การดูแลผ้ป่วยด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ (ตอนอวสาน)


มิตรภาพระหว่างชีวิต

กลับมาแล้วค่ะ...ต้องขออภัยท่านที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด  และฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายสำหรับผู้หญิงสู้ชีวิตและมีเชื้อเอชไอวีเป็นเพื่อนมาตลอด 10กว่าปี...

ความเดิมตอนที่แล้ว  หลังจากที่ส่งตัวเธอไปรักษา รพ.ประจำจังหวัดและเธอก็ได้รับทราบความเจ็บป่วยของเธอ..ว่าที่เธอแน่นท้องมาตลอด 1-2 เดือนนั้น  เป็นผลมาจาก...มะเร็งปากมดลูกได้ลามไปที่ตับแล้ว...และเธอตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีค่ามากที่สุด...

หลังจากที่เธอตัดสินใจกลับมารักษาต่อ รพ.ปะทิว แพทย์ให้นอน รพ. รักษาตามอาการนอนได้ 3 วันเธอขอกลับบ้านเพื่อไปดูแลเจ้าตูบที่เธอผูกพัน..หลังจากกลับไปญาติพี่น้องเธอให้การต้อนรับ  ดูแลอย่างอบอุ่น  ซึ่งเธอไม่เคยได้รับการต้อนรับและไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเช่นนี้มาก่อน...พี่น้องของเธอจัดห้องพักที่พร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก โทรทัศน์  พัดลม ของใช้ที่หยิบใช้ได้อย่างสะดวกสะบาย...เธออาจจะไม่ชินกับสถานภาพที่เธอกำลังได้รับ...เธอขอพี่น้องเธอว่า...ฉันยังเดินได้   ช่วยเหลือตัวเองได้  ฉันไม่ได้ล้มป่วย ฉันขอให้ทุกคนปฏิบัติต่อฉันเหมือนเดิม  ให้ฉันทำอะไรได้ด้วยตนเอง...ทุกคนทำตามที่เธอขอร้อง...เธอใช้ชีวิตของเธอตามอัตภาพภายในบ้านที่บรรยากาศดูสะดวกสบาย  อบอุ่นด้วยญาติพี่น้อง  ...  เธอดูแข็งแรงไม่กี่วันอาการเธอทรุดลงอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอยังยิ้มทั้งน้ำตา  เมื่อพี่เลี้ยงและเพื่อนไปเยี่ยม...เธอสัญญาว่าเธอจะไปเข้าร่วมกลุ่มและพบเพื่อนที่กลุ่มตะวันฉายในวันที่  2  พ.ย. ให้ได้..

และวันที่ 2 พย. วันที่เธอรอยคอยก็มาถึง..พี่เลี้ยงขับรถไปรับเธอที่บ้าน  เธออาบน้ำแต่งตัวรออย่างมีความสุข...พอมาถึงกลุ่มเพื่อนเธอมีรอยยิ้มที่มีความสุข...แต่มองไปอีกมุมภายใต้รอยิ้มของเธอ...กลับมีเพื่อนหลายคนที่เปี่ยมล้นด้วยน้ำตา...มีรอยยิ้มทั้งน้ำตาตอบกลับให้เธอ...เธอบอกเพื่อนๆว่า "ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ได้อีกนานมั๊ยเดือนหน้าไม่รู้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า"..เพื่อนๆให้กำลังใจให้เธอสู้ๆและเข้มแข็ง...เธอรับกำลังใจนั้นมาด้วยความอิ่มเอิบ...ท่ามกลางน้ำตาทั้งของเธอและของเพื่อน...หลังจากเพื่อนๆแยกย้ายกันกลับบ้าน  เธอได้นอนรอพี่เลี้ยง  เพราะอีกหนึ่งอย่างที่เธอรอคือ...วันนี้วันลอยกระทง  เธอไม่ได้ลอยกระทงมานานมาก  พี่เลี้ยงถือโอกาสนี้พาเธอไปลอยกระทงในที่ๆเธออยากจะไป...เราไปลอยกระทงกันที่วัดถ้ำทะเลทรัพย์...ซึ่งมีหนองน้ำใหญ่อยู่หลังวัดและขณะเดียวกัน อบต.ทะเลทรัพย์กำลังจัดงานลอยกระทงพอดี...เธอได้อธิษฐานท่ามกลางเทียนกำลังสว่างโชติช่วงกลางกระทงของเธอ...พี่เลี้ยงสังเกตแววตาเธอ...เธอมีรอยยิ้ม  มีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข...หลังจากนั้นก็ได้พาเธอนั่งรถเที่ยวรอบอาณาบริเวณที่ๆเธอเคยไปท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปราย..พาไปเที่ยวเส้นทางรอบตำบลชุมโค...ระหว่างทางเธอก็ได้เล่าเรื่องราวสถานที่ๆเธอผ่านให้พี่เลี้ยงฟัง...เย็นมากแล้วกลัวเธอไม่สบาย  ส่งกลับบ้าน..เธอมีความสุขมากที่ได้ไปธรรมชาติและเธอสัญญาว่าจะดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีที่สุด...หลังจากวันนั้น...ไม่กี่วันเธอก็ล้มป่วยลง  ด้วยอาการมีไข้แน่นท้อง กินได้น้อย ถ่ายเป็นเลือดวันหลายครั้ง...

...และเช้าวันที่  14 พ.ย. 52 พี่เลี้ยงได้ฝากแอปเปิ้ลที่เค้าอยากกินไปกับคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง...และเวลา 16.45 น. ได้รับแจ้งจาก 1669 ให้ออกรับผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบ  ที่บ้านหินกบ ต.ชุมโค อ.ปะทิว...(เราใจหายว๊าบ)...รถAmbu lance วิ่งออกไปรับ...เรามั่นใจว่าต้องเป็นบ้านของเธอ...ภาพที่เราเห็นตอนนั้น...เธอนอนนิ่ง  หายใจเฮือกๆ  ตาลอย ปากซีด ...ตาทั้งสองข้างของเธอเปี่ยมล้นด้วยน้ำตา...

รีบพาเธอเคลื่อนย้ายขึ้นรถพร้อมให้ออกซิเจน  เราให้กำลังใจเธอตลอดทาง...เมื่อถึงห้องฉุกเฉิน  ญาติยังไม่มามีเพียงเพื่อนผู้มีเชื้อยืนเป็นเพื่อนข้างเตียง...เธอบอกกับพี่เลี้ยงว่า...หมอปล่อยให้ฉันไปอย่างสงบเถอะ  อย่าช่วยให้ฉันรอดเพื่อเป็นภาระของหมอเลย(พี่เลี้ยง)...เราให้กำลังใจอย่างเดียวและปล่อยให้เธอเข้าไปนอนพักที่ห้องอย่างสงบ...

...เธอนอน รพ. 3วัน 2คืน เธอตลอดเวลาจะมีเสียงบรรเพลงบรรเลงและบรรยายธรรมมะของงานสุขภาพจิต  เราทำ Dead & Dieing กับรายนี้แล้วได้ผล ตลอด 24 ชม. โดยมีเพื่อนผู้มีเชื้อซึ่งเป็นเพื่อนรักต่างวัยคอยนั่งเฝ้าและคอยดูแลเธอตลอดเวลาท่ามกลางน้ำตาที่เต็มไปน้ำใจของมิตรภาพ  เธอกินเพื่อนได้กิน เธอหลับเพื่อนไม่หลับ เธอเหนื่อยหอบ  เพื่อนเหนื่อยกว่า 2 เท่า...เพื่อนคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัว  ป้อนน้ำป้อนท่าและคอยรายงานอาการพี่เลี้ยงตลอด 24 ชม....อาการของเธอน่าเป็นห่วง..เธอเริ่มล้าลงเรื่อยๆ  ตาเริ่มลอย  หายใจช้าลงๆๆๆวัดชีพจรไม่ได้  เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างเตียงร้องไห้จนตาบวม...และเวลานั้นก็มาถึง...

...เช้าวันที่  17 พ.ย. 52 เธอตื่นขึ้นมาหน้าตาสดชื่น พูดคุยรู้เรื่อง ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม เพื่อนทาแป้งให้หน้าขาว ทานอาหารได้หลายคำ  หลายคนเห็นก็ดีใจว่าเธออาการดีขึ้นและปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนสบาย...เธอหลับไปจริง...

..เวลา 10.45 น.ได้รับโทรศัพท์จากผู้ปกครองของผู้มีเชื้อที่เรากำลังติดตามการรักษา..."หมอเข็มน้อง...ไปสบายแล้วนะ...น้องเค้าจากแม่ไปอย่างสงบแล้ว..."เธอก็วางสายไป...อะไรนี่  เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานยังคุยกันอยู่เลย..คืออะไร..(เก็บไว้ในใจก่อน)...หลังจากนั้นห่างกันไม่ถึง 15 นาที คนงนในตึกผู้ป่วยหญิงเดินมาขอหนังสือรับรองการตายที่ห้องฉุกเฉิน...เราก็ถามว่า "ใบรับรองการตายของใคร...มีคนไข้หนักด้วยเหรอ..."คนงานตอบว่า"คนไข้น้องนั่นล่ะ"...โอ้พระเจ้า! 2 คนพร้อมกันเลยหรือนี่...วินาทีนั้นคนที่เราเป็นห่วงมากที่สุดคือ...ผู้มีเชื้อที่เฝ้าไข้ใกล้เตียงนั่นเอง  รีบวิ่งเข้าไปในตึกผู้ป่วย  เธอโผลกอดพี่เลี้ยงในตาของเธอบวมเป่งท่วมท้นด้วยน้ำตา  ร้องไห้สะอึกสะอื้นและบอกว่า..."พี่...เค้าไปแล้ว...เค้าไม่ได้บอกลาอะไรเลย แกไปแล้ว..ฮือๆๆ"...

...ภาพของเธอสวมชุดโรงพยาบาลนอ นตาลอย  อ้าปากหวอ สายออกซิเจนยังเสียบคาที่จมูก หน้าเธอยังเต็มไปด้วยแป้งฝุ่น  เราเดินไปนั่งที่เตียงคนไข้ ใช้มือซ้ายปิดตาที่ล่องลอยให้ปิดสนิท และมือขวาจับมือข้างซ้ายของคนไข้ และบอกว่า  ไปสู่สุขขะตินะ อย่าได้ห่วงคนข้างหลัง  ให้ดูแลตัวเองอย่างที่เคยดูแล...หลับให้สบาย...หลังจากนั้นก็จัดท่าใหอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่ญาติสามารถมารับและยกเค้ากลับบ้านได้อย่างปลอดภัย...มองรอบๆหัวเตียงผู้ป่วยยังมียาต้านไวรัส 1 เม็ดในแก้วหนึ่งใบ กับน้ำแดง 1 แก้ว..เพื่อนบอกเธอยังไม่ได้กินยาต้านไวรัสมื้อเช้าเลย...เราก็พยักน้ารับทราบและบอกไม่เป็นไร...และหลังจากนั้นเราก็โทรติดต่อญาติๆและเพื่อนๆที่สามารถติดต่อได้...การแจ้งข่าวร้ายกับญาติเป็นสิ่งที่ท้าทายกับเรามาก...ทุกคนตกใจกับสิ่งที่เราแจ้งไปและทุกคนก็สงบลงได้เมื่อเราบอกเหตุและผล...

....ชีวิตเจอจากไปอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมาน  ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง...  เธอเป็นผู้มีเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนคนหนึ่ง  เธอไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆในการดำรงค์ชีวิต  เธอไม่เคยอับอายกับคำเล่าลือและการตีตราของชาวบ้านว่าเธอเป็นเอดส์  เธอกลับได้โอกาสจากสังคมในการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทั้งเบี้ยยังชีพ  ทั้งให้ทำงานในพื้นที่และให้เธอทำงานรับจ้างที่เธอไม่เคยเกี่ยงว่าจะหนักหรือเบา..เธอมีความสุขกับสิ่งที่เธอทำ  เธอมีความสุขกับสิ่งที่เธอมี...และเธอมีความสุขกับการที่เป็นเอดส์ ...เธอฝากพี่เลี้ยงให้เล่าเรื่องชีวิตเธอและเผยแพร่ประวัติของเธอกับเด็กๆรุ่นหลัง...ขอบคุณที่ฉันเป็นเอดส์ ...จาก  นางรอน  พิมพ์สุวรรณ...

...บทเรียนชีวิตที่ได้ในครั้งนี้...คือมิตรภาพระหว่างชีวิต  ถ้าเราไม่ให้ใจกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์  เขาเหล่านั้นจะไม่มีชีวิตมาอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้...ท่านคือหนึ่งกำลังใจที่สำคัญสำหรับพวกเขา  คุณไม่ใช่แค่พยาบาลประจำคลินิก คุณไม่ใช่แค่พยาบาลพี่เลี้ยง/ที่ปรึกษา  แต่คุณคือญาติคนหนึ่งของพวกเขาเหล่านั้น...

*****จบบริบูรณ์*****

 

 

หมายเลขบันทึก: 331927เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2010 23:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ไม่รู้จะกล่าวถ้อยคำใดๆแทนใจขณะนี้ได้

ในการทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราว

ดุจดั่งนักเขียนปากกาทอง

ของ คุณเข็มสิริ

น่าชื่นชมมากค่ะ กับทุกสิ่งที่เราได้ทำ

ให้ใจจริงๆ ในการดูแลผู้รับบริการเค้าจะรับรู้ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ และให้กำลังใจตัวเองด้วย เพื่อนร่วมวิชาชีพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท