เมื่อสาวๆได้ออกไปต่างเมือง คงอดไม่ได้เรื่องช้อปปิ้ง
มาสะหวันนะเขตรอบนี้ไม่มีที่ให้ช็อปปิ้งมากนัก หรือจริงๆแล้วมี?... แต่เราไม่มีโอกาสก็ไม่รู้
แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในทีมทำงาน เพราะเพียงเย็นวันนี้วันเดียวก็แสนคุ้มแล้วในมุมมองของผู้เขียน...
เราแวะดู "ร้านละหา Laha" ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายผ้าฝ้ายทอมือของชาวสะหวันนะเขต...
ด้านซ้ายมือเป็นห้องโชว์และจำหน่าย ที่มีทั้งผ้าชิ้นและตัดเย็บแล้ว
โดยส่วนตัวแล้วในระยะหลังๆมานี่ผู้เขียนไม่ค่อยได้ใช้ผ้าฝ้ายเท่าใดนัก ทั้งๆที่ก็ชอบเพราะใส่สบายตัว แต่เพราะจำกัดเวลาของตนเองในการดูแลเสื้อผ้า จึงพยายามประหยัดเวลาในการซักรีด ประเภทของผ้าที่เลือกใช้ช่วงหลังๆจึงมักเป็นประเภทพับทบยังไงๆก็ไม่ค่อยยับ ยิ่งเป็นเสื้อยืด กางเกงยีนจะยิ่งชอบ....
แต่มาลาวรอบนี้... ตบะแตก...
(...แต่บางท่านคงปลงลูกศิษย์...)
ยิ่งได้ฟังเรื่องเล่าของคุณลุงธง – คุณป้าสง ละหาสิน เจ้าของร้านละหา ในสะหวันนะเขต เกี่ยวกับผ้าฝ้ายที่คุณลุงและคุณป้าลงมือลงแรงทำมานานจนเป็นประวัติศาสตร์แล้ว บอกได้คำเดียวว่าต้องซื้อให้ได้เก็บไว้ให้ระลึกถึงแน่นอนค่ะ
ด้านขวามือนั้นเป็นเรือนไม้ทรงโบราณที่ด้านล่างซึ่งเปิดโล่ง ที่ผู้เขียนชอบเรียกว่าใต้ถุน มีจักรเย็บผ้าหลายคัน ที่มีสาวๆและหนุ่มตัดเย็บกันอยู่
ชั้นบนของเรือนนั้น คุณลุงธงเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของเก่า
“ตอนพระเทพฯเสด็จมาสะหวันนะเขตน่ะ ได้แวะมาที่นี่ด้วย”
จากคำบอกเล่าที่บ่งบอกถึงความสุขของคุณลุงธงทำให้เราไม่เกรงใจที่จะขอขึ้นไปชมทั้งๆที่เริ่มจะมืดค่ำแล้ว
ตอนเราไปเดินดู อดตื่นตาตื่นใจกับของเก่าของคุณลุงไม่ได้ ถ่ายรูปกันใหญ่
“ทำไมมากันค่ำนัก เลยมองไม่ค่อยเห็น”
“นี่เป็นสินสอดที่ไปขอสาว...” คุณลุงบอกผู้เขียน ผู้เขียนไม่กล้าซักถามว่าสาวคนไหน?เพราะเกรงใจ แต่เหมือนคุณลุงจะอ่านใจออก
“...ก็สาวคนนี้แหละ...แหะๆ...” พูดแล้วก็ดูคุณลุงออกจะเขินนิดๆ
“งั้นนี่ก็เป็นห้องหอน่ะซีคะ....” ^_^ ผู้เขียนถามถึงห้องที่เก็บสินสอด แล้วก็แอบเห็นคุณลุงธงพยักหน้าแล้วอมยิ้ม
ผู้เขียนจำเรื่องเล่าที่เป็นวิชาการของคุณลุงไม่ได้มากนัก แต่หากเป็นวิถีชีวิตทั่วๆไปของคุณลุงละก้อ ชอบที่จะฟัง… แล้วคล้อยตาม เลยไม่จำ
คุณลุงเก็บเครื่องมือทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับอดีตไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือปั่นฝ้าย ทอผ้า ครก
เป้สะพายหลัง ที่สาธิตให้ดูด้วยว่าสะพายแล้วไม่เมื่อยเพราะลักษณะไม้ที่ทำเป้นวดหลังไปด้วยขณะเดิน
หรือแม้แต่หวีที่ขนแปรงทำจากขนหมี (ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิด...)หรือขนสัตว์อะไรสักตัว
เราตามลงไปชั้นล่าง ดูด้านหลังที่เป็นที่ย้อมฝ้าย มีหลายบ่อ...และจะโชว์บ่อใหญ่ที่ย้อมคนได้ด้วย...555...
คุณลุงเล่าว่าชาวญี่ปุ่นชอบผ้าฝ้ายมาก
มีคำถามว่า รู้มั้ยว่าสีครามจริงๆเป็นสีอะไร?
ในใจผู้เขียนก็ตอบว่า... ก็สีครามไง
นี่ไงคะ...คุณลุงเทน้ำสีครามให้ดู มันออกสีน้ำตาลอ่อนๆ
“มันเปลี่ยนสีเวลามันโดนอากาศเพราะมันเกิดออกซะเดชั่น” ... อ้อ...
แล้วก็มีคำถามเกี่ยวกับสีครามอีกมากมาย
มีฝ้ายที่ย้อมแล้วสีสวยงาม
เราอำลากันด้วยภาพถ่ายและการจับจ่ายของชอบของแต่ละคน
ผู้เขียนได้ของชอบมาหลายชิ้นเชียวแหละ...อิอิ
ถูกใจมากกับของทุกชิ้นที่ได้จากร้านคุณลุงในวันนั้นค่ะ
พี่ติ๋วคะ
ดูในภาพแล้ว ท่าทางจะถือของหนักน่าดูเลยนะคะ เชื่อแล้วว่าได้ของชอบมาหลายชิ้น :)
สวัสดีค่ะ น้องมะปรางค์
พี่ขาว กับน้องติ๋วคงได้หลายชิ้นจริงๆ แต่พี่อ๋อยคงไม่ได้ซื้ออะไรนะนี่
ถ้าพี่แก้วไป คงถูกคอกันแน่ เพราะชอบผ้าคราม
ที่เมืองไทย ผ้าครามจะแพงมาก
โห..shop แบบมีคุณค่าจริงๆค่ะพี่ติ๋ว
สวย..ใช้ดี 555
สวัสดีค่ะ พี่แก้ว
ท่าทางจะถูกใจคุณน้อง...555"""
ตามมาเที่ยวต่างประเทศกับทีมค่ะ ชอบวัฒนธรรมเเละผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมือค่ะ ว้าว! พี่ขาว พี่อ๋อย ท่านอาจารย์เจ เจ ครบทีมเลยนะคะพี่ติ๋ว
สังเกตว่าได้มาหลายชิ้นทีเดียวค่ะ
ดูที่ถุง..
น้องกุ้งนาง กุ้งนาง สุธีรา
สวัสดีค่ะ คุณครู ป.1