MMM@NIDA: ผู้ใหญ่เขาทำอะไรกันนะ?!!


นตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี

น้องกะเหรี่ยง เนปาลี เขียนในหนังสือ you and me : only once meet  พี่คนสวยกับน้องกะเหรี่ยง 1 (หน้า98) ตอนหนึ่งว่า

“..พี่คงเหนื่อยมาก ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของคนโต ไม่รู้สินะ ถ้าในสายตาของต้อมแล้วคงมองเห็น สิ่งที่คนโตทั้งหลายเป็นอยู่ก็คือ...ทำอะไรกันเนี่ย? พร้อมๆ กับส่งสายตาไปถาม ถามโดยที่ไม่ไม่ได้อยากจะเอาคำตอบ แค่เพียงรู้สึกว่า คนโตเขาทำอะไรกันกับสิ่งที่น่าปวดหัว สู้มาวาดรูปเล่นเย็นใจดีกว่า....” 

ผมว่า ดีแล้วละที่น้องต้อมถามโดยไม่ต้องการคำตอบ เพราะไม่แน่ว่าหลังจากได้คำตอบจากคนโตแล้ว จะได้รับความกระจ่างหรือทำให้น้องต้อมมึนงงหนักกว่าเดิมก็เป็นได้

ทำไมหรือ?

บางทีผู้ใหญ่หรือคนใหญ่คนโต จะไม่ตอบคำถาม หรือว่าบอกอะไรตรงๆ
ท่านจะตอบแบบ วกๆ วนๆ ขี่ม้าเลียบค่ายสักสองสามรอบ ดูเหมือนจะตอบคำถาม
ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนไม่ได้ตอบคำถามอะไรเลย  
ท่านคงจะอยากให้เด็กๆ ไปคิดหาคำตอบเอาเอง
ถ้าบังเอิญคิดออกก็ถือเป็นวาสนาของเด็กไป..อิอิ

 

ผมเพิ่งเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาหมาดๆ

ในชั่วโมงฝึกอบรมหลักสูตร MMM (Mini Master of Management Program) หัวข้อแรก ว่าด้วยเรื่อง  “คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับนักบริหาร” มีประเด็นคำถามให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมขบคิดตลอดเวลา 3 ชั่วโมง ที่นั่งฟังการบรรยาย แต่คิดแล้วคิดอีก จนเหงื่อซึม ทั้งที่อุณหภูมิห้องเย็นยะเยือกจนคางแทบสั่น (เพื่อนบางคนแซวว่ากลัวถูกจัดระเบียบหรือไงนั่งตัวสั่นเชียว..หุๆๆ) คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

คำถามที่ว่า มีอะไรบ้าง ลองพิจารณาคำถามส่วนหนึ่งเหล่านี้ดูนะครับ  เรารู้จักโลกที่เราอยู่ดีหรือยัง? โลกมีอายุกี่ปี? ดวงจันทร์เกิดขึ้นได้อย่างไร จะหายไปจากท้องฟ้าไหม? ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ได้อย่างไร เมื่อไหร่? ความเร็วแสง? ทางช้างเผือก? ชาร์ล ดาร์วิน? Tissue culture?  ปัจจัยอะไรที่เป็นตัวกำหนดเพศของลูกจระเข้? เราควรรับประทานผัก/ผลไม้ให้ได้อย่างน้อยวันละกี่กรัม?

เอ..เราอยู่ในชั่วโมงวิชาอะไรเนี่ย?!!

ดูเหมือนเรากำลังอยู่ในชั่วโมงวิทยาศาสตร์? 

 ช่วงเวลาพักเที่ยง ผมกับเพื่อนๆ ต่างยิงคำถามใส่กัน ด้วยคำถามเดียวกันว่า อาจารย์ต้องการบอกอะไรเรา? โดยส่วนตัวผมเองยังให้คำตอบไม่ได้ ก็เลยบอกเพื่อนๆ ไปว่าขอเวลาคิดสักสามวัน (..อิอิ..)

ผ่านไปอีกสองคืน ก็ยังคิดไม่ออก

จนกระทั่ง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ชมรายการรอบดึกของช่องโมเดิร์นไนน์  ผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ดาราและผู้กำกับชื่อดัง “เฉินหลง” หรือ แจ็คกี ชาน (Jackie Chan) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Jackie Chan Charitable Foundation

พระเอกคนดังพูดได้น่าฟัง ว่า เขาตั้งมูลนิธิมาเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ตอนนี้เขาสร้างโรงเรียนหลายแห่งทั่วโลก เงินที่ผู้บริจาคทุกๆ 1 เหรียญ เขาจะออกสมทบให้อีก 2 เหรียญ 

เขาพูดว่าตอนนี้โลกของเรามีปัญหามากมาย เราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราควรรักประเทศของเรา รักครอบครัว รักตัวเอง ประเทศชาติไม่ใช่ของคุณคนเดียว ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของผมด้วย ประเทศชาติเป็นของเราทุกคน

คุณธรรมจริยธรรมกำลังเสื่อมถอย

พระเอกยอดนิยม กล่าวอีกว่า การ Copy ภาพยนตร์ (CD หนังปลอม) เป็นสิ่งไม่ควรทำ  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใครตาย เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าในตอนนี้ก็คือ การทำยารักษาโรคปลอม คนกินแล้วสุขภาพเสียหาย บางคนผลิตอะไหล่เครื่องบินปลอม ทำให้เครื่องบินตกมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก  หรือบางคนผลิตเบรกปลอม ทำเอารถเกิดอุบัติเหตุ  ซึ่งล้วนทำให้คนตายไปไม่น้อย  ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากความบกพร่องทางคุณธรรมจริยธรรมและความเห็นแก่ได้ของคน   

 

ผมเริ่มถึงบางอ้อ...หลังจากเดินวนอยู่ในบางเอ๊ะ-บางเอ๋อ ตั้งนานถึง 2 คืน จึงได้คำตอบว่าผู้ใหญ่ต้องการสอนอะไร

สังคมของเรากำลังมีปัญหาคุณธรรมจริยธรรมเสื่อมถอย เป็นเพราะความเชื่อที่ว่า ถ้าอยากรวยก็ต้องรู้จักโกง หรือคุณธรรมจริยธรรมกับการทำธุรกิจไปด้วยกันไม่ได้ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด

คุณธรรมจริยธรรมควรเข้าไปแทรกอยู่ในทุกๆ วิถีการดำเนินชีวิต และแทรกอยู่ในโครงสร้างของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม หรือในส่วนอื่นๆ

“..คุณธรรมจริยธรรมไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคล หรือบุคคลต่อสังคม  หากยังครอบคลุมถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อสัตว์ ชนิดพันธุ์ และสิ่งแวดล้อม จริยธรรมไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบต่อบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีควรครอบคลุมถึงบริษัทและประเทศ..” *

ผมคิดว่า

ลำพังการได้นั่งในห้องฝึกอบรม ฟังการบรรยาย หรือการนิมนต์พระมาเทศนาสั่งสอนธรรม ไม่ได้ช่วยให้คนมีคุณธรรมจริยธรรมขึ้นมาในชั่วข้ามคืน  

สังคมทั้งหมดต่างหาก ที่ต้องมีความตระหนักร่วมกันในการปลูกสร้าง ประคบประหงม ประคับประคอง รวมทั้งเรียกร้องและกดดันให้คนมีคุณธรรมจริยธรรมให้มากขึ้น

ผมเข้าใจว่า ผู้ใหญ่ไม่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่าอะไรคือ “ดำ” อะไรคือ “ขาว” แต่จะบอกเราว่า ให้ลองเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อชีวิต ต่อเพื่อนบ้าน ต่อชุมชน ต่อประเทศชาติ หรือแม้กระทั่งทัศนคติที่มีต่อโลก เสียใหม่ จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงถึงกันและกัน 

โลกทั้งใบคือหนึ่งเดียว
มองทุกอย่างตามที่มันเป็น ไม่ใช่มองตามที่อยากให้มันเป็น  
แก้ปัญหาด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล  ความสงบสันติจึงจะเกิดขึ้นในสังคม

ขอขอบคุณ ศ.ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์  อาจารย์ผู้สอนชั่วโมงแรกในหลักสูตร MMM จัดโดย NIDA  นอกจากจะทำให้ได้รับความรู้มากขึ้น ผมและเพื่อนๆ ยังถูกกระตุ้นให้ฉุกคิดด้วย


สมกับ พุทธภาษิตประจำสถาบันคือ "นตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี"

..โดยแท้เลย..

อ้อ..ถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมรับประทานผักผลไม้ให้ได้อย่างน้อยวันละ 500 กรัมนะครับ

 


[* พระไพศาล วิสาโล. ลงหลักปักธรรม. สำนักพิมพ์มติชน. 2552. หน้า 83] 

หมายเลขบันทึก: 330180เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2010 23:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 18:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

คุณพิทักษ์

  • ยินดีสำหรับ "ศิษย์รุ่นน้อง" สำหรับ MMM
  • รุ่นนี้มีพระที่มหาจุฬาฯ ส่งไปเรียนด้วยสองรูป คือ ท่านศรีทน และท่านวีรชนม์
  • อาตมารุ่นที่ ๔๓  ได้ฟังอาจารย์ปุรชัยนำเสนอในประเด็นเช่นกัน ได้อะไรดีๆ เยอะมากจาก MMM
  • สมแล้วกับ NIDA ที่เน้น Wisdom for Change ที่สอดรับกับ ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก
  • เจริญพร

ธุ ท่านหัวหน้าค่ะ..

กำลังอู้งาน(ออฟฟิศ)ไปเดินโลตัส   ก็ได้รับ sms ว่าขอพาดพิงถึงเสียหน่อยในบันทึกใหม่    แน่ะ..ราคามิตรภาพ   บรรทัดแรกสองบาทครึ่ง   บรรทัดต่อไปยี่สิบห้าสตางค์  อุ๊บ!

น้องกะเหรี่ยงขี้สงสัยตั้งคำถามเอากับพี่คนสวยว่า..พี่คงเหนื่อยมาก  ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของคนโต    ไม่รู้สินะ ถ้าในสายตาต้อมแล้วคงมองเห็นสิ่งที่คนโตทั้งหลายเป็นอยู่ก็คือ..ทำอะไรกันเนี่ย?   พร้อมๆ กับส่งสายตาไปถาม    ถามโดยที่ไม่ได้อยากจะเอาคำตอบ     แค่เพียงรู้สึกว่า คนโตๆ เขาทำอะไรกันกับสิ่งที่น่าปวดหัว    สู้มาวาดรูปเล่นเย็นใจดีกว่าเสียก็ไม่ได้     ไม่รู้สินะ  ต้อมว่าไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆ   อยากก้าวหน้า   อยากมีตำแหน่งใหญ่โตต้องทำงานหนัก   อยากขับรถคันโต    มีเพื่อนฝูงล้อมหน้าล้อมหลังต้องทำงานหนัก     อยากมีชีวิตที่ดีต้องทำงานหนัก    อยากมั่งมี-พรั่งพร้อมต้องทำงานหนัก     อะไรกันนะคือเป้าหมายของผู้คนเกือบทั้งโลก  

หากชีวิตดีๆ ต้องแลกกับการทำงานหนัก   ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วล่ะก็..ต้อมคงเป็นคนตัวเล็กที่เกียจคร้านที่สุดในโลก  เพราะต้อมไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากหลับตานิ่งๆ หายใจเข้า-ออกในบางเวลา และ..อยากจะหยิบหนังสือมาอ่านเท่าที่ใจอยากจะอ่าน   อยากจะวาดรูปเท่าที่ใจอยากจะระบายแต่งแต้ม   อยากจะ..อยากจะ..อยากจะ..

หลายครั้งที่ต้อมถูกเหน็บแนมว่า เคยอยากได้อะไรเหมือนคนอื่นบ้างไหม?    เพราะถ้าสมาชิกในบ้านอยากได้โน่น-อยากได้นี่  พี่คงจะพอนึกออกนะ ว่าใครจะเป็นคนค้าน   อยากจะเปลี่ยนทีวี..จะเปลี่ยนไปทำไม? เครื่องเก่าก็ดีอยู่   อยากจะซื้อโน่น-ซื้อนี่..จะซื้อทำไม  มันจำเป็นด้วยหรือ?  ทำไมต้อมต้องมีเหตุผลมารองรับสำหรับการไม่อยากจะทำอะไรมากขนาดนี้นะ  เอ..ต้อมไม่อยากได้ -ไม่อยากมีอะไรจริงๆหรือเปล่าคะ?

เรื่องอยากได้-อยากมีเป็นเรื่องสมมุติทางโลกไม่ใช่หรือคะ?  เพราะโดยแท้แล้วคนเราเอาอะไรไปไม่ได้-เป็นอะไรไปไม่ได้    สิ่งเหล่านี้ การที่จะเอา-จะเป็น ล้วนแต่เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตาทั้งนั้น   ทำไมคนเราจะต้องทนทรมานอยู่ในวงกลมของความอยากด้วยนะ    เพราะต้อมไม่เข้าใจ หรือเป็นเพียงคนตัวน้อยที่แสนจะขี้เกียจ  

ขอให้ช่วงหลังบ่ายของพี่สงบบ้าง..  ก็ต้อมบอกแล้วไง  ว่าให้พี่ลองเป็นคนเล็กที่หลับตานิ่งๆ หายใจเข้ายาวๆ บ้าง   เพื่อรักษาความสมดุล   ต้อมว่าพี่ทำได้ดีล่ะค่ะ

 

แน่ะ  แถมยังมีบทส่งท้าย    ยุให้พี่คนสวยลองทำตัวให้เป็นคนเล็กที่หลับตานิ่งๆ หายใจได้ยาวๆ เข้าอีกแน่ะ   อิอิ ^^   ก็ต้อมแค่มองเห็นว่าพวกผู้ใหญ่เขาตั้งหน้าตั้งตาทำอะไรกัน    ซึ่งบางทีเด็กตัวเล็กๆ (เล็กมาก..ก..ก) อย่างต้อมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

 

ท่านหัวหน้าคะ..   ช่วงนี้ติดภารกิจฝึกอบรมหลักสูตร MMM (Mini Master of Management Program)หนักเหรอ???   เลยหายหน้าหายตาไปเสียนาน    และอิจฉาจังที่ได้เรียนรู้ในการถอดรหัสการสอนของศ.ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์    อิจฉาค่ะ..  ^^

 

สวัสดีครับ คุณพิทักษ์

  • คิดถึงครับ
  • อ.กั๊ตละสบายดีหรือเปล่า
  • บางเรื่องมันก็เกินสติปัญญาของเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราโง่
  • เพียงแต่เรารู้คนละอย่างกัน
  • คนเรามีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา
  • แต่ศักดิ์สรีความเป็นคนเท่าเทียมกัน
  • ขอบคุณมากครับ

นมัสการครับธรรมหรรษา

  • กราบ "ศิษย์พี่ครับ"
  • เพิ่งกลับจาก ก.ท.ม. ถึงบ้านตอนตี่ 4 เช้านี้ครับ
  • ผมได้ทักทายทำความรู้จักกับหลวงพี่จาก มจร.ทั้งสองรูป แล้ว และนั่งเรียนใกล้ๆ กันด้วยครับ
  • แล้วทราบว่าหนึ่งในสองรูปอยู่เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟเหมือนกัน
  • ชอบคำพูดของอาจารย์ที่ NIDA บอกว่า หน้าที่ของผมคือ "เปลี่ยน" พวกคุณ และตอนนี้รู้สึกหลายๆ คนใกล้จะเป็นอย่างนั้นแล้วครับ
  • ผู้เข้าอบรมหลายคนบอกว่าจบหลักสูตรนี้จะลงเรียนมหาบัณฑิตต่อให้รู้แล้วรู้รอด ประมาณว่า "ติดใจ+อยากรู้มากกว่าการฝึกอบรม"

กราบนมัสการครับ

 

น้องกะเหรี่ยงครับ

ต้อมว่าไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆ   อยากก้าวหน้า   อยากมีตำแหน่งใหญ่โตต้องทำงานหนัก   อยากขับรถคันโต    มีเพื่อนฝูงล้อมหน้าล้อมหลังต้องทำงานหนัก     อยากมีชีวิตที่ดีต้องทำงานหนัก    อยากมั่งมี-พรั่งพร้อมต้องทำงานหนัก     อะไรกันนะคือเป้าหมายของผู้คนเกือบทั้งโลก

อาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า

มีอย่างหนึ่งที่อยากแก้ไขความผิดพลาดในอดีต คือ อยากให้เวลากับครอบครัวและลูก มากกว่าเดิม

เพราะปัญหาที่พบคือ ลูกไม่คิดถึงพ่อเลย
เขาอยู่ได้โดยไม่ต้องมีพ่อ เพราะว่าพ่อไม่เคยมีเวลาให้เขา มีแต่เวลาให้กับงาน
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าตอนนี้พ่อคิดได้ และพอที่จะมีเวลาให้กับเขาบ้างแล้ว" แต่มันก็สายเกินไป"

เพราะเขาคงมีเวลาของเขาเองแล้วล่ะ

พ่อก็เลยมีข้ออ้างในการทำงานหนักต่ออีก

เออเนอะ..แล้วทำงานหนักกันไปเพื่ออะไร นิ

สวัสดีครับพี่เกษตรยะลา

..บางเรื่องมันก็เกินสติปัญญาของเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราโง่..

คนรุ่นเก่าบอกว่า "เราไม่ได้โง่ แต่เราไม่รู้"
เพียงแค่เรารู้ก็พบทางสว่าง
เหมือนคำของ NIDA ที่ว่า นตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี
..

ครูกั๊ต สบายดีครับ เขากำลังคร่ำเคร่งกับการเพิ่มเติมความรู้ให้ตนเองเหมือนกัน พักนี้เลยดูเงียบๆ ไป
ขอบคุณมากครับ

สงสัยมานานแล้ว  สองตายายเค้าหายไปไหนกันนะ

..เค้าแอบไปเรียนนี่เอง

^๐^

สวัสดีครับน้องหมีเชอรี่talaedao

สองตายายพากันหลบไปเรียน ก็เลยเงียบหายไป ไม่ใช่เรียนหนักนะ แต่ยุ่งๆ หลายเรื่อง

:)

สบายดีนะครับ

แวะมาลงเรียนด้วย อืมจริยธรรมจะเกิดขึ้นได้ไหมหนอในสังคมไทย

สวัสดีครับ อ.อ็อด naree suwan

เพื่อนในห้องคนหนึ่งไม่ยอมพกความสงสัยกลับบ้านเหมือนผม ก็เลยใช้ความกล้า (ปนบ้า -อิๆ) เดินเข้าไปถาม อ.ปุระชัย อย่างที่หลายคนสงสัยอยากถามว่า "อาจารย์ต้องการบอก/สอนอะไร?"

เพื่อนก็ได้คำตอบอย่างที่เรานั่ง "เดา" กันตอนพักทานข้าวเที่ยงครับ

..
หลายวันมานี้มีข่าวซื้อขายตำแหน่งฯ ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ แล้วบ่นว่า "ผู้ใหญ่เค้ากำลังทำอะไรกันน๊า"

ขอบคุณพี่พิทักษ์ ที่เอาข้อมูลมาแชร์นะค่ะ

ตอนนี้ถึง บางอ้อ แล้วว่าอาจารย์ต้องการสอนอะไร

เหมือนบทความหนึ่งที่ Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ พูดว่า

"ผมหวังว่าคุณจะวัดตัวเองไม่ใช่ด้วยว่าความสําเร็จในอาชีพการงานเพียงอย่างเดียว แต่วัดด้วยระดับผลสําเร็จของความพยายามที่จะลดทอนความไม่เท่าเทียมกันที่ฝังรากลึกที่สุดในโลก และวัดด้วยระดับความดีที่คุณทําต่อเพื่อนมนุษย์ในอีกซีกโลกหนึ่ง ผู้ไม่มีอะไรเหมือนกับคุณเลย ยกเว้น ความเป็นมนุษย์"

ฝากด้วยนะค่ะ

โอ๋ (MMM48 @ NIDA)

ล้ำลึก คับ ล้ำลึก

ขอคารวะด้วยเหล้า 3 จอก

ขอบคุณครับ โอ๋ (MMM48 @ NIDA)

"ผมหวังว่าคุณจะวัดตัวเองไม่ใช่ด้วยว่าความสําเร็จในอาชีพการงานเพียงอย่างเดียว แต่วัดด้วยระดับผลสําเร็จของความพยายามที่จะลดทอนความไม่เท่าเทียมกันที่ฝังรากลึกที่สุดในโลก และวัดด้วยระดับความดีที่คุณทําต่อเพื่อนมนุษย์ในอีกซีกโลกหนึ่ง ผู้ไม่มีอะไรเหมือนกับคุณเลย ยกเว้น ความเป็นมนุษย์"

ชัดเจนครับ

 

สวัสดีครับคุณสุ su mmm

โอ้ว

ผู้น้อยมิกล้าฯ

แต่ขออีกสักจอกนะ...

โฮะๆๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท