พลาย
พลายพิชัย พลาย ิศิริอรรถ

ได้อย่างที่คิด


คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น
เรียนจากหนังสือเรื่อง "ได้อย่างที่คิด" ของคุณบุญเกียรติ  โชควัฒนา
"การบันทึกความคิดดี ๆ ลงในจิตใต้สำนึก ไม่เพียงจะก่อเกิดพลังสติปัญญา หนุนให้มีความรู้สึกดีต่อผู้อื่นและตนเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะท้อนกลับนำความดีงามนั้นมาสู่ตัวเราอีกด้วย นี่คือหนทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืนของนักธุรกิจระด้บพันล้าน บริษัทไอ.ซี.ซ๊ ในเครือสหพัฒน์" ข้อความที่โปรยไว้บนปกหนังสือ ที่เขียนโดยคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเป็นการบอกเล่าผ่านประสบการณ์ตรงตลอดช่วงชีวิตที่ผ่าน มา ซึ่งประกอบไปด้วยแนวคิด เรื่องหลักคิดของตัวเอง ว่าคนเราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคิดบวกตลอดเวลา เพราะการคิดบวกจะทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดี ซึ่งการคิดบวกนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้นานมาแล้วถึง ๒๕ ศตวรรษ โดยพระองค์ทรงบอกไว้ในมรรค ๘ คือ คิดบวก (สัมมาสังกัปปะ) พูดบวก (สัมมาวาจา) ทำบวก (สัมมากัมมันตะ) หรือพูดอย่างที่เราทุกคนได้ยินจนชินชารูหูก็คือ คิดดี พูดดี ทำดีนั่นเอง และก็อย่าลืมนะครับว่า มรรค คือแนวทางในการดับทุกข์ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ หากเราต้องการนำมาประยุกต์ใช้แบบใช้คำในยุกต์สมัยนี้ก็คือต้องเป็นคนคิดบวก ตลอดเวลา คิดบวกกับทุกคน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะคิดบวก พูดบวก และทำบวกกับเราหรือไม่ก็ตาม เราก็ต้องสามารถคิดบวก พูดบวก และทำบวกกับเขาให้ได้ทุกสถานการณ์ เหมือนการทำบุญโดยไม่หวังผลตอบแทน
หลักคิดอย่างที่สองในหนังสือคือหลักคิดเรื่องโลกร้อนที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญ ของโลก วันนี้เราทุกคนต้องช่วยกันลดการใช้พลังงานที่ทำให้เกิดก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์
หลักคิดอย่างที่สามในหนังสือคือเรื่องของชาติไทยและคนไทย ที่เราต้องหันมาปลุกกระเเสชาตินิยมและค้นหาข้อดีของคนไทยแล้วร่วมกันพัฒนา ประเทศชาติ และสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงแล้วก้าวไปพร้อมกัน อย่าให้ความสำคัญกับต่างชาติมากเกินไปแล้วมาดูถูกคนไทยเสียเองว่าสู้คนอื่น เขาไม่ได้
หลักคิดอย่างที่สี่คือเรื่องคิดค้า คิดขาย ในยามที่เกิดภาวะวิกฤติเราต้องคิดที่จะต่อสู้เพื่อเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ให้ได้ต้องคิดว่าเราต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคไปได้
หลักคิดที่ห้าเรื่องจิตวิญญาณและการอธิษฐาน เป็นการพูดถึงเรื่องการทบทวนว่าจริง ๆ แล้วเราเกิดมาทำไม เรื่องของชาติภพ คนต่างจากสัตว์ตรงไหน ในบทนี้ผู้เขียนได้เขียนเล่าว่า เมื่อ ๑๕ ปีก่อนท่านได้กล่าวกับผู้บริหารหลายท่านที่สนามกอล์ฟเลกวู๊ดว่า "ผมเชื่อว่าในอนาคตมีคน ๔ คน ที่ผมทำนายว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และวันนี้ผมทายถูกมาแล้ว ๓ คน คือ ๑.พลเอกเชาวลิต ยงใจยุทธ ๒. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ๓.คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยังเหลืออีกหนึ่งคนเท่านั้นที่ยังไม่เปิดเผย" ในหนังสือยังเล่าอีกว่า นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกอีกหลายสมัย เพราะท่านเกิดมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี"
ข้อคิดที่ดีอีกเรื่องในบทนี้ก็คือเรื่องของการ อโหสิ อโหสิ อโหสิ เพราะการการให้อโหสิซึ่งกันและกันด้วยใจจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเราต่อ เรื่องนั้น ๆ หมดไปทำให้สบายใจและไม่มีการจองเวรซึ่งกันและกัน
ข้อคิดสุดท้ายที่น่าคิดมาก ๆ ก็คือ การกลับบ้านแดนนิพพาน ย่อหน้าสุดท้ายในหนังสือเขียนไว้ว่า "การที่คนเรากลับสู่นิพพานเสมือน กลับบ้าน ที่เราได้จากมา อาจารย์ปริญญายังสอนผมอีกว่า ดวงจิตทุกดวงบนโลกได้รับอนุญาตให้ออกมาจากแดนนิพพานโดยพระผู้สร้าง และถือรหัสที่จะมาเป็นเพื่อนกับโลก และเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ทุกดวงจิตก็ต้องกลับบ้านคือ แดนนิพพาน"
สรุป ถ้าจิตสำนึกคิดหรือนึกอะไรดี ๆ จิตใต้สำนึกก็จะบันดาลหรือเหนี่ยวนำสิ่งดี ๆ นั้นให้เกิดขึ้น ดังที่เราเคยได้ยินบ่อย ๆ ว่า "คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น" หรือจะพูดอีกอย่างว่า ความคิดมีตัวตน คนเราจะเป็นอย่างที่เขาคิด นั่นเอง...
หมายเลขบันทึก: 332946เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2010 06:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • น้องค่ะ
  • ชอบบันทึกนี้นะคะ
  • ขอบคุณที่ไปเยี่ยมกันค่ะ

ยินดีทีี่ได้รู้จักครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท