จดหมายถึงครู ι ทดสอบและใคร่ครวญกับตนเอง


๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณครู

          แม้ว่าวันนี้จดหมายที่หนูเขียนวันนี้หน้าตาจะต่างไป เพราะว่ามันไม่มีอะไรเที่ยงอย่างที่ครูเคยสอนหนู ครูค่ะ หลังจากได้รับเมลล์จากครู หนูพยายามใคร่ครวญกับตนเองว่า หนูจะออกแบบชีวิตตนเองยังไง จึงลองปล่อยมันไปอย่างที่มันอยากเป็นตลอดวัน ตลอดคืน อย่างที่มันอยากจะสั่งสอนตนเอง ครูขาสิ่งแรกที่จิตมันพาทำก็คือ ต่อต้านทุกอย่างที่เป็นกิจวัตรเดิมที่เคยสัญญากับครูไว้ ละเลยอย่างจงใจ มีความรู้สึกสะใจ และละอายใจสลับกันค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ไหลไปรู้สึกเครียด ทุกข์ใจ หนูไม่ได้เขียนจดหมายถึงครูตั้งแต่วันศุกร์ มีแรงดึงรั้งให้หนู อยากจะเปิดคอมขึ้นมาเขียน ขณะเดียวกันก็มีเสียงเสนอทางเลือกว่า เขียนในสมุดแทนไหม หรือไม่ก็อย่าเขียนเลย แล้วการเขียนบันทึกและตอบบันทึกใน G2K ก็มีเสียงว่า จะเขียนต่ออยู่เหรอ ในเมื่อเธอปฏิบัติออกจะไม่ได้เรื่อง ครูท่านต้องคอยเตือนสิ่งเดิม ๆ ตลอดมา จนท่านต้องระอา ไม่อายเหรอ แทนที่สิ่งที่บันทึกจะช่วยเป็นกำลังใจให้ตนเองและใคร ๆ การใช้ชีวิตแบบแย่ ๆ แล้วนำมาเขียนดูมันจะตรงข้าม หนูจึงตัดสินใจกับตนเองว่า ลองดูไปก่อน ค่อยมาตัดสินกันอีกที

พอมาเมื่อวานนี้วันเสาร์ตลอดทั้งวัน หนูไม่ทำอะไรนอนอยู่ในห้องอาบน้ำแล้วก็นอนแช่อยู่กับซีรี่ย้อนหลังที่โผล่ขึ้นมาใน youtube ดูโดยไม่ตั้งใจ แต่มันกลืนชีวิตหนูไปตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็น อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ตั้งใจกับตนเองตอนแรกคือ การหยุดเพื่อเขียนงาน (เพราะใจหนูอยากจะกลับบ้านไปภาวนาตั้งแต่วันศุกร์ค่ะ) แต่แล้วจิตชั่ว ๆ ก็พาให้ทำในสิ่งที่ไร้สาระและทำให้ใจเศร้าหมอง หนูเห็นบันทึกที่ครูเขียน ใจอยากจะตอบแต่ก็ยั้ง ๆ ไปขอดูใจตนเองไปก่อน ไม่งั้นมันจะไม่เข้าใจ

ประมาณหกโมงเย็น หนูมีความรู้สึกว่าไม่ได้ละ ฉันจะปล่อยชีวิตให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ หนูวิ่งออกกำลังกายไปเรื่อย ๆ เอาพุทโธ มาแนบใจ เพราะใจหนูคอยแต่ไหลไปคิด คิดแล้วก็จะมีเสียงคร่ำครวญค่ะ ท่อง ๆ ไป ขนาดท่องถี่ ๆ พอมันจะไปก็หายไปซะเฉย ๆ ค่ะครู มารู้ว่าพุทโธหายก็ตอนมีอารมณ์แรง ๆ เกิดขึ้น  หลายครั้งที่ใจได้ยินเสียงผู้ชายแล้วก็ไหลไปอยากรู้ รู้สึกสนใจขึ้นมา ความอยากในกามที่มีในใจค่อนข้างรุนแรง หนูรู้สึกได้ทั้ง ๆ ที่ครูเคยเตือนหนูเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าศีลข้อสาม ระงับอยู่ได้จากทางกาย แต่ใจมันไหลไปรวดเร็วมาก จนมีความคิดแทรกขึ้นมาว่า “มองเพศผู้มาทั้งชีวิต ก็ไม่เห็นว่ามันจะพ้นทุกข์ในใจที่บีบคั้น แกยังจะโง่อยู่อีกเหรอ” แล้วก็เหมือนใจเป็นอึ้ง ๆ เหมือนพึ่งนึกได้ แล้วครานี้พอมองเห็นอะไรแล้วนึกอะไรที่หลุดจากพุทโธ ก็จะมีเสียงว่า “ทำมันมาทั้งชีวิต มีมาทั้งชีวิต แล้วก็ไม่ได้พ้นทุกข์นี่ แล้วจะโง่มีมันทำไมอยู่” สุดท้ายใจมันก็อยากจะไปหาอะไรกินหลังวิ่งเสร็จ จึงมีเสียงว่า “โง่ซ้ำซ้อน กินแบบเนี่ยที่ไร หลับไม่ได้เรื่องทุกที หรือไม่ก็แสบท้องแทบเป็นแทบตาย ยังจะทำอีกไม่ได้เรื่องเอาซะเลย” จึงตัดสินใจตรงเข้าหอพักค่ะครู

พอมาถึงห้องหนูนั่งลงสำรวจ ห้องหนูไม่เรียบร้อยเอาซะเลยของที่ซื้อมาตลอดสองสามวันไม่ได้ถูกจัดวาง กิเลสตัวหยาบ ๆ ยังจัดการไม่ได้แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปงัดกับตัวละเอียด ๆเล่า หนูเปิดน้ำผลไม้ออกมาดื่มแล้วก็ค่อย ๆ นั่งลงเก็บกวาดทั้งภาวนาพุทโธไปด้วย เปิดฟังซีดีหลวงพ่อที่ได้มาตั้งแต่งานกฐิน แม้หนูจะท่องพุทโธอยู่ แต่พอหนูทำอะไร พุทโธก็หายไปค่ะครู หายไปตอนคิดเรื่องปริญญาเอก หายไปตอนพิจารณากิจวัตรที่ตนเองจะปฏิบัติ แต่หนูก็เก็บกวาดไปเรื่อย ๆ ขัดห้องน้ำ ถูห้อง ถูแล้วถูอีก ระลึกกับตนเองได้ตอนเขียนจดหมายว่า กิจวัตรต้องมีขัดห้องน้ำกับถูกห้อง ตอนไหนว่ากันอีกทีค่ะ บางทีหนูก็ก็มีคำถามว่าเป้าหมายในชีวิตของหนูคืออะไรกันแน่ หนูกำลังทำอะไรอยู่ ยังหลอกตนเองอยู่ไหม

พอห้องถูกจัดใหม่ เสื้อผ้าที่ไม่ใช้ถูกแยกเก็บลงกระเป๋าเพื่อนำไปบริจาค หนังสือบางเล่มอาจจะต้องส่งไปบริจาคห้องสมุดสักที่ หรือที่ไหนสักแห่งที่หนูยังนึกไม่ออก เอกสารเก่า ๆ ที่เคยถูกวางทับถมก็ค่อย ๆ ถูกสะสาง ซักผ้าที่กองทับถมอยู่นาน กำลังพิจารณาว่า จะซักเองต่อหรือจ้างซักเดือนละเจ็ดร้อยห้าสิบกับผ้าหกสิบชิ้นดีไหม แต่หนูก็ยังซักเองอยู่ไปก่อน ขณะทำความสะอาดใจสบายขึ้นค่ะครู บางทีก็แว๊บคิดถึงตู้เย็นเพื่อนจะเอามาให้เพราะมันไม่ได้ใช้ แล้วก็คิดต่อว่าควรจะทำกับข้าวทานเองได้แล้วเพราะทานแต่หมูและไก่ สิวทั้งใบหน้าและตัวขึ้นเต็มเลย ไม่นานก็จะเป็นหนักกว่านี้ ลองลดและละดูบ้าง

พอห้องถูเก็บเรียบร้อย หนูอาบน้ำทำดีท๊อก แล้วก็มาเดินจงกรมภาวนาไปเรื่อย ๆ แล้วนั่งลงทำสมาธิ หนูเข้านอนตอนประมาณหกทุ่มกว่า ๆ หนูสะดุ้งประมาณตีสามเสียงปลุกจากโทรศัพย์มือถือดังขึ้นมา ก็มีเสียงว่าอ้าวยังไม่ได้ปรับใหม่ แต่ก็ไม่ได้ง่วงแล้วจึงลุกขึ้นมาเดินจงกรม เดินไปเรื่อย ๆ ประมาณหกโมงนาฬิกาเตือนเวลาไปวิ่งออกกำลังกาย หนูจึงหยุดทบทวนสิ่งที่ปล่อยให้เป็นไปตลอดวันสองวันที่ผ่านมา

ครูค่ะ หนูลองใช้ชีวิตอย่างที่แรงดึงรั้งข้างในมันอยากให้ทำ มันก็ไม่ได้เห็นว่าจะพ้นทุกข์เลยค่ะ ซ้ำร้ายหนักกว่าเดิม ทุกข์หนักว่าเดิมอีกค่ะครู แต่พอมาเดินจงกรมนั่งสมาธิ ก็ยังทุกข์อยู่ดี เหมือนกับว่าหนูใช้ชีวิตแบบแยกส่วน ใช้ชีวิตกับปฏิบัติแยกส่วนแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะพ้นทุกข์

ดังนั้นตอนนี้หนูได้ข้อสรุปจากการทดลองใช้ชีวิตมาหนึ่งวันกว่า ๆ ว่า ให้คงกิจวัตรเดิมไว้ แต่ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปตามแต่เหมาะสม แม้ครูจะให้อิสระ ก็ไม่ได้หมายความว่า หนูควรจะปล่อยปะละเลยชีวิต ให้มันเป็นไปตามยถากรรม ในทางกลับกัน หนูยิ่งมีอิสระมากเท่าไหร่ หนูยิ่งต้องระมัดระวังและมีสติในการดำเนินชีวิตเท่านั้น เป้าหมายในชีวิตของหนูตอนนี้ที่ตอบในใจตนเองคือ หนูอยากรู้ว่าหนูเกิดมาทำไม ทั้ง ๆ ที่เกิดมาแล้วมันทุกข์ทรมารอย่างนี้ แล้วทำอย่างไรหนูถึงจะพ้นจากทุกข์ที่มันบีบคั้นในใจสักที

ที่ผ่านมาวิบากเก่าของหนูคงชินกับการคร่ำครวญ ความท้อแท้ ความเจ็บปวด เศร้าสร้อย ความโกรธและเคร่งเครียด แต่เมื่อวานหนูลองนึกดูว่า หนูมีข้อดีอะไรบ้าง พอนึกขึ้นมาได้ ใจหนูก็ค่อย ๆ สบายใจขึ้น หนูจึงบอกกับตนเองว่า หนูจะเขียนบันทึกเรื่อง “วันนี้ฉันทำดีอะไร” จะเขียนให้กำลังใจตนเองทุกวัน ๆ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะครู อ้อ หนูเกือบลืม ทบทวนใจตนเองว่าด้วยเรื่อง ศีล

 

ข้อ ๑ หนูปล่อยให้ตนเองหมองเศร้า คร่ำครวญเสียใจ ทำร้ายตนเองโดยปล่อยให้มันไร้สาระ แต่โชคดีที่ได้เรียนรู้ความไร้สาระ เพื่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่มีกำลังใจหนักแน่นกว่าเดิม เพราะแม้จะล้มลุกคลุกคลานเพียงใด หนูก็จะสู้ อดทน จนกว่าจะหมดลมหายใจ ถ้ามันจะตาย หนูก็ขอเกิดมาเป็นมนุษย์ พบพุทธศาสนาเพื่อภาวนาให้หนูไม่ต้องมาเกิด มาทุกข์ทรมารกับการโดนครอบงำอีกค่ะ

ข้อ ๒ หนูไม่ขโมยของใครคะครู แต่ของรักของพ่อแม่นั้น หนูยังปฏิบัติต่อเขาได้อย่างไม่ค่อยน่าประทับใจ แต่รู้แล้วตอนนี้ จึงพึงสังวรณ์ ให้ตระหนักในการดูแลกายใจตนเองเพราะเป็นของล้ำค่า แห่งผู้มีพระคุณค่ะ

ข้อ ๓ ข้อนี้น่าตกใจค่ะครู ใจหนูร่าน อย่างที่ครูเคยเตือนว่าถ้าปล่อยไว้หนูอาจจะเป็น ฮีสทีเรีย ซึ่งมันชัดขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนใจหนูไม่ได้แคร์ว่า ใครเป็นใคร ขึ้นชื่อว่าเป็นเพศผู้ มันก็พร้อมที่จะไปกระโดดเกาะหนึบอย่างแรง แต่ด้วยพลานุภาพแห่งศีลข้อนี้ ทำให้มีความยับยั้งชั่งใจ ระงับทางกายและวาจาเพื่อให้เห็นใจดีดดิ้นมากขึ้นค่ะ

ข้อ ๔ พูดปด ดูเหมือนว่า หนูเลี่ยงข้อนี้มาก ๆ แต่ลึก ๆ แล้ว แม้หนูจะพูดความจริง ว่าด้วยความซื่อสัตย์กับคำพูดตนเอง หนูยังทำได้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูต้องระมัดระวัง ยิ่งเวลาเผลอ ไม่ต้องอยู่กับคนอื่น ก็คิดเพ้อเจ้อ หรือ พูดเพ้อเจ้อไร้สาระได้ค่ะครู

ข้อ๕ เหล้าหนูไม่ดื่มอยู่แล้ว แต่ความประมาทนั้นเกิดขึ้นในใจบ่อย ๆค่ะครู หนูครองสติได้ไม่สมบูรณ์นัก บางทีก็ทำให้รู้สึกว่า ถ้าปล่อยให้ฟุ้งซ่านไปนาน ๆ หนูต้องเป็นบ้าแน่ ๆ เลย ฉะนั้นการมีสติจึงจำเป็นและสำคัญกับหนูมาก ๆ ค่ะครู

 

เลยเวลาออกกำลังกายมาเกือบชั่วโมงแล้ว หนูขอตัวไปวิ่งออกกำลังกายก่อนนะคะครู หนูรักครูเสมอ สิ่งที่ครูหยิบยื่นให้ทุกครั้ง ไม่มีสิ่งล้ำค่าใดในโลกจะมาทัดเทียม

 

กราบขอบพระคุณครูค่ะ

หมายเลขบันทึก: 334492เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2010 07:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อยากหัวเราะดังๆ ... มันต้องอย่างนี้สิ

นี่แหละคือ "ชีวิต"

Zen_pics_007 

อ่านความคิดเห็นพี่ปุ๋มแล้วรู้สึกมีกำลังใจค่ะ และมาร่วมหัวเราะอีกคน

ทำให้หนูกลับมาอ่านทวนบันทึกอีกรอบ และหลาย ๆ รอบ

บทเรียนอันล้ำค่า เพื่อการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ

กราบขอบพระคุณค่ะ

มาร่วมหัวเราะดังๆให้กับ

การใช้ "ชีวิต"ด้วยจ้ะ...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท