สึก จิตใจ อบอุ่น(ชอบรูปประจำตวของ อ.ค่ะ น้องน่ารักจัง)

ตอนนี้ศึกษาเรื่อง k m แล้วจะมาอ่านบ่อยๆค่ะ

12 มิถุนายน 2554

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยได้ไปฟังพระเทศหรือพระพูดเกี่ยวกับธรรมะที่ใดเลย วันนี้ได้มีโอกาสไปที่วัดทับทิมแดง คลองสองไปทำสังฆทาน ที่ไปเพราะแม่สามีอยากไปทำ ดิฉันจึงต้องไปแต่เผอิญได้คุยกับเพื่อนข้างบ้านว่าไปที่วัดทับทิมแดงสิ ร่มรื่น และมีโรงทานด้วย ใจดิฉันอยากไปกินอาหารฟรี แต่พอไปเข้าได้พบกับพระอาจารย์สมัย ได้เห็นแวบแรกก็มองดูว่าพระท่านยังอายุน้อยจังจะขลังมั้ยเนี้ยก็นั่งรอญาติโยมสนธนาธรรมกับพระอาจารย์สักสิบนาที มองดูไปรอบ ๆ วัด ก้เริ่มชอบในความเป็นธรรมชาติ รุสึกสงบ ร่มเย็น

พระอาจารย์ก้เรียกแบบว่านั่งเป็นหินรึ เราก็รีบยกของเข้าไปถวาย พระอาจารย์ก็ถามว่าอ่านรึยัง ดิฉันก็บอกว่าอ่านแล้วค่ะแต่เพิ่งมาครั้งแรกอ่ะ ช่วยรับสังฆทานหน่อย บอกตามตรงดินเจอพระก็ไม่กราบ แถมพูดจาไม่เพราะไม่มีความคาราวะเลย แต่พอท่านพูดออกมาแต่ละคำเหมือนกับท่านมองเห็นเรามาตั้งนานแล้ว ดูออก รู้หมด พูดถูกทุกคำ(ได้สนธนาธรรมเรื่องลูก ดิฉันพาลูกสาววัย 11 ขวบไปด้วย)ท่านถามว่าดิฉันเป็นแม่หรือเป็นลูก เนี้ยลูกเราจะเป็นแม่เราแล้วนะ สอึกเลยค่ะ ตอนนั้นดิฉันเริ่มหน้าชาด้วยความอายค่ะ เหมือนกับว่าดิฉันเลี้ยงลูกไม่เป็นเลย ท่านบอกว่าลูกจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพ่อแม่ปั้น พ่อแม่ปั้นเบี้ยว ลูกก็เบี้ยว แล้วมีอีกหลายคำค่ะ ส่วนคุณสามีที่ไปด้วยปกติไม่เคยพาเข้าวดแบบนี้ถึงกับ ก้มกราบพระด้วยความศัทธาเพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีปัญหาในการอบรมเลี้ยงลูกเหมือนกัน เหมือนเอาปัญหาในใจออกมาแบออก โดยที่เรายังไม่ได้เคยเล่าหรือพูดอะไรเกี่ยวกับลูกเลยสักคำค่ะ ถึงตอนนี้ดิฉันศัทธาในคำสอนมากเลยค่ะถ้ามีเวลาอีกจะพาลูกไปที่วัดนี้อีกค่ะ ใจของดิฉันที่เคยแข็งกระด้าง วาจาไม่สุภาพเริ่มอ่อนลงไปอัดนมัตติเลยค่ะ

วสันต์ เหลือสูงเนิน

ผมรักในหลวงคับ .....................อยากคุยกับท่านมากเหลือเกินเรื่องของสงฆ์นะคับ

วสันต์ เหลือสูงเนิน

ผมเริ่มจะเข้าใจเรื่องสัจธรรมแห่งชีวิต ชีวิตของผมมันตึงเกินไป

ขอบคุณท่านมากคับ ที่สอนผม แต่จะให้ลืมกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

คงอยาก แต่ผมก็ค่อยๆปล่อยว่างลง ได้เยอะแล้วคับ

ขออนุโมทนาบูญคับ...อาจารย์

ดีใจด้วยค่ะ ที่คุณๆ ได้พบกับพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สังคมจะดีได้ต้องเริ่มต้นจากครอบครัวปลูกฝังความดีงามให้เติบโตในใจของน้องๆ เมล็ดพันธุ์ความดีจะงอกงามได้โดยคุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลา(โดยที่ไม่รีบร้อนจนเกินไป) พาน้องๆ มาวัดบ่อยๆ ได้สนทนาธรรมกับท่าน นำข้อคิดไปลองฝึกหัดปฏิบัติ ไปบ่อยๆ แล้วน้องๆ จะรู้สึกชินว่าเป็นกิจกรรมของครอบครัว พาน้องๆ ไปหาหลักใจนะคะ เมล็ดพันธุ์ตัวน้อยๆ ของคุณจะแบ่งปันความดีงามไปสู่คนรอบข้างเช่นกัน อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท