"ทำนาทำไม ทำไมต้องทำนา ในเมื่อราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน สูงขึ้นเรื่อย ๆ"
คำถามข้างต้นเป็นคำถามของหลายคนที่ผู้เขียนได้รับฟังบ่อย ๆ เมื่อสนทนา เป็นคำถามที่มีต่อคนที่ยังคงยืนหยัดทำนา และคิดที่จะทำนาในอนาคต ว่า “เสียเวลาทำนาทำไม ทำให้เหนื่อยทำไม ทำไมไม่เอาเวลาไม่ปลูกยาง ปลูกปาล์ม เอาไปขาย แล้วเอาเงินไปซื้อข้าวกิน สะดวก สบายกว่าเยอะเลย การทำนามันลำบาก เพราะกว่าจะได้ข้าวมาก็ต้องเหนื่อยใช้เวลาหลายเดือน เสียทั้งเวลา และแรงงาน ถ้าปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน ก็จะได้เงินซื้อรถยนต์ สร้าง บ้านสวยงาม ส่งลูกเรียนสูง ๆ ได้ เป็นต้น” อย่างไรก็ตามไม่ค่อยมีคำถามจากคนส่วนมากเหล่านี้เลยว่า ในอนาคตถ้ายางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาจะลดลงอีกไหม และถ้าราคาลดลงแล้ว ตอนนั้นเราจะทำอย่างไรกัน หรือเคยตั้งคำถามกันบ้างไหมว่า “ปัจจุบันทำไมคนบ้านเราถึงเป็นโรคเบาหวาน ความดัน และมะเร็งกันจังเลย เมื่อก่อนถึงมีแต่ก็น้อยมาก”
คำตอบของคำถามเหล่านี้ส่วนหนึ่งคงจะมีในอนาคต ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ แต่ส่วนหนึ่งเราได้คำตอบแล้ว เมื่อตอนฝนตกกรีดยางไม่ได้ หรือยางราคาถูก ทำให้ไม่มีเงินซื้อข้าวมากิน และคนอีกจำนวนไม่น้อยในหมู่บ้านของเรากำลังเผชิญกับโรคเบาหวาน ความดัน และมะเร็ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเราไม่มี จะหาทางออกของปัญหาเหล่านี้อย่างไร สำหรับท่านที่ต้องการหาคำตอบ หรือ ร่วมให้คำตอบต่อคำถามเหล่านี้ ขอเชิญพบกัน
วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2553 เวลา 12.00-16.00 น. ณ บ้านนายนิคม เพ็ชรศิริ (เจ้าปาน) บ้านไสเสียด หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา
ซึ่งในวันดังกล่าวจะมีผู้ที่ยังยืนหยัดทำนา และหันกลับมาทำนาอีกครั้งหนึ่ง มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ที่เป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมี
- รับประทานอาหารเที่ยง เป็นข้าว และผัก ปลาที่มาจากผลผลิตของผู้ทำนาแบบธรรมชาติ
- การสาธิตผลิตปุ๋ยธรรมชาติ ยาไล่ศัตรูพืช และอื่น ๆ ที่เป็นสิ่งที่เราสามารถทำเพื่อการพึ่งตนเองได้
การจัดงานครั้งนี้ใช้ทุนส่วนตัวของคณะผู้จัด ดังนั้น เพื่อความสะดวกในการเตรียมอาหารซึ่งจัดทำกันเอง สถานที่ ได้เพียงพอ สอบถามรายละเอียดและแจ้งความจำนงเข้าร่วมได้ที่
- นายนิคม เพ็ชรศิริ (เจ้าปาน) โทร. 084-849-7058
- นายโชติ ถาวร โทร 081-6961039 E:mail : [email protected]
- นายอาคม อู่ทอง โทร 086-269-8944
ติดตามรายละเอียดได้ที่ http://kontamna.siamvip.com
นมัสการพระคุณเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความเห็นที่เป็นกำลังใจแก่ผู้ทำงาน
สภาพท้องนาและบรรยากาศที่สวยงามดังกล่าวหายไปเกือบหมดแล้วเมื่อยางพารา และสวนปาล์มเข้ามาเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังมีคนส่วนหนึ่งยืนหยัดต่อไปที่จะทำ และรักษาที่นาเอาไว้ ผืนนาที่กว้างใหญ่ของตำบลบ่อแสน คือบ้านบ่อแสน และ บ้านไสเสียด มีเนื้อที่แห่งละประมาณ 1,000 ไร่ แต่ตอนนี้ ไม่เหลือแล้ว "ยางมานาหมด" เข้าทำนองนี้แหละ ตอนนี้ต้องซื้อข้าวกิน แพงแค่ไหนก็ซื้อ คิดว่าราคายางพารายังดีอยู่ แต่ถาถึงวันหนึ่งกลับไปสู่ที่เดิมละจะทำอย่างไร ตอนน้ำท่วม เกิดภัยทั้งหลาย เช่นที่ ไฮติ หรือตอนซึนามิแถบอันดามัน คนต้องการอย่างแรกคือ อาหาร ถึงตอนนั้นมีเงิน 10,000 ล้าน แต่ถ้ามันไม่มีจริง ๆ ใครก็ไม่ขายหรอก ไช่ไหม จึงเป็นที่มาของแนวคิดการรวมตัวครั้งนีครับ เกิดจากชาวบ้านทำกันเอง ไม่พึ่งรัฐ ไม่พึ่ง อบต. เพราะถ้าเข้าไปหาเขาคงไม่เชื่อ ทำไปก่อนอีกหน่อยเขาก็จะมากันเอง เชื้อเถอะราชการไทยเป็นเช่นนี้แหละ