วันที่ 13 มกราคม 2553 ผมได้นำคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดไปแนะแนวการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5,6 โรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการ กว่า 500 คน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากคณะครูและนักเรียนทุกคน ผมรู้สึกประทับใจนักเรียนที่เป็นคนดีและคนเก่งโดยผมได้แนะนำแนวทางการเรียนต่อดังนี้
อนาคตของนักเรียน ควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งการแนะแนวของโรงเรียนก็ดีอยู่แล้ว เพราะครูแนะแนวใกล้ชิดนักเรียน แต่จุดอ่อนคือ มองโลกสั้น ไม่สามารถมองไปไกลได้ว่า อนาคตประเทศไทย การจ้างงานจะเป็นอย่างไร ผมจึงมาเสริมครูแนะแนวซึ่งทำได้ดีอยู่แล้ว 2 เรื่องคู่กันไปคือ
1. ทุกคนต้องมีภาษาต่างประเทศที่ดี โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ
2. เราต้องคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และต้องนึกถึงส่วนรวมเป็นหลัก
ถ้าเราไม่รู้อังกฤษ เราจะอยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร เช่น TESCO LOTUS เข้ามาขยี้โชห่วย เป็นตัวอย่างของโลกาภิวัตน์ เพราะปัจจุบันเป็นโลกที่ไม่กีดกันทางการค้าหรือเสรี
ดังนั้นผมจึงได้แนะนำว่า ควรจะเลือกเรียน เลือกเป็นตามที่เราชอบ อย่าไปเลือกตามค่านิยมของสังคม อย่าเรียนสิ่งที่เราไม่ชอบ ค้นหาตัวเองให้พบ Basic ที่สุดคือ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น เรียนเพื่อเอาไปใช้ในการทำงาน
ซึ่งงานในอนาคตจะเชื่อมโยงกับต่างประเทศมาก เช่น จีน ฮ่องกง อาเซียน เป็นต้น จึงต้องมีภาษาต่างประเทศ จะเป็นประโยชน์มากขึ้น
โดยสรุป ผมเน้นว่า ทุกคนต้องมีภาษาต่างประเทศที่ดี โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และต้องคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และต้องนึกถึงส่วนรวมเป็นหลัก และเลือกเรียนตามที่เราชอบ อย่าไปเลือกตามค่านิยมของสังคม ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ช่วยในการแสวงหาความรู้ อย่าใช้ในการเล่นเกมส์มากเกินไป
ซึ่งผมได้ฝากคำถามให้นักเรียนทุกคนได้นำไปคิดคือ เมื่ออายุ 40 ปีจะทำอะไร และเมื่อฟังผมจบแล้ว จะปรับตัวเองอย่างไร เมื่อปรับแล้วจะทำอะไรต่อไป
ขอบคุณครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
เป็นประโยชน์มากๆ ครับอาจารย์
ข้าพเจ้าจะทำตามที่ตัวเองชอบ และจะไม่เชื่อในสิ่งที่พ่อแม่เลือก จะค้นหาตัวเอง และทำในสิ่งที่อยากทำ จะเรียนอะไรก็ได้แต่ต้องมีงานทำในอนาคตไม่ทำตามกระแส
ม.4 จะไปปรับใช้ตอนเข้ามหาลัย เพราะสอนให้ฝึกค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และจะฝึกภาษาอังกฤษให้มากๆ เพราะใจรักภาษาอังกฤษ เพื่ออาชีพในอนาคต เพราะตอนนี้ภาษาอังกฤษสำคัญไปที่ไหนก็ใช้ภาษาอังกฤษ
•การปรับตัวในการเข้ามหาวิทยาลัย
•ลือสาขาที่ตนชอบ และต้องเป็นหน้าที่ที่อยู่ในสังคมได้
•เมื่อเลือกสิ่งที่เราชอบเราต้องมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ
•ดูความสามารถของตนเอง
•เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ
•เลือกสิ่งที่เราจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
•คิดถึงอนาคตว่าเรียนไปแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร
•ค้นหาความสามารถด้านทักษะ และพัฒนาการเรียนรู้ด้านภาษา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์งาน
•เมื่อก่อดิฉันอยากเป็นทั้งพยาบาล และผู้พิพากษา มันทำให้ดิฉันตัดสินใจได้ว่า ฉันอยากเป็นผู้พิพากษามากกว่า ถ้าเข้ารั้วมหาวิทยาลัยจะพยายามอ่านกฎรัฐธรรมนูญให้มากขึ้นสังเกต และแก้ไขสิ่งที่ทำไม่ได้
•ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าอยากจะเรียนอะไร เมื่อก่อนอยากเรียนหมอ เราะถามเพื่อนส่วนใหญ่เขาก็เรียนหมอกัน แต่ตอนนี้ในใจอยากเรียนนิติศาสตร์ กฎหมาย การที่จะเข้ามหาลัยก็ต้องอ่านหนังสือศึกษาเพิ่มเติมค้นคว้าด้วยตนเองให้มากขึ้น
•ผมจะตั้งใจหมั่นฝึกฝนวิชาคณิตศาสตร์ให้มากขึ้น
•เรียนแล้วต้องหมั่นจำแล้วนำไปใช้จึงจะรู้อนาคตตัวเอง
•ตอนแรกผมนึกถึงการเรียนแบบที่เลือกเรียนจบแล้วออกมาต้องมีงานทำที่ต้องมีเงินเยอะ แต่ลองมาคิดอีกที ถ้าเราเลือกเรียนแบบเราชอบมากกว่า ถ้าเรียนสิ่งที่เราชอบเราก็จะมีความสุขกับการเรียนของเรา
•เราได้รับความรู้เกี่ยวกับการศึกษาต่ออุดมศึกษา และสถาบันต่างๆ โดยเรานั้นความรู้พื้นฐาน และคุณภาพของเราเป็นที่สำคัญ สำหรับการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยต่างๆ และทำให้เปลี่ยนแปลงความคิดใหม่
•สิ่งที่ได้จากการแน่ะแนว คือสิ่งที่ข้าพเจ้าอ่านแล้วเติมเต็ม
•ทำอะไรต้องดูความสามารถตัวเอง
•ฉันจะตั้งใจเรียน เพื่อเป็นบุคคลที่ดีในสังคมได้ และจะเลือกเรียนในสิ่งที่ฉันชอบ เพื่อจะได้มีความสุขในการเรียน และจะเริ่มต้นหาตนเอง เพื่อเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง และจะฝึกฝนในสิ่งที่ฉันอ่าน
•ฉันจะค้นหาตัวเองมากขึ้น และเมื่อรู้แล้วจะทำสิ่งที่ตนเองชอบให้เต็มที่
•ฉันจะฝึกตนเองเรื่องภาษาที่นอกจากภาษาไทย เพื่อให้ตนเองมีความรู้มากขึ้น
•ฉันจะเรียนอย่างสนุก แต่ไม่ทิ้งงาน ไม่ทิ้งการเรียน
•จะตั้งใจเรียนวิชา อังกฤษ และเลข
•การปรับตัว ฉันจะตั้งใจเรียนคณิต อังกฤษ มากขึ้นเพื่อเรียนในสิ่งที่ฉันอยากเป็น ที่สามารถทำงานได้จริง
•ฉันจะตั้งใจเรียน จะเข้ามหาลัยที่ใฝ่ฝันให้ได้
•จะต้องมีความมั่นใจในตนเอง
•จะต้องเรียนในวิชาที่อยากเรียน จะไม่ตามคนอื่น หรือไม่ทำตามที่ใครบังคับ
สวัสดีค่ะ..ท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เสียดายจัง..วันที่ท่านไปแนะแนวให้นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า
ไปเข้าค่ายชุมนุมลูกเสือเทพศิรินทร์สัมพันธ์ ครั้งที่ 10 ที่ศรีราชา
เลยไม่มีโอกาศได้เข้าฟังการแนะแนวจากท่าน
•จะไม่แบกหนังสือให้เยอะกว่านี้
•จะอ่านและเขียนภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้
•ตอนแรกก็อยากเรียนนักนักโบราณคดี แต่ไม่รู้ว่าจะหางานทำที่ไหน
•แต่ตอนนี้หนูอยากเรียนนิติศาสตร์ อยากเรียนการเมืองการปกครองมาก
•อยากค้นพบตัวเองให้ได้เร็วๆ
•ตอนแรกแม่อยากให้เข้าจุฬาให้ได้ แต่มันยากเกินไป และไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าที่ดังๆ
•จะฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น
•จริงๆอยากเป็นครู ไม่ก็เกี่ยวกับการทำอาหาร เบเกอรี่เค้ก ต่างๆ
•อยากไปสอนที่โรงเรียนที่ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงก็ได้ ไม่เป็นครูต่างจังหวัดก็ได้
•เราต้องเลือกตามความถนัดของตัวเอง และควรพยายามให้มากกว่านี้ จะฝึกฝนวิชาอังกฤษมากขึ้น เรียนอะไรก็แล้วแต่ต้องนึกถึงงานที่เราจะทำ ไม่ควรเลือกเรียนมหาลัยดังๆ ต้องขึ้นอยู่กับ ความสามารถของตัวเอง การเลือกเรียนมหาลัยไม่ขึ้นอยู่กับมหาลัยดัง แต่ขึ้นอยู่กับตัวเอง ว่าจะทำอย่างไง
•จะฝึกฝนวิชาภาษาอังกฤษมากขึ้น เลือกตามความถนัดของตัวเอง จะเรียนอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงงานที่เราจะทำในอนาคต
•รู้จักตัวเองว่าชอบอะไร อยากเรียนคณะอะไร มหาวิทยาลัยอะไร ได้หัดฝึกภาษาอังกฤษเวลาว่าง จะทำงานที่ตัวเองชอบไม่ใช่ว่าจะทำงานที่ได้เงินเดือนเยอะๆ แต่เป็นคณะที่เราไม่ชอบ
•เราจะเลือกเรียนอะไร เราถนัดวิชาอะไร
•ค้นคว้าหาความรู้ที่จะเข้ามหาลัย
•ตั้งใจอ่านหนังสือให้มากๆ
•รู้จักตัวเองว่าชอบอะไร อยากเรียนอะไร และอยากเข้ามหาลัยอะไร ต้องรู้ด้วยว่าอยากเป็นอะไรในอนาคต ตั้งใจเรียน หมั่นฝึกฝน ให้ดีขึ้นในวิชาความรู้
•จะตั้งใจในสิ่งที่ชอบมากขึ้น จะขยันอ่านหนังสือ และจะทำจนกว่าจะเก่ง
•ถ้าเรารู้ว่าเรามีความสมารถด้านอะไร หรือถนัดอะไร เราก็ควรข้าคณะที่อยากจะเข้า หนูอยากเป็นคุณครูสอนภารงาน อยากเข้ามหาลัยราชภัฏ อยากเข้าคณะครุศาสตร์ แต่อ่อนภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ ต่อไปหนูต้องพยายามฝึกฝน
•จะเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ จะตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองชอบให้ได้ จะฝึกฝนภาษาอังกฤษให้มากขึ้นด้วย เรียนที่ไหนก็ได้ที่ทำให้เราหางานทำที่ดีได้
•ความคิดในการเข้ามหาลัย ข้าพเจ้าคิดว่า เลือกเข้าคณะตามถนัด และอยากเรียน
•เรียนคณะที่สามารถทำอาชีพในอนาคตโดยไม่ฝืนใจ โดยมีพื้นฐานจากความชอบในความคิดของข้าพเจ้านั้นชอบจิตวิทยา และกฎหมาย แต่ทั้งสองอาชีพที่ข้าพเจ้าอยากเป็นนั้นมีความแตกต่างมาก และผู้ปกครองไม่ค่อยสนับสนุนในด้านอาชีพนี้ แต่ข้าพเจ้าก็อยากลองท้าทายดู
•ข้าพเจ้าเคยคิดว่าการเรียนหมออาจจะทำให้ชีวิตของเรามั่นคง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เสมอไป การได้ฟังในวันนี้เป็นการแนะแนวที่ดี การเรียนหมอนั้นอาจจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ก็อาจจะทำให้เราไม่มีความสุขกันงานที่เราทำก็ได้ ขอบคุณค่ะ
•สามารถกลับไปคิดทบทวนว่าสิ่งที่ฉันตัดสินใจถูกหรือไม่ ว่าสิ่งที่ฉันชอบตรงกับการที่ฉันจะเรียนหรือไม่ ฉันอยากเป็นหมอ เพื่อจะช่วยคนอื่นได้บ้าง
•หนูเคยคิดว่าเราต้องเรียนตามที่ผู้ปกครองบอก เพราะไม่อยากขัด แต่วันนี้หนูคิดว่าที่หนูได้มาฟัง ทำให้หนูได้คิดว่า เราควรเลือกที่เราชอบ คณะไหน และคิดถึงงานว่าสามารถเลี้ยงเรา และครอบครัวได้ในอนาคตหรือเปล่า
•ข้าพเจ้าเคยคิดเหมือนกับบุคคลทั่วไปที่ยึดติดกับค่านิยมของมหาวิทยาลัย แต่ข้าพเจ้าไม่เคยยึดติดเรื่องแบบนี้ ข้าพเจ้าอยากเป็นแพทย์ มันเป็นความตั้งใจจริงตั้งแต่เด็กๆ และข้าพเจ้าจะตั้งใจเรียน แต่มหาลัยไหนไม่สำคัญ เมื่อความตั้งใจของเราเต็มที่
•ข้าพเจ้าจะเลือกเข้ามหาลัยตามความถนัด และความชอบของตัวเอง และเป็นอนาคตของชาติด้วย
นางสาวขวัญชนก ตั้งใจ
•ข้าพเจ้าจะเข้ามหาลัยที่ตัวเองถนัด เหมาะกับแผนการเรียนที่ข้าพเจ้าต้องการที่จะเรียน
•ผมคิดว่าหลังจากที่ผมได้ฟัง การบรรยาย ผมได้เปลี่ยนความคิดที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ขอแค่ได้เรียนสิ่งที่ชอบก็พอไม่จำเป็นต้องมหาลัยที่มีชื่อ
•ก็จะสนใจการเรียนให้มากขึ้น แล้วก็จะพยายามขึ้นมหาลัยที่ พ่อแม่ห้องอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะชอบถ่ายรูป
•จะพยายามตั้งใจเรียนมากขึ้น และจะเข้ามหาลัยที่อยากเข้าให้ได้
•อยากเรียนภาษาจีนเพราะอยากเป็นไกด์
•ถ้าฉันได้เข้ามหาลัยไปฉันจะตั้งใจเรียนในสาขาที่ฉันต้องเรียน และสนใจในการเรียนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ค่ะ
•ข้าพเจ้าจะปรับตนเองโดยการที่ไปติววิชาที่เรียนอ่อน เพื่อที่จะได้สอบเข้ามหาลัยในคณะที่ตนเองสนใจ แต่ถ้าความสามารถไม่พอก็ควรเลือกที่จะเรียนคณะที่เรียนได้ และมีงานทำ
•ชอบอะไรก็เรียนอย่างนั้น ในสิ่งที่สามารถเรียนได้
•อยากเรียนอักษรศาสตร์ เพราพอยากพูดได้หลายๆภาษา จะได้มีตัวเลือกในการทำงานเยอะ แต่งานที่อยากทำ คือ “ไกด์นำเที่ยว”
•ก็แนะแนวสนุก แต่ก็มีสาระมาก
•อยากเรียนถ่ายภาพ อยากรู้ว่าต้องเรียนคณะอะไร รองรับบ้าง
•จะตั้งใจเรียนมากๆ ขยันขึ้น สนใจอาจารย์พูดมากกว่านี้ จะได้เข้ามหาลัยได้
•ไม่ว่าการเรียนมหาวิทยาลัย จะยากลำบากแค่ไหน ขอแค่ให้ตำรา มีความมุ่งมั่นเราจะต้องคิดแค่คำว่า ได้ จะไม่นึกถึงคำว่า ไม่ได้ และต้องทำการเรียนให้เป็นเรื่องสนุกให้ได้เป็นพอ
•ตอนแรกตั้งใจจะรับราชการ แต่พอได้มาเรียนสายวิทย์ รู้สึกว่าอยากเป็นวิศวกร แต่รู้ตัวว่าอ่อนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ก็เลยรู้สึกท้อบ้าง ตอนนี้กงวนเรื่องการสอบเข้ามหาลัยมาก เพราะคะแนนสอบน้อยพอสมควร ตอนนี้จะแก้ไขปัญหายังครับ ผมชอบวิศว แต่เศรษฐกิจแบบนี้จะเลือกเรียนอะไรดีครับ
•จากความคิดของผม ผมคิดว่าการที่ผมฟังบรรยายแล้วรู้สึกว่าการที่มีที่เรียนดังๆ ไม่จำเป็นสมอไป และทำให้ผมมั่นใจในการตัดสินใจในการเรียนของผม และพยายามพัฒนาเรื่องภาษาที่ 2 และ 3 เพราะปัจจุบันเรื่องภาษาเป็นเรื่องสำคัญ
•สำหรับตัวของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าคิดว่าการเรียนเก่งอาจเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมีจิตสาธารณะ การไม่เห็นแก่ตัว และข้าพเจ้าคิดว่าจะเรียนในด้านที่ตนเองถนัด และจะทำให้ดีที่สุดควบคู่กับการไม่เห็นแก่ตัว เพราะชอบการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
•การเรียนในมหาวิทยาลัยในการปรับตัวให้เข้ากับตัวเอง และสิ่งอื่นๆ นั้นมีหลายเรื่อง สำหรับการปรับตัวเองนั้นควรเข้าใจตัวเองนั้นว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร และเมื่อรู้แล้วควรฝึกฝนในสิ่งที่ตนเองชอบ เรียนในสิ่งที่ชอบไม่ควรฝืนตนเองตามเพื่อน และควรคิดถึงอนาคตข้างหน้า
•วันนี้ผมรับฟังจาก ดร.จีระ ได้ความรู้ว่าให้เลือกสิ่งที่ตนเองชอบ ไม่เข้ามหาลัยดังๆ แต่ก็เป็นคนดีได้ อยู่ที่ตัวเราว่ามีความสามารถทางไหน เก่งขนาดไหน ทำให้ผมได้ตัดสินใจได้ดีขึ้น และกล้าคิด กล้าทำ ครับ
•สิ่งที่ต้องการปรับตัวคือ เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง ไม่หวั่นไหวกับคำพูดของผู้อื่น สร้างความอดทน และความมุ่งมั่นให้กับการเรียนการฝึกฝนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็ตาม
•การปรับตัวเข้าสู่มหาลัย คือ จะต้องตริวเข้มกับวิชาที่ต้องเติมตัว หรือไม่เก่งเพิ่มเติมพร้อมกับอนาคต และ จะต้องเริ่มเลือกคณะมหาลัยที่เราคิดว่าชอบ เรียนได้ โดยไม่ฝืนความถนัด และความต้องการของตนเอง
•การปรับตัวเข้าสู่มหาลัย คือ ฉันจะเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบไม่เรียนตามเพื่อน และต้องมีความคิดสร้างสรรค์ควบคู่กับสังคมมหาลัย และต้องรู้จักตัวเอง ว่าตัวเองชอบอะไร และต้องมีความมั่นคงในสังคม
•ข้าพเจ้าชอบวิชาภาษาอังกฤษ แต่ตัวข้าพเจ้าก็ไม่ได้เก่งมาก ตอนนี้ไดไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อที่จะให้สู้ต่อได้ในอนาคต และปัจจุบัน อยากจะทำงานเป็นครูภาษาอังกฤษ หรือไม่ แม่ค้าขายของให้ชาวต่างชาติ และที่อยากเรียนภาษาอังกฤษเพราะอยากพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างประเทศอย่างมั่นใจค่ะ
•มหาวิทยาลัยที่อยากเข้า ม.เชียงใหม่ คณะเภสัชศาสตร์ ในอนาคตอยากเป็น หรือ ทำงานในองค์กรทูต หรือ กระทรวงต่างประเทศ
•จากการที่ฉันได้รับฟังการแนะแนวในวันนี้ทำให้ฉันได้นำความรู้มาปรับใช้ คือ อันดับแรกเราจะต้องค้นหาตัวเองว่าชอบ หรือ เก่งอะไร และไม่เก่งอะไร สำหรับฉันไม่เก่งภาษาอังกฤษก็ต้องฝึกฝนให้มากกว่าวิชาอื่นๆ เพื่อจะอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง
•ฉันจะปรับตัวในการเข้ามหาวิทยาลัย โดยการขยันอ่านให้มากขึ้น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และค้นพบตัวเองให้ได้ว่าฉันอยากที่จะเรียนอะไร และจะเรียนอะไรได้ดีที่สุด
•ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าฉันชอบสิ่งไหน และจะเข้ามหาลัยในคณะที่หวังเอาไว้ และจะตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่หวังไว้คือ ต้องเรียนภาษาอังกฤษ และทำความเข้าใจกับมันให้มากๆ
•ฉันจะเลือกเรียนในสิ่งที่ฉันรัก คือ นิเทศศาสตร์ และฉันจะเลือกเรียนอย่างมีความสุขกับการเรียนกว่าเดิม
•ความคิดที่ได้จากการฟัง คือทำให้ไม่ผิดติดค่านิยม เช่น ในการเข้ามหาลัยต้องเข้ามหาลัยดังๆ ซึ่งมันไม่จำเป็นเสมอไป เราะอยู่มหาลัยที่ไหนก็เหมือนกันเพียงแค่เรียนเก่งเรียนดีก็พอ จบไปจะได้มีงานที่ดีทำ ถ้าอยู่มหาลัยดีๆ แต่เรียนไม่ค่อยดี งานที่เค้ารับก็จะทำได้ไม่นาน เพราะอยู่ที่ความสามารถไม่ใช่ชื่อเสียงของมหาลัย
•ดิฉันคิดว่าจะเลือกวิชาที่ตัวเองถนัด และเรียนได้ดีในการเข้ามหาลัยก็จะเลือกเข้ามหาลัยที่ตรงกับที่ตัวเองเรียนมา หรือ คณะวิชาตัวเองคิดว่าทำได้ดี
•ได้เปลี่ยนค่านิยมของตัวเองใหม่ในการที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากสิ่งที่เราคิดมาหลายอย่าง อาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่เราต้องการก็ได้ แต่ควรเรียนรู้สิ่งต่างๆให้มากขึ้นกว่านี้
•ตั้งใจเรียนในสิ่งที่เราชอบ เพื่อจะได้เข้าคณะที่เราต้องการได้ แต่ไม่ใช่วิชาที่เราชอบเท่านั้นควรศึกษาทุกๆวิชา
•จะปรับตัวในการเข้ามหาลัย คือ ขยันให้มากขึ้น ตั้งใจอย่างเต็มที่ ยึดมั่นในการศึกษาเข้าคณะอะไร
•จะไม่เลือกในมหาลัยที่มีค่านิยม แต่ จะเลือกเรียนในมหาลัยที่ชอบ และ จะเลือกเรียนในวิชาที่ชอบ
•ได้ความกระตือรือร้นในการศึกษาค้นคว้าหา สถานที่จะเรียนแล้วยังอยากศึกษาต่อในอุดมศึกษา ในสถานศึกษาที่ตนเองอยากจะเรียน คือ ม.จุฬา ในสาขาการตลาด หรืออื่นๆ เพราะขึ้นอยู่กับความสามารถของเราด้วยค่ะ
•เมื่อเรารู้ว่าเราไม่ได้เก่งอะไร เราก็ควรแก้ไขสิ่งนั้นเติมเต็มสิ่งนั้นค้นพบว่าตัวเองชอบอะไร การเรียนเราไม่ควรจะเรียนตามเพื่อน เรียนตามกระแส แต่ว่าตัวเองไม่ชอบ พอเรียนไปเราก็ไม่ได้อะไร
•จะปรับในการเข้ามหาลัย คือ ทำตามความถนัด และความชอบ ไม่เรียนตามเพื่อน หรือการบังคับของพ่อแม่ อยากเรียนวิศวะ นิติศาสตร์ แต่พ่อแม่อยากให้เรียนหมอ แต่หนูไม่เก่งฟิสิกส์
•จะพยายามหมั่นทบทวนคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้มากขึ้นอย่าเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ ต้องเลือกเรียนในสิ่งที่ใช่สำหรับเรา
•ค้นหาความรู้ในตัวเองให้มากขึ้น
•ต้องเข้าคณะที่เราอยากจะเข้า
•สนใจการเรียนภาษาให้มากขึ้น
•จะเรียนรู้ค้นคว้าหาความรู้ ในสิ่งที่เราต้องการเรียนรู้สิ่งนั้น แล้วทำในสิ่งที่เราเลือกเรารักให้ดีที่สุด I lisle Study English Subject
•ฉันจะเลือกเรียนในสิ่งที่ฉันรัก เพราะฉันคิดว่าสามารถทำได้ดี
•เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ และตั้งใจเรียนอย่างสม่ำเสมอ
•จะเรียนรู้ ค้นคว้าให้มากขึ้นเพื่อก้าวไปในอนาคตที่ดี และเลี้ยงชีวิตตัวเอง และครอบครัวไปได้
•ในเมื่อ ชอบภาษาแต่เรียนไม่เก่ง ก็จะฝึกฝนให้มากขึ้น จะพยายามทำอะไรให้หลากหลายเพื่อจะได้ค้นพบตัวเอง
•ทำให้เราไม่ต้องยึดติดกับค่านิยม ว่าจะต้องเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียง โดยที่เราไม่มีความสามารถ หรือเก่งด้านนั้น เราจะต้องเลือกว่าเรานั้น ทำได้ และจบมามีงานที่รองรับเราได้
•เลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ และเป็นไปได้ ไม่เลือกเรียนตามเพื่อน
•จากการฟังทำให้กล้าตดสินใจที่เราจะทำ ที่เราอยากเป็น และเลือกเรียนที่เราจะเป็น และจะทำให้ได้
•ได้รู้การค้นพบตัวเองว่า เราชอบอะไรอยากเรียนอะไร ทำให้เรามีการตัดสินใจในการเรียนมากขึ้น เราจะต้องฝึกฝนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เพราะภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต
•ได้รู้ว่าการตัดสินใจจะเรียนต่อจะต้องรู้จักตัวเองว่าเราถนัดด้านไหน เก่งเรื่องอะไร เราจะได้ไปถึงที่เราตั้งใจไว้
•ความคิดที่ได้จากการอบรม ได้รึถึงอนาคตตัวเองมากขึ้น
•ปกติผม อยากเรียนวิศวะ เพราะผมติดวิศวะ เป็นวิชาที่เรียนสนุก แต่อาจสอบเข้ายาก แต่เมื่อท่าน ดร.ได้แนะแนวทาง ผมคิดว่าการเรียนวิศวะ ไม่ได้ทำให้มีอาชีพ และการงานแค่วิชาเดียว วิชาอื่นๆ ก็ทำให้เรามีชีวิตที่ดีได้ “เรียนที่เราชอบ และงานที่มีในอนาคต”
•ได้รู้ว่าเราชอบเรียนอะไร และเราชอบที่ทำอะไร และทำให้เรามี การตัดสินใจในการเรียนมากขึ้น
•ถ้าคิดจะเรียนคงจะดูว่าทำไมถึงเลือก และนำไปใช้ได้หรือเปล่า เรียนไปถ้าใช้ไม่ได้ก็คงไม่ต่างอะไรจากไม่ได้เรียน
•ในอนาคตจะเข้ามหาลัยอย่างไร จะเลือกวิชาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานตลอดไปไม่ตกยุคเร็ว
•ฉันจะไม่เลือกเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ คณิต ฉันจะเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ คือ ภาษา (อยากเป็นไกด์)
•คือ การที่จะเลือกเข้ามหาลัย ดิฉันจะเลือกเรียนพยาบาล เพราะเป็นสิ่งที่ฉันชอบ และรักการที่จะเข้ามหาลัยดิฉันเข้าได้ทุกมหาลัยขอแค่มีเรียนพยาบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาลัยที่ดีก็ได้ก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าจะเข้ามหาลัยมหิดลให้ได้ แต่ตอนนี้เข้าได้หมด
•ผมจะกระตือรือร้นในการเรียน เพื่อที่จะเข้ามหาลัยสาขาวิศวกรธรรมศาสตร์ เพราะมันคือความใฝ่ฝันของผม และมันคือฝันอันยิ่งใหญ่
•ผมจะเดินไปตามฝัน ด้วยความมุ่งมั่น อดทนตั้งใจเรียน และศึกษาอย่างเต็มกำลัง เพื่ออนาคตที่ดี เลือกเดินในทางที่ดีที่สุด และจบมาต้องมีงานทำที่มั่นคง และก้าวไปจุดสูงสุดได้
•ฉันเรียนทางด้าน วิทย์ คณิต แต่ฉันไม่ถนัดเรื่องคำนวณเอาซะเลย แต่ฉันชอบว่าอย่างวิชา ชีววิทยา ฉันสามารถเรียนได้ก่อนคือดีทีเดียว แต่ในความคิดของฉัน ตัวของฉันถนัดด้านการพูดการประชาสัมพันธ์ ฉะนั้นฉันอยากเข้า คณะนิเทศศาสตร์ ด้านสื่อสารมวลชน ส่วนเรื่องมหาลัยนั้นฉันคิดว่าฉันอยู่ที่ใดฉันก็สามารถทำ และเรียนประสบความสำเร็จได้... สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ที่ฉันเรียนมาฉันต้องทำงานในบริษัทที่ดีได้ และทำให้ฉันประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน... งานที่ดี คือ จุดมุ่งหมายที่สุดของงาน
•ฉันจะได้อ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ฉันค้นคว้าหาความรู้รอบตัวโดยการสังเกตบุคคลที่เป็นตัวอย่างที่ดี และ Internet เรียนในสิ่งที่ฉันชอบ ที่ฉันต้องการเพื่อฉันจะได้มีความสุขกับการเรียนหนังสือ
•ฉันเรียนด้าน คณิต วิทย์ แต่ฉันไม่ถนัดด้านวิทยาศาสตร์ สามารถเรียนด้านคณิตได้ ไม่ถนัดเรื่องด้านท่องจำ แต่คำนวณได้
•ฉันไม่ถนัดด้านคณิต มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเล็กน้อย แต่ชอบงานบริการ ฉันคิดว่าจะทำงานเกี่ยวกับสายการบิน
•ฉันเรียน ม. ปลายสายวิทย์ คณิต เพราะฉันอยากเรียนหมอแต่หัวฉันไม่ดี เรียนไม่เก่ง ก็จึงเปลี่ยนใจอยากมาเรียน พยาบาลแทน เพราะอยากช่วยเหลือผู้ป่วยช่วยเหลือคน
•ฉันคิดว่า ฉันไม่ต้องปรับ หรือ เปลี่ยนอะไรในตัวฉันทั้งนั้น เพราะฉันรู้ และฉันตัดสินใจไปแล้วว่าฉันจะเรียนอะไรฉันรู้ว่าตนเองชอบ และอยากที่จะทำอะไรในอนาคต
•ฉันต้องเลือกคณะที่ฉันชอบ และต้องมีความเป็นไปได้กับความสามารถของตัวฉัน
•ฉันจะไม่ทำตาม เลือกคณะที่พ่อแม่สั่งให้เข้า เพราะมันคือสิ่งที่ฉันรู้ตัวว่าความสามารถไม่ถึง
•ฉันจะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ศิลปากร และต้องเป็นคณะที่ฉันชอบให้ได้ และจบมาจะต้องมีงานทำและเงินเดือนเยอะ อยู่ในสังคมปัจจุบัน และอนาคตได้
•ก็จะค้นหาตนเองก่อนว่าเราชอบทางด้านไหน และเลือกคณะที่เราสนใจ เราไม่จำเป็นจะต้องเข้ามหาลัยดงๆตามกระแสนิยม เข้ามหาลัยธรรมดาก็สามารถมีงานทำมีชื่อเสียงได้
•ถ้าเข้ามหาลัยไปฉันจะปรับตัว โดยการหาเวลาว่างเพื่อศึกษาสิ่งที่ฉันยังไม่รู้ แลก็ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ ไม่เกเร จะตั้งใจเรียนในด้านที่ฉันชอบ ขยันเรียนขึ้น
•จะขยันเรียน ฝึกตัวเองให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น ทุกวิชาสำคัญจะตั้งใจเรียนให้มาก
•เรียนอะไรที่ตัวเองชอบที่สุด และต้องเรียนให้จบ
•เรียนอย่างที่เราชอบก็พอแล้ว ขอให้เรียนจบก็พอแล้ว
•เรียนที่ไหน อะไรก็ได้ ขอให้จบมีงานที่ดีๆทำก็พอแล้ว
•อยากเรียนอะไรต้องนึกถึงพ่อ แม่ ก่อน และต้องมีงานทำด้วย
•ไม่รู้ว่าเก่งอะไร ไม่รู้ว่าจะเข้าคณะอะไรด้วย
•ก่อนอื่นนกเรียนทุกคนก็รูว่า เรานั้นต้องใฝ่รู้ใฝ่เรียน ต้องเรียนเยอะๆนะ ทุกคนมีความคิด แต่ไม่มีความมุ่งมั่น ขยัน เพราะว่าเด็กในสังคมปัจจุบันนี้ไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยทำให้สังคมไม่มีความก้าวหน้า
•ฉะนั้นก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย เราควรที่จะปรับปรุงตัวให้ดี เช่น ใฝ่เรียน ค้นหาความเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เราชอบ เราถนัด เรียนอะไรก็ได้ที่นึกถึง อาชีพในวันข้างหน้า ไม่ใช่ตามกระแส ตามเพื่อนๆ
•ข้าพเจ้าอยากเรียนคณะที่เรียนแล้วได้คะแนนที่ดี
•ข้าพเจ้าอยากเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กราฟฟิก เพราะข้าพเจ้าชอบภาพสวยๆ และอยากทำเป็น และอยากทำให้เก่ง
•จะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ และจะฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้มากจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น
•ข้าพเจ้าอยากเรียนนิเทศฯ เพราะอยากทำงานเบื้องหลัง และจะไม่ฮิตไปตามกระแสนิยมของคนอื่น ที่เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ไฮโซ
•จากที่ได้ฟังแล้วทำให้รู้ว่าอยากเรียนด้นไหน ชอบในด้านใด
•จากที่ได้ฟัง ดร.จีระ พูด ทำให้รู้ว่าการที่เราจะเลือกเรียนคณะอะไรนั้น เราต้องค้นหาตัวเองให้พบก่อน ดิฉันมีความคิดเห็นว่าเราจะเลือกเข้าคณะอะไรนั้นต้องคิดถึงอนาคตในการประกอบอาชีพด้วย
•ถ้าหากิฉันได้เข้าในมหาวิทยาลัย แล้วดิฉันจะเลือกคณะที่ชอบ และพยายามจะฝึก ภาษาอังกฤษให้มาก
•ตั้งใจเรียนมากขึ้น 4 เท่า
•เลือกเรียนตามใจฉัน
•การปรับตัวในการเข้ามหาวิทยาลัย ต้องฝึกการอ่านหนังสือเยอะๆ เรียนตามที่เราชอบ พ่อแม่เราไม่สน สนสิ่งที่เราชอบทำมากกว่า ไม่ตามใคร
•จะฝึกฝนภาษาต่างประเทศให้มากขึ้น ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ และนึกถึงวันข้างหน้า ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะมีงานทำไหม
•การปรับตัวการเข้าเรียน เข้าเรียนตามที่ชอบ
•จะศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาความรู้ และการใช้ชีวิตประจำวัน ให้ได้ประโยชน์กับตัวเอง และสังคมสูงสุด
•ใครจะชอบสิ่งใด พ่อแม่อยากให้เรียนอะไรไม่สน ขอเป็นตัวของตัวเอง
•ต้องรู้ตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ว่าต้องเป็น ต้องการทำอะไรในอนาคต โดยส่วนตัวแล้วชอบวิชาภาษาอังกฤษ แต่ไม่ค่อยเก่ง โดยหาข้อมูลจากรถยนต์ DVD เรียนคำศัพท์ และสำเนียงคำพูด แล้วคิดว่าจะใช้ความชอบของตัวเองให้เป็นประโยชน์ในอนาคต
•ฉันจะปรับตัวให้ดีขึ้น สิ่งที่เคยทำไปจะดีหรือไม่ดีเอามันมาคิด และปรับปรุงให้ใหม่ ให้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะอยากเรียนอะไร ก็ต้องดูตัวเองด้วยว่าเหมาะสมกับสาขาวิชานั้นหรือไม่
•ต้องขยันให้มากขึ้น ปรับตัวเองให้ดี สิ่งไหนดีก็เก็บไว้ สิ่งไหนไม่ดีก็ทิ้งไป แล้วเริ่มต้นทำสิ่งที่ดีเพิ่มขึ้น
•ต้องเลือกสิ่งที่เราชอบอย่ายึดติดค่านิยมเกินไป เพราะทุกๆอย่าง คือ ความเป็นจริง การตัดสินใจ ทุกอย่างเราเป็นคนกำหนดเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วจะมีความสุข
•ฉันจะไม่ยึดติดกับมหาวิทยาลัยดังๆ แต่จะอยู่มหาลัยที่มีคณะที่ฉันต้องการ สาขาที่ต้องการ จะเพิ่มการเรียนภาษาอังกฤษ จีน เพิ่ม และต้องคิดถึงงานที่จะรองรับในอนาคต
•ฉันจะต้องกลับไปฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ดีที่สุดเพราะฉันจะเรียนศิลปะศาสตร์ และจะไม่เข้ามหาวิทยาลัยตามค่านิยม
•ฉันจะเรียนที่ๆทำให้ฉันมีความสุขในการที่เรียน และจะนึกถึงงานที่ฉันทำ
•ถ้าหากหนูเข้าในมหาวิทยาลัย แล้วหนูจะเลือกคณะหรืออาชีพที่ชอบ และในการเลือกคณะ หรืออาชีพก็จะเลือกคณะที่คนอื่นไม่ค่อยเลือก แต่จะเลือกมหาลัยที่ชอบ
•ก็ต้องปรับตัวเองใหม่ การใช้ชีวิตใหม่ หมั่นศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น ต้องขยัน มีน้ำใจ ตั้งใจเรียน จะฝึกด้านภาษาให้มากว่านี้ นึกถึงงานในอนาคตไว้เป็นหลัก นึกถึงพ่อ กับ แม่ ว่าสักวันเราจะเลี้ยงท่านด้วยสองมือของเราให้ได้
•การเตรียมความพร้อมพื้นฐานความรู้ในคณะที่เราจะเข้ามหาวิทยาลัยไหนก็ได อังกฤษไม่เข้าใจไม่ใช่ปัญหา คุยแซกกับชาวต่างชาติบ่อยๆ ก็คล่องเอง
•จะตั้งใจเรียนให้มากขึ้นปรับทำตัวเองใหม่ให้เข้ากับเพื่อนๆ และมหาวิทยาลัยมากขึ้น คณะที่อยากเข้า “สถาปัตย์ออกแบบภายใน” เพราะชอบการวาดรูป และออกแบบตกแต่งต่างๆเป็นอาชีพที่มั่นคงอีกอาชีพหนึ่งในอนาคต
•ปรับตัวอย่างไรก็ คือ เราจะเข้ามหาลัยที่ชอบ และคณะที่เราอยากจะเข้า และเป็นนิสิตที่ดีของมหาลัยนั้นๆ
•การออกกำลังกายให้แข็งแรง เมื่อร่างกายเยี่ยมก็ลุยได้ อังกฤษไม่เก่ง ไม่ยาก ขอตังแม่นั่งรถไปพัทยาไปคุยกับฝรั่งคุยบ่อยๆก็สำเนียงได้เอง ขนาดแม่ค้าขายของตามชายหาดจบ ป. 4 ยังพูดได้เลย เราจบ ม. 6 จะพูดไม่ได้เชียวหรือ ภาษาอังกฤษสามารถข้าได้กับทุกอาชีพ
•ไม่เลือกเรียนที่มหาลัยที่มีชื่อเสียง แต่จะเลือกเรียนคณะ สาขา ที่ชอบ
•ผมจะเลือกในสิ่งที่ผมชอบ ไม่ตามใคร และจะคิดทบทวนให้มากขึ้น ว่าผมควรจะเรียนคณะอะไรที่จะเหมาะกับตัวผม และอาชีพในอนาคตของผม ผมจะนำความคิดของคนอื่นมาคิดวิเคราะห์ด้วย “นี่คือความคิดของผม”
•ผมจะฟังความคิดเห็นจากหลายๆ คน และจะเข้าคณะตามที่ตัวเองชอบ และมีความถนัดไม่ตามเพื่อน หรือพ่อ แม่ และจะหัดคิดอย่างสร้างสรรค์ ฝึกคิดวิเคราะห์ให้มากขึ้น
•การศึกษาอุดมศึกษาไม่จะเป็นต้องเลือกสถาบันที่ดังที่สุด แต่เพียงแค่ ทำตามใจของเรา ฉันจะเรียน และทบทวนบทเรียนให้มาก ค้นหาตัวเองให้เจอ ฉันจะไม่เลือกตามใจที่พ่อสั่งฉันจะเป็นตัวเอง การที่จะรู้จักตัวเอง...ค้นหาตัวเอง อย่าเรียนตามกระแส
•เมื่อเข้าไปเรียน ศิลปะการถ่ายภาพ แล้วจะไม่ทำตามทฤษฏีหรือกฎของการเรียนไปมากพอสมควร จะพยายามหาแนวของตัวเองฝึกหาแนวทางนอกกฎของการถ่ายภาพ จะได้มีสไตล์เป็นของตนเอง
•จะปรับตัวเมื่อเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย โดย...จะเรียนในวิชาที่ชอบฝึกตนเองให้มีความอดทน และพยายามในการเรียนแต่ละวิชา เพื่อให้มีความสำเร็จในสิ่งที่เราเลือกเรียน และการใช้ชีวิตในอนาคต จะฝึกคิด วิเคราะห์ แยกแยะ คิดอย่างสร้างสรรค์
•ได้ความรู้ และนำไปทนทวนถามกับตัวเองว่าชอบอะไร ถนัดสิ่งไหน และอ่อนหรือเก่งอะไร และนำไปใช้ในการตัดสินใจ เลือกสิ่งที่ต้องเรียนต่อในอุดมศึกษา และฉันจะไม่มองในชื่อของมหาลัย แต่จะมองในเรื่องการศึกษา และการให้ความรู้ของคณะนั้นๆ
•อย่าเรียนตามกระแส
•อย่าเลือกเพราะชื่อเสียงมหาลัย
•เลือกสิ่งที่ฉันถนัด
•เลือกตามความถนัดของเราเองไม่ขึ้นอยู่กับสถาบัน ต้องรักในงานที่ทำ จะหัดพูด ฟัง ภาษาอังกฤษ ไม่ตามกระแส
•สำหรับการเลือกเรียนไม่จำเป็นต้องเลือกเรียนสถาบันชื่อดังอย่างเดียว แต่ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ สำหรับฉันชอบวิชาอังกฤษ ต้องฝึกฝนบ่อยๆ ฝึกพูด อ่าน เขียนเยอะๆ
•จากที่เคยคิดว่าคณะดีๆ คือคำตอบดีๆ ของชีวิต แต่เมื่อมาฟังในวันนี้แล้ว ทำให้มีมุมมองที่กลับกัน การที่เราจะเก่ง จะประสบความสำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่ ชื่อมหาลัย หรืออยู่ที่คณะที่เลือก แต่อยู่ที่ตัวของเราเองว่าชอบอะไร ต้องการทำอะไร ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ใช่การทำตามค่านิยมที่ผู้อื่นกำหนดขึ้น เพราะการประสบความสำเร็จที่แท้จริง คือการที่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบให้ประสบความสำเร็จอย่างดีที่สุด
•ปรับตัวโดยเริ่มจากตอนนี้ ให้ค้นหาตนเองให้เจอว่าชอบอะไร แล้วเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเป็น สิ่งที่อยากเรียน และเลือกคณะในสิ่งที่เราชอบ โดยเรียนในมหาลัยไหนก็มีค่าเท่ากันถ้าเรารู้จักเรียน มีความคิด มีความกล้า อย่างสร้างสรรค์ สร้างความกล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ อย่างสร้างสรรค์
•ทำตามในสิ่งที่ตนเองชอบ แลคิดว่าทำได้ดี และจะไม่ตามเพื่อน และค้นหาความฝันอาชีพในอนาคตให้เจอจะไม่ให้ใครมาบังคับได้ และจะเสริมที่วิชาที่ตัวเองอ่อนที่สุด จะไม่รอคอยให้ใครมาบอกว่าเราอ่อนวิชานี้นะไปตริวได้แล้ว
•จะเลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ และเรียนในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำได้ดีที่สุด จะไม่เลือกตามเพื่อน หรือ ตามค่านิยม โดยเอาตัวเองเป็นหลัก
•จะปรับปรุงตัวเองในการเข้ามหาลัย คือ ไม่ฟังแต่อาจารย์แนะแนวอย่างเดียว ต้องศึกษามหาวิทยาลัยด้วยตนเอง ด้วยทางคอมพิวเตอร์ ส่วนวิชาที่เราจะเรียนต้องเป็นวิชาที่เราสนใจจริงๆ ไม่ตามเพื่อน
•ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่ คือ สายวิทย์ คณิต ฉันเคยคิดว่าฉันอยากเป็นเกี่ยวกับด้านการแบงก์ หรือธนาคาร ตอนนี้เรียนคณิตศาสตร์ ฉันกำลังตั้งใจศึกษา บางครั้งฉันคิดว่าจะอ่อนวิชา แต่คิดแล้วว่าจะเรียนอะไรขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราชอบมากกว่าต้องคิดว่าเราจอยู่กับสิ่งนั้นได้หรือไม่
•อยากเรียนภาษาอังกฤษเก่งๆ จะได้มีงานทำที่ดี
•ต้องเลือกเรียนที่จะทำงานในอนาคตได้
•อยากเรียนภาษาอังกฤษเก่งๆ อยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ
•จะไม่ยึดติดในค่านิยม
•ถ้าเราชอบภาษาอังกฤษ แต่ไม่เก่งก็ต้องรู้จักฝึกหรือบ่อยๆ
•ต้องค้นหาตนเองให้เจอ
•ต้องรู้จักคิดนอกกรอบ
•คิดให้เป็น คิดสร้างสรรค์
•ได้รู้ว่าราควรจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อได้ก้าวสู่การไปเรียนมหาวิทยาลัยทำให้เราได้ค้นหาตัวเอง และต้องฝึกวิชาที่ตนเองไม่ต้องรู้เรื่อง เช่น ภาษาอังกฤษ
•เมื่อจะเรียนอะไรแล้วเราก็ต้องนึกถึงอนาคตของเราด้วยว่าจะทำงานอะไร
•เมื่อเข้าไปอยู่มหาลัยแล้วเราจะต้องพยายามหาความรู้ด้วยตนเองให้มากขึ้น และภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สำคัญจะพยายามฝึกฝนให้มีความรู้มากขึ้น
•ต้องเลือกวิชาที่เราชอบ และการงานในอนาคต
•จะเรียนวิชาที่ชอบ และมองถึงอนาคต
•ฉันจะศึกษาหาความรู้รอบตัวให้มากขึ้น และฝึกเรียนภาษาให้หลายๆภาษา คือ Eng จีน
•จะไม่เรียนตามค่านิยม
•จะคิดนอกกรอบ แต่ไม่นอกศีลธรรม
•จะสนใจภาษาต่างประเทศมากขึ้น
•ก็คือจะตั้งเป้าหมายให้แน่ชัด ไม่เชื่อคนอื่น เชื่อในความสามารถตนเอง แล้วก็จะทำตามเป้าที่ตั้งใจให้ดีที่สุด
•ขยันให้มากขึ้นกว่าเดิม
•ใช้ใจในการศึกษา
•เลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ โดยที่ไม่ฟังในสิ่งที่คนอื่นบังคับ
•เลือกเรียนมหาลัยที่ตนเองชอบ โดยที่ไม่มีใครมาบังคับ
•เลือกคณะที่ชอบจริงๆ
•ขยันเรียนให้มากกว่านี้ เพราะมหาลัยต้องใช้ความขยัน ถ้าไม่ขยันก็จะเรียนไม่จบ
•คือ จะใฝ่รู้ด้วยตนเอง แสวงหาในสิ่งที่เราต้องการ แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ หมั่นฝึกทำในสิ่งที่เราไม่ได้ เช่น คณิต อังกฤษ
•เลือกเรียนคณะที่ตัวเองชอบไม่เลือกเรียนตามเพื่อน
•เลือกเรียนคณะที่ตัวเราชอบ แต่ต้องนึกถึงอนาคตด้วยเหมือนกัน
•เวลาเลือกเรียนจะไม่เลือก สถานที่ที่มีชื่อเสียง เพราะเราเรียนที่ไหนก็เหมือนกันมันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
•มีความรับผิดชอบมากขึ้น
•ขยันหาความรู้ด้วยตนเอง
•ไม่ตามเพื่อน
•มีจุดมุ่งหมายในการดำรงชีวิตในวันข้างหน้า
•เลือกในสิ่งที่ตนเองรัก และชอบ
•ผมจะนำไปปรับตัวโดยการอ่านหนังสือมากขึ้น เลือกมหาลัยตามความต้องการของตัวเอง และคนที่แนะนำ จะขี้เกียดน้อยลง และตั้งใจฝึกทุกภาให้ได้ และจะนำคำสอนครูไปใช้
•ผมจะทำตามที่ผมชอบ ผมจะไม่ให้พ่อแม่บังคับ ในการเข้าคณะต่างๆ และผมจะเข้าคณะนิติศาสตร์ให้ได้ และจะต้องเก่งภาษาต่างประเทศด้วย ผมจะต้องเป็นผู้นำในสิ่งที่ผมเรียนมา
•ผมจะพยายาม อดทน และทำตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ให้ได้ ผมจะฝึกภาษาต่างประเทศให้ได้หลายภาษา
•ฉันจะต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้น
•การปรับตัวของฉันก็ คือ ก่อนที่จะทำอะไรควรที่จะคิดให้รอบคอบก่อน เพื่อที่เราจะได้มานั่งคิดทีหลัง ฉันจะฝึกการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น
•การปรับตัวของข้าพเจ้า คือ จะตั้งใจเรียน และหมั่นฝึกฝนในสิ่งที่ตนเองด้วย และจะนำความรู้ทั้งหมดมารวบรวมในความรู้ของข้าพเจ้าเพื่อทำในสิ่งที่ฝันเอาไว้
•เลือกคณะที่ชอบ เลือกสถาบันที่ชอบ
•คบเพื่อนที่เข้าใจกัน
•จะช่วยเหลือตัวเองให้มาก จะพยายามไม่พึ่งแต่ตนเอง
•จะขยันเรียน ขยันค้นคว้าหาความรู้เยอะๆ
•จะตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศ
•ค้นหาความถนัดของตนเอง
•เลือกคณะที่ชอบที่สุด
•เลือกสถาบันที่จะเข้า
•วิธีการปรับตัวในการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของข้าพเจ้า คือ จะไม่เรียนตามเพื่อน จะเรียนตามความชอบ และความถนัดของตนเอง และจะหมั่นทบทวนเนื้อหาที่ไม่เข้าใจ
•ตั้งใจ
•ขยัน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
•อ่อนวิชาอะไร ต้องทำให้เก่งมากขึ้น
•สนุกกับการเรียน วิชาที่เรียน
•ไม่หลงกับค่านิยม
•ต้องขยันให้มากๆ
•ต้องเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งมากๆ
•ต้องคิดว่าเราต้องทำให้ได้
•ต้องเลิกทำตัวเดิมๆ
•ได้รู้เกี่ยวกับการเรียนต่อมหาวิทยาลัย
•ตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้
•ฉันชอบในอาชีพ ทันตแพทย์ ฉันจะปรับตัวในการเข้ามหาลัยของตัวเอง และมีความพยายามในการเรียนมากขึ้นจะต้องเรียนให้เป็นผู้นำ ต้องเป็นที่ 1 ของทุกๆคน เรียนเพื่ออาชีพที่เรารัก
•ฉันจะไม่เลือกมหาลัยที่มีชื่อเสียงเท่านั้น ฉันจะเลือกมหาลัยที่มีคณะที่ฉันอยากจะเรียน และมีคุณภาพ และฉันจะเริ่มปรับตัวเอง คือ ฉันจะคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น ไม่เรียนแค่ในตำรา และสนุกในการเรียนของฉัน เพื่ออนาคตที่ดีทั้งใน และปัจจุบัน และอนาคต
•สิ่งที่อยากจะปรับตัวเองนั้น คงเป็นเรื่องของความคิด และลักษณะนิสัย เนื่องจากความคิดในตอนนี้ “ยังไม่ดีพอ” การวางแผน ชีวิตยังมีที่ปรับปรุงแก้ไข ส่วนลักษณะนิสัยนั้น ก็คงต้องปรับสภาพตัวเองให้เข้ากับสังคมที่ใหญ่ขึ้นซึ่งต้องใช้ความพยายาม และเวลามาพอสมควร
•การเลือกเรียนที่เราชอบที่เราสนใจ ดีกว่าเลือกเรียนค่านิยมของมหาลัยดังๆ ต้องรู้จักขยันหมั่นเพียรทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาที่อ่อนต้องเน้นวิชานั้นให้มากขึ้น ไม่ควรเลือกเรียนตามเพื่อนๆ เพราะเปรียบเสมือนอนาคตของเรา
•ข้าพเจ้าจะนำสิ่งที่ ดร. พูดในวันนี้ไปปรับปรุงแก้ไขตามความคิดเรื่องเข้ามหาลัยใหม่ เพราะตอนแรกข้าพเจ้ากำลังสับสนเรื่องที่จะเข้ามหาลัย จะเข้าที่ไหนดีแล้วคะแนนจะถึงไหม หรือว่าจะเป็นเอกชนดี เป็นต้น
•จะไม่เลือกเรียนตามเพื่อน แต่เลือกสิ่งที่ชอบ
•จะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น
•จะเรียนสิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการ
•จะเลือกเรียน ม.ที่เปิดกว้าง เรียนที่ชอบ และสามารถเรียนได้ ไม่เลือกตามค่านิยม เลือกเรียนที่ไม่ตกงาน
•หนูจะเลือกมหาลัยที่ตัวเองชอบ จะไม่เลือกตามเพื่อน ส่วนคณะที่เรียนหนูจะเลือกตามที่หนูชอบ และคิดว่าหนูเรียนได้ เมื่อจบมาหนูจะต้องมีงานทำ
•ข้าพเจ้าจะนำไปปรับตัวโดยการ จะตั้งใจเรียนให้มากขึ้น จะส่งงานให้ตรงเวลา ไม่เป็นดินพอกหางหมู จะขยัน จะตามความฝันให้ได้ ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ และหาความรู้เพิ่มเติมไม่ละทิ้งการเรียน
•หนูจะต้องเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด โดยเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก และก็พร้อมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น หมั่นศึกษาในวิชาที่ตนเองชอบด้วย ความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในกรอบ
•อยากเรียนพยาบาล แต่อ่อนภาษาอังกฤษเลยกลัวเรียนไม่ได้ มีหลายอย่างที่เป็นปัญหา เรื่องความสูงก็มีผลทางด้านการเรียน และอนาคตการทงาน แต่ตอนนี้ก็เลือก สหเวชศาสตร์ เพราะไม่ได้เป็นพยาบาลก็ยังทำงานสายแพทย์ได้
•การปรับตัวในการเข้ามหาลัยนั้น ต้องขึ้นอยู่ที่ตัวเองเป็นหลัก เป็นที่ตั้ง ค่อยๆเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์รอบข้างให้ได้มากที่สุด ฝึกฝนภาษาอังกฤษ และวิชาที่ถนัด เลือกคณะที่เหมาะสมกับตัวเอง สายอาชีพ
•จะไม่เลือกเรียนมหาลัยที่พ่อบังคับ จะเลือกที่อยากเรียน และจบไปมีงานทำ ไม่ตกงาน จะขยันเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ
•ดูแลตัวเองให้มากขึ้น
•รับผิดชอบให้มากขึ้น
•ปรับปรุงตัวเอง
•ใช้จ่ายอย่างประหยัด
•เป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น
•กล้าคิดทำในสิ่งที่ชอบ เรียนในสิ่งที่คิด ที่จะทำในอนาคต ( ตามใจตัวเอง )
•ผมได้แนวทางในในการเลือกคณะมากขึ้น เลือกให้เหมาะกับตัวเอง เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ และยังทำให้มีแนวทางในการคิดนอกกรอบ แต่คิดในสิ่งที่ดี
•ได้แนวทางในการหาสถานที่เรียนที่เหมาะสมกับตัวเอง และให้เราค้นพบกับตัวเองว่าชอบในด้านใด ควรที่จะไม่ยึดถือกับสถาบันดังๆ ทำตัวเองให้ดีที่สุด
•จะต้องเลือกในคณะที่เราชอบ และสนใจ จะต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ตามใคร แลในเรื่องของการเรียน จะต้องสนใจ และหมั่นทบทวนถ้าวิชาไหนด้อย ก็ต้องขยันเรียน ทบทวนบ่อย และซักถามอาจารย์จนเข้าใจวิชาที่ต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก คือ ภาษาอังกฤษ
•ค้นหาตนเอง
•เลือกคณะที่ชอบ ผมอยากเรียนที่มหาลัยที่ชื่นชอบ
•จะตั้งใจเรียน
•อาชีพที่ฉันใฝ่ฝัน
•หนูจะปรับตัวเนื่องการเรียน คือจะต้องเรียนให้มีความสุขสนุกกับวิชาที่เรียน ขยันหมั่นอ่านหนังสือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนเป็นประจำ ฝึกฝนในวิชาที่อ่อนให้ดีที่สุด
•หนูจะตั้งใจเรียนมากขึ้นเพื่อเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่ชอบ และอยากเรียนมากที่สุดถึงจะไม่ค่อยเก่งคณิตศาสตร์ แต่ก็จะพยายามตั้งใจ และทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมหาลัยไหนก็ตาม
•ดิฉันจะเลือกคณะที่เหมาะกับดิฉัน เช่น เกษตร เพราะดิฉันเป็นลูกหลานชาวนา เคยทำเกษตรมาตั้งแต่เด็ก จะขยันขึ้นไม่ตามเพื่อน และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด จะไม่เลือกเรียนแพทย์ เพราะไม่เก่งเคมี เป็นคนที่กลัวผีมาก จึงเลือกเรียนเกษตร เพราะเป็นคนชอบธรรมชาติ
•จะไม่เรียนในมหาลัยตามค่านิยม จะกล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด พัฒนาตัวเองให้อยู่ในสังคมอนาคตอย่างมีความสุข คำนึงถึงความเป็นจริง
• ข้าพเจ้าจะถึงจุดเด่นในวิชาที่ถนัด คือ ภาษาอังกฤษ มาใช้ในการสอบต่อในต่างประเทศ และนำความรู้วิทยาการต่างๆ มาปรับใช้ และพัฒนาประเทศของข้าพเจ้า
•เข้าเรียนที่มหาลัยที่จะเรียนในคณะนั้นๆ โดยใฝ่เรียนให้ให้มากๆ เพราะในอนาคตไม่แน่ไม่นอนเราเราจบเกี่ยวกับอะไรมา งานเราก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนนั้นเลยก็เป็นได้
•ไม่เลือกคณะตามความนิยม
•ไม่ตามเพื่อน
•ไม่จำเป็นต้องเข้ามหาลัยดังๆ
•ทำตามใจที่ตัวเองอยากเป็น อยากเรียน
•รู้จักการหาความรู้ด้วยตนเอง
•ศึกษาต่อด้วยค่านิยมที่ถูกต้อง ไม่ยึดติดกับสถาบัน ยึดความสามารถเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
•เลือกสาขาวิชาด้วยความสนใจ และรอบคอบ เน้นความสนใจของเราเป็นหลักประกอบจากข้อมูลหลากหลายที่ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
•ภาษาอังกฤษเป็นอนาคตทางอาชีพ คนที่ได้เปรียบด้านภาษาอังกฤษย่อมมีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า
•ฉันจะปรับตัวในการเข้ามหาลัย ก็คือจะค้นหาตัวเองก่อน ก่อนจะตัดสินใจเข้ามหาลัย จะเรียนในสิ่งที่ฉันสนใจ จะพยายามศึกษาสิ่งที่สนใจจะทำตามความฝันที่อยากจะเป็นให้ได้
•เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ และมีความสามารถในการเรียนนำความใฝ่ฝันของตัวเองผลักดันให้ตัวเองเรียนอย่างมีความสุข
•พัฒนาความรู้ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
•ไม่ยึดติดกับคำว่าสถาบัน
•ใฝ่หาความรู้ในเรื่องภาษา
•เลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ และสามารถทำได้ดี จะเชื่อในตัวเองมากขึ้น เชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าเชื่อคำบอกกล่าวของพ่อ แม่ จะคิดนอกกรอบ และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะฝึกภาษาให้พูดมากกว่า 2 ภาษา
•จะเรียนเพิ่มเติมในภาษาต่างประเทศ เพราะ วิกฤตเศรษฐกิจตอนนี้ ภาษาอังกฤษจะพาตัวของฉันก้าวไปไกลในอนาคต และไม่อดตาย
•การเรียนอะไรที่เราชอบ เราต้องค้นหาตัวเองก่อนว่าเราชอบสิ่งไหนถ้าเราไม่รู้ว่าชอบอะไร เราอาจจะไม่มีความสุขในการเรียน ไม่จำเป็นต้องเข้ามหาลัยดังๆ คนเราจะเก่งได้นั้นต้องรู้จักคิดให้เป็น วิเคราะห์เป็น และมีความคิดสร้างสรรค์
•จะต้องค้นให้เจอว่าตนเองถนัดอะไร ชอบอะไร แต่ตอนนี้ก็ค้นพบแล้วว่าตัวเองถนัดวิชาสังคมและชอบมากด้วย อยากเรียนรัฐศาสตร์เอกสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และมั่นใจมากว่าจะสอบเข้าได้ และเอกการเมืองการปกครอง
•หนูอยากจะเป็นคนเก่งให้มากกว่านี้ เพราะถ้าเราเก่งแล้ว เรามีวิชาแล้ว เราก็สู้คนอื่นเค้าได้เหมือนอย่างที่ ดร. บอก ถ้าบางองค์กรรับแต่บุคคลที่อยู่สถาบันมีชื่อเสียง ไม่รับคนเก่งคนมีประสบการณ์ องค์กรเค้าอาจจะไปไม่รอก็ได้ ถ้าเรามีความรู้มากไม่จำเป็นต้องกลัวใคร
•คิดว่าต้องการทำการทบทวนบทเรียนเสมอหลังจากที่เรียนจบในแต่ละวัน และคิดว่าเราถนัดหรือชอบด้านไหนจะได้หาตัวเองเจอดูสภาพแวดล้อมในปัจจุบันว่าอาชีพไหนทำแล้วสบายใจ
•ฉันจะปรับตัวตาม ดร.จีรบอก คือ ให้สำรวจตัวเอง ถามตัวเองว่าเก่งอไร มีความสามารถอย่างไร ไม่จำเป็นต้องเข้ามหาลัยดีๆ เราจะเรียนอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเชื่อพ่อแม่ผู้ปกครอง
•จะเรียนอย่างตั้งใจ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ขยัน ต้องคิดถึงอนาคตของตนเอง
•สร้างความรู้พัฒนาการทางด้านต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้น จากที่มีมากอยู่แล้วก็ให้มากขึ้นไปอีก
เพื่อจะให้เก่ง และรอบรู้กว่าใครๆ
•ฉันจะฝึกพูดอ่าน และเขียนภาษาอังกฤษ จะเรียนแบบที่ตนเองต้องการ และคิดว่าจะเรียนได้ และเข้าใจ
•ฉันจะเรียนตามแบบที่ฉันชอบ โดยไม่ฟังใครทั้งสิ้น ฉันจะพยายามตั้งใจเรียน และขยันทำงานให้มากกว่านี้
•ฉันจะเรียนแบบที่ตนเองชอบ จะฝึกฝนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น มีความมุ่งมั่นในการหาความรู้ อย่าเรียนตามกระแสนิยม เรียนที่ตนเองชอบ
•จะต้องตั้งใจและขยันให้มากขึ้น
•เลือกวิชาที่ถนัด และที่ชอบ ทำให้สำเร็จอย่าไปยอมแพ้
•อยากจะตั้งใจเรียนเพราะ อยากจะเข้าสาขาสารสนเทศ และจะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเพราะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นคุยกับลูกค้าต่างประเทศ
•ที่จริงแล้วผมอยากจะเป็นทหารครับ แต่ผมก็จะตั้งใจเรียน เพื่อสอบเข้าทหาร ผมอยากเรียนแบบที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้
•อยากเก่งภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ และผมจะติวเข้ม เพื่อจะได้มีความรู้มากขึ้น เพื่อจะได้เป็นนักโปรแกรมเมอร์ที่ผมฝันได้
•การที่เราจะเป็นคนเก่งได้ ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเก่งในวันนี้ เพียงแต่เรียนให้สนุก และร่วมกิจกรรมที่มี
•เลือกวิชาที่ชอบหาความรู้ใส่ตัวเสมอฝึกวาดรูปบ่อยๆด้วย
•ค้นหาตัวเองว่า อยากเรียนในวิชาสาขาอะไร ตั้งใจทำคะแนนในระดับ ม. ปลายให้ดีที่สุด ตามข่าวสารจากมหาวิทยาลัยต่างๆ
•ฉันจะเชื่อตัวเองมากขึ้น จะไม่เชื่อคนอื่นมาก จะเรียนทุกวิชาอย่างมีความสุข และจะตั้งใจเรียนภาษาให้เยอะๆ เพราะจะเข้าการตลาด และจะนำผลิตภัณฑ์ของเราออกขายในประเทศ และส่งออกนอกด้วย
•Active ตัวเองมากขึ้น และจะหาความรู้ใหม่ให้ตัวเอง และไม่อยากเป็นลูกน้องใคร
•ตั้งใจเรียน ขยันมากขึ้น ไม่เชื่อคนอื่นง่าย ควรเชื่อตัวเอง ต้องมีความหวังและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและคารมของผู้อื่น ( อยากเป็นสถาปัตย์กรรม ) คิดที่จะเป็นแล้วต้องเป็นอย่างที่คิด
•หากเรารู้ตัวเราว่าเราอ่อนอะไร วิชาอะไรที่เราได้เกรดน้อยเราก็ควรหาเวลาติววิชาที่เราอ่อน
•ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ และคว้าโอกาส เมื่อมีโอกาสมาถึงตัว
•ต้องรู้จักอนาคต
•จะเรียนที่อยากเรียน และจะต้องเรียนแล้วมีงานทำมีเงินที่ดี
•จะเรียนให้เป็นนายจ้าง เป็นเจ้าของธุรกิจ
•ให้ตั้งใจเรียน ให้สนใจเรียนมากขึ้น ให้สนใจอนาคตตัวเอง
•จะไปเรียนพิเศษ
•จะเรียนที่ยังไม่เรียนกัน
•จะไปเรียนพิเศษ
•จะเรียนที่ยังไม่เรียนกัน
•จะไปเรียนพิเศษ
•จะเรียนที่ยังไม่เรียนกัน
•ตั้งใจเรียนในสิ่งที่เราชอบ และใฝ่ฝันอยากจะเป็น
•ถ้าผมข้ามหาลัยอย่างแรก คือ หาเพื่อนที่เรียนเก่งๆเพื่อว่า ถ้าเราไม่เข้าใจอะไรเราก็ปรึกษาเพื่อนได้
•ตั้งใจเรียนในสิ่งที่เราชอบ
•การเรียนอะไรก็แล้วแต่ต้องคำนึงถึงงานที่จะทำ การที่จะเป็นคนเก่งได้อาจไม่ต้องเก่งในวันนี้ อาจจะเก่งในอนาคตภายภาคหน้าได้ การที่จะเป็นคนเก่งไม่จำเป็นต้องเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงเสมอไป ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรามากกว่า
•อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่เป็นคนไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ ทำอย่างไรดีค่ะ พี่จีระ
•เมื่อฟังแล้วข้าพเจ้าจะนำสิ่งที่ ดร. พูดมาปรับความคิดของข้าพเจ้าเอง เช่น เมื่อก่อนอาจจะคิดว่า จะเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียง จะเชื่อพ่อ แม่ ทีให้เรียนในมหาลัยที่ท่านอยากให้เรียน แต่เมื่อฟังแล้วข้าพเจ้าจะเลือกเรียนมหาลัยที่มีคุณภาพมากกว่าชื่อเสียง และเน้นหนักไปทางภาษาอังกฤษ เพราะข้าพเจ้าอยากทำงานในการบริการชาวต่างชาติ เช่น งานในโรงแรม เป็นไกด์
•เชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าคิดว่าชอบอะไรมุ่งไปที่สิ่งนั้นเลย ปัจจุบันมีสถาบันที่มีชื่อเสียงเยอะ แต่คนส่วนใหญ่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียง และค่านิยม ดิฉันคิดว่าอนาคตอยากจะเรียนคณะ สื่อมวลชน อยากจะเป็นนักข่าวนะ แต่ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะทำงานอะไร...สุดท้ายนี้ เรียนเพื่อให้ความรู้ และ สามารถนำไปประกอบอาชีพที่ชอบได้ เลือกคณะ สาขาที่ใช่นั่นแหละดีกับทุกคน
•จะใจตั้งเรียนในวิชาที่อ่อนให้มากๆ
•จะค้นหาตัวเองในสิ่งที่ชอบ แล้วทำให้ดีขึ้น
•จะฝึกฝนวิชาภาษาอังกฤษให้มากๆ
•อ่านหนังสือมากขึ้น
•ตั้งใจเรียน
•ติววิชาที่รู้ว่าตัวเองอ่อน
•เน้นภาษาอังกฤษมากขึ้น
•ตอนนี้ ณ เวลานี้ต้องค้นหาตัวเองค่ะ ว่าหนูถนัดอะไร และเก่งวิชาอะไร
•หนูอยากเรียน ม.เกษตรศาสตร์ เพราะเป็นความชอบส่วนตัว ที่พ่อกับแม่ห้าม และคัดค้านมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถเรียนได้เพราะหนูเรียนสายไทย สังคม ตอนนี้จะเรียนเกี่ยวกับการอนุรักธรรมชาติค่ะ
•หนูจะติวคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ให้มากกว่าคนอื่น
•เรียนอะไรก็ได้ที่มีคนทำงานน้อย
•เตรียมตัวให้พร้อม
•อ่านหนังสือเพิ่มเติมก่อนเข้ามหาลัย
•เพิ่มเติมความรู้วิชาที่ด้อยกว่าของตน
•เลือกเรียนที่คิดว่าใช่ในตัว
•ในความคิดตอนนี้ ของดิฉันเราไม่เก่งอะไร แต่ชอบในสิ่งนั้น ดิฉันก็พยายามจะทำในสิ่งที่ต้องการ และหวังว่าจะเข้าเรียนมหาลัยที่อยากจะเรียนให้ได้ ดิฉันเองเป็นคนชอบภาษาอังกฤษ ชอบพูด แต่ไม่รู้ไวยากรณ์ ก็จะพยายามทำความเข้าใจให้ได้
•เรียนอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเรียน
•คนเรามีความหวังได้ แต่อยู่ที่เราพยายาม
•ฉันจะตั้งใจอ่านหนังสือให้มากกว่านี้
•ค้นหาตัวตนของฉันว่าฉันชอบอะไร และเก่งในด้านอะไร
•ฉันเลือกเรียนวิชาที่สามารถหางานทำได้ดีในอนาคต
•เพิ่มความคิดในการเข้ามหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้า มีความต้องการ ความคิดของตนเองว่าไม่จำเป็นต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเท่านั้น มหาลัยทุกที่ให้ความรู้ทุกที่เหมือนกันขึ้นอยู่กับตัวเองว่าต้องการเรียน อนาคตอยากเป็นอะไร มอบความรู้ อย่าเรียนเพื่อชื่อเสียงที่โด่งดังเท่านั้น
•เตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม และด้านการศึกษา
•เลือกในสิ่งที่ตนเองอยากเป็น และมองถึงอนาคตข้างหน้า
•พยายามพูดภาษากลางให้ได้
•เมื่อได้ฟังคุณจีระให้แนวทางมา ดิฉันที่ได้แนวทางเยอะมากมาย ฉันชอบภาษาอังกฤษ ฉันอยากเป็นพยาบาลสองภาษา อยากไปเรียนเมืองนอก ฉันต้องมุ่งมั่น และใส่ใจให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ
•จากการที่ได้รับฟังในวันนี้ ดิฉันจะไปปรับปรุงตัวเองในการกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องในการเรียน ดิฉันเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนภาษาอังกฤษ และจะพยายามตั้งใจเรียนวิชาอังกฤษมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่เข้าใจก็จะถามอาจารย์ทุกครั้ง
•ฉันคิดว่าต่อไปนี้ฉันจะต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้มากขึ้นตั้งใจอ่านหนังสือ ฉันอยากเรียนนิติศาสตร์ เพราะฉะนั้นฉันจะต้องฝึกตนเองให้เป็นคนขยันอ่าน ขยันท่อง ขยันจำ และจะต้องเป็นคนที่ตรงไปตรงมา และต้องเชื่อมั่นในตนเอง จะได้พัฒนาตนเองให้เป็นคนดีของสังคม
•ต่อไปจะเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่ จากที่เคยคิดว่าภาต่างประเทศต่างไม่ค่อยมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันเท่าไหร่ เพราะเราเกิดในประเทศไทยส่วนมากก็จะใช้ภาษาไทย แต่จากนี้ไปก็จะศึกษาภาษาต่างประเทศอื่นๆ เพื่อความก้าวหน้าทางการศึกษา และงานในอนาคต
•ตั้งใจและสนใจในสิ่งที่ครูสอน ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม โดยการเรียนพิเศษหรือศึกษาด้วยตนเอง และการเรียนภาษา ฝึกภาษาให้คล่อง และใส่ใจ เลือกวิชาที่เราชอบสนใจ และความสามารถเราได้เพื่ออนาคตของเราจะได้หางานทำได้สะดวกค่ะ
•ทำให้เราได้รู้ว่าเราควรที่จะตัดสินใจได้แล้ว ค้นหาตัวเองได้แล้วว่าเราควรจะเลือกเรียนอะไร อันไหนที่เราไม่ได้ก็ควรที่จะพยายามอย่างเช่น ภาษาอังกฤษถึงจะพออ่านได้ แต่เราก็ควรที่จะต้องแปลได้ด้วย ทุกวิชามีคุณค่าหมด มันอยู่ที่ตัวเราว่าต้องการอะไรมากกว่าถ้าเราเรียนสิ่งที่ไม่ชอบ เรียนไปก็ไม่สบายใจ ทุกข์ใจเปล่าๆ เราควรที่จะเลือกเรียนที่ชอบ
•ได้รู้ว่าควรจะฟัง พ่อ แม่ ครึ่งหนึ่ง อาจารย์ฝ่ายแนะแนวครึ่งหนึ่ง และมาพิจารณาว่าเราเหมาะกับอะไร เราไม่เหมาะกับมหาลัยที่หินๆ และเราก็ควรจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม และเราก็ต้องเรียนที่หางานเหมาะกับตัวเรา
•เรียนอย่างสนุกสนานโดยอาศัยความเข้าใจ
•เรียนโดยดูจากความถนัดของตนเอง
•ดูว่าตัวเองจะเป็นอะไรแล้วตั้งใจเรียนวิชานั้นมากขึ้น
•ฉันจะปรับตัวในเรื่องการเรียนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะจะได้ตามทันคนอื่นได้ แต่ในความคิดของตนเองอยากเรียนพยาบาล และเรียนนิติศาสตร์ จะฝึกฝนตนเองเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ และคณิตให้มากขึ้นกว่าเดิม จะได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ฉันอยากจะเรียน
•ฉันจะปรับปรุงตัวเองด้านภาษา เพราะตนเองนั้นเป็นคนค่อนข้างขี้อายไม่กล้าแสดงออกเม่าไร และจะเปลี่ยนค่านิยมของตัวเองใหม่จากการที่สนใจจะเข้าศึกษาเกี่ยวกับมหาลัยดังๆ มาเป็นการเรียนเพราะตนเองชื่นชอบ และสนใจศึกษาต้องขึ้นอยู่กบความถนัด และความสามารถของตนเอง
•ฉันจะปรับตัวโดยการติวฟิสิกส์จะได้เข้าวิศวะได้โดยการไม่ไปวุ่นวายหามหาวิทยาลัยดังๆ เราจะได้มี
สิทธิ์ที่จะเข้ามหาวิทยาลัยอื่นได้ ถ้าเราเลือกมหาวิทยาลัยดังๆแล้วเราเข้าไม่ได้จะทำให้เราเสียใจที่ทำไม่ได้
•ฉันอยากเป็นนางพยาบาล การที่จะเป็นพยาบาลก็ต้องเก่งวิชาชีวะ ภาษาอังกฤษ ฉันเป็นคนเรียนค่อนข้างอ่อน ฉันอยากเรียนอังกฤษเก่งๆ และจะหาที่ติว หาที่เรียน จะฝึกทำข้อสอบให้มากๆ ถ้าไม่ได้ก็ขอให้มีงานทำมีเงินเดือน
•การปรับตัวอยากเข้าวิศวกรในตอนนี้อยากทำตามใจตัวเองตามความถนัดของตัวเอง อยากเรียนเกี่ยวกับทางด้านกีฬา อยากเป็นครูสอนพละศึกษา เรียนไปร่างกายแข็งแรงด้วยได้ความรู้ด้วย และได้งานทำค่อนข้างยากดูน่าจะตื่นเต้น แต่ถ้าเราตามใจที่เรารักยังไงเราก็ต้องได้ดีจากที่เราเรียนมา
•การปรับตัวในการเข้ามหาลัย เมื่อเรารู้ว่าเราชอบ หรือถนัดอะไร ก็หามหาลัยที่ตรงกับความต้องการ หรือความถนัดของเรา และเรารู้ว่าเราอ่อนในวิชาอะไร ก็ฝึกฝนให้เราเก่งขึ้นเพื่อจะได้มีความรู้ไว้ใช้ในอนาคต
•สิ่งที่ได้จากการฟังทำให้คิดรู้สึกว่า ต้องคิดให้ดี และจะคิดถึงภาษามากขึ้นโดยตัวเองแล้วก็ชอบอยู่แล้วภาษา แต่ว่าไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่
•จากการที่ได้รับฟังคำบรรยายทำให้ดิฉันอยากจะมีความคิดนอกกรอบเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีแนวในการจะมีเรียนมหาลัยที่ขว้างขวางมากขึ้นและรู้ว่าตนเองชอบอะไร
•ตัวผมจะเชื่อในตัวของผม ซึ่งเลือกที่จะเรียนนิติศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่ผมชอบ และตัวผมก็คิดที่จะจริงจังกับสาขานี้ ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด แต่ผมก็ได้เลือกแล้ว
•เมื่อได้ฟังคำบรรยายท่านให้แนวทางในการศึกษาต่ออุดมศึกษาว่าไม่จำเป็นต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่มี
ชื่อเสียงเราต้องคิดก่อนว่าเราชอบอะไร อยากเป็นอะไรเพื่ออนาคตต่อไปและจะมีงานทำที่ดี
•จะเรียนคณะรัฐศาสตร์การเมือง การปกครอง เพื่อมาปกครองประเทศชาติให้ก้าวหน้า ถ้าคิดจะเรียนอะไรก็ต้องคำนึงถึงอนาคตเราให้มากที่สุดสู่อนาคตที่ดีๆ
•ผมอยากข้ามหาลัยที่ผมต้องการ และไม่ยากกว่าที่ผมจะทำได้ โตขึ้นผมจะเรียนภาษาต่างประเทศมากขึ้น เพื่อที่จะได้ทั่วถึงไม่อยู่ในโลกแคบๆ
•ข้าพเจ้าฟังแล้วได้รับความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยที่ไหนก็มีความรู้เหมือนกัน หรือไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็มีอนาคตเหมือนกัน
•เมื่อได้ฟังแล้วก็ได้นำไปปรับใช้กับตัวเอง ทำให้ข้าเจ้าได้ค้นหาตัวเอง ว่าชอบอะไร เลือกเรียนอย่างไร ให้เหมาะกับตัวเอง
•ข้าพเจ้าจะปรับตัวโดยการไม่เลือกเรียนในวิชา หรือคณะที่ตนเองไม่ได้ชอบจริงๆ จะเลือกเรียนในสิ่งที่ข้าพเจ้าชอบ หรือถนัด และมีความสามารถ
•ข้าพเจ้าจะมีความพยายาม และมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ชอบอย่างจริงจังจะพยายามค้นหาเป้าหมายในชีวิตที่ข้าพเจ้าจะทำในอนาคต
•ได้รู้แนวทางในการศึกษาต่อไปว่าจะทำอย่างไร อ่อนวิชาใดก็จะได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น และได้รู้ว่าเราชอบอะไร ถ้าเรียนแล้วจะนำไปประกอบอาชีพได้หรือไม่ เพราะมีผลต่ออนาคต
•ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น ว่าการเข้ามหาลัยไม่จำเป็นต้องเข้าตามสังคมนิยม ว่ามหาลัยไหนดังถึงจะเข้า แค่เราชอบสิ่งไหน ค้นหาว่าถนัดอะไร และค้นพบว่าตัวเองอยากประกอบอาชีพอะไร
•จะปรับเรื่องการมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง คือจะทำสิ่งใดก็จะคิดก่อนว่าสิ่งนั้นที่ทำเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเอง และผู้อื่น โดยคำนึงถึงความเป็นตัวของตัวเอง
•จากที่ฟัง ดร.จีระ มานะค่ะ ได้ค้นพบตัวเองว่าเราจะเลือกเรียนอะไร เราต้องตัดสินใจก่อน เราต้องฝึกฝนอย่างแรก คือ ภาษาอังกฤษ
•ฉันสามารถบอกตนเอง และเปลี่ยนแปลงตนเองได้ เมื่อฉันได้ฟัง ดร.จีระ แนะแนว ฉันได้เปลี่ยนความคิดเดิม และอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มให้มากขึ้น
•ฉันยังตามหาอนาคตยังไม่เจอ ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรแต่อย่างไรอนาคตก็ต้องทำให้ดีที่สุดจนกว่าจะถึง
จุดมุ่งหมาย
•ม. เกษตร คณะวิทย์ เกษตร ในตอนนี้ดิฉันเรียนสายวิทย์ คณิต เพราะฉันจะได้ใช้ในการดำรงชีวิต เพราะฉันคิดว่าหมอมีคนอยากเป็นมาก และทำไมเราต้องไปแย่งกันเรียนมากๆด้วย
•ข้าพเจ้าอยากเป็นพยาบาลอยากเข้ามหาลัยที่ดี ข้าพเจ้าจะตั้งใจเรียน ขยันอ่านหนังสือ เพื่ออนาคตต่อๆไปของข้าพเจ้าเอง
•ให้รู้การที่จะเลือกที่จะเรียนว่าถนัดวิชาอะไรให้เลือกวิชา หรือคณะนั้น แล้วคณะที่เราจะเรียนเมื่อจบแล้วต้องมีงานรองรับด้วย
•จะตั้งใจเรียนมากขึ้น โดยวิชาภาษาอังกฤษ เพราะเรียนไม่ค่อยเก่งซึ่งในอนาคตอังกฤษจำเป็นอย่างมาก และต้องเลือกมหาลัยในคณะที่เราชอบเรียน
•การปรับตัวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย คือ ตอนนี้ยังอ่านภาษาอังกฤษอยู่ที่จะหาที่เรียนภาษา เพื่อที่พอเข้ามหาวิทยาลัยจะได้เรียนได้อย่างมีความสุข แล้วพอไปพบชาวต่างชาติจะได้สื่อสารได้
•เราจะปรับตัวจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง ว่าเราเป็นคนอย่างไร เราเข้ามาเรียนเพื่อเราจะทำในสิ่งที่ต้องการ ต้องสามารถอยู่ได้บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข และเน้นว่าทำในสิ่งที่ตนเองรัก
•จะเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ
•จะตั้งใจเรียนเพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า
•หนูอยากจะปรับ หรือพัฒนาตัวเองให้ก่งขึ้น มีความคิดที่หลากหลาย และอยากจะเรียน และประกอบอาชีพในอนาคตอย่างถูกทางอย่างที่ ดร.จีระได้บอก ว่าควรรู้จักค้นพบตนเองจากความชอบของเราก่อน
•ต่อไปจะเปลี่ยนตนเองให้เรียนเก่งมากว่าเดิม และที่สำคัญจะพยายามเน้นภาษาให้มากขึ้น และได้มีงานดีๆ การที่เราจะเลือกเปลี่ยนตัวเองว่ามันเปลี่ยนกันยาก แต่ก็ต้องเปลี่ยนเพื่อการศึกษาที่ดีในภายภาคหน้า
•ต่อไปจะเปลี่ยนตัวเองอย่างไร ต้องเรียนให้เก่งกว่าเดิม และที่สำคัญควรรู้ว่าเราจะเรียนอะไร และเรียนอะไรถึงจะดีสำหรับเรา
•ผมว่าถึงจะได้เรียนที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอกครับ ถ้ารู้ว่าตัวเองชอบเรียนอะไร และจะประกอบอาชีพที่ผมชอบทำ ก็จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด
•เมื่อเข้าไปแล้วก็เข้าไปที่คณะที่ตัวเองชอบ คือ นิติ และเมื่อข้าไปก็จะตั้งใจให้มาก ขยันอ่านหนังสือ เรียนนิติไปกับภาษาจีน เพราะตอนนี้เรียนสาย ศิลจีน เพราะตั้งใจอยากเป็น อายาการ
•ผมจะปรับตัวอย่างแรก คือ ผมจะอ่านหนังสือที่ผมเข้าคณะนั้นๆ และปรับตัวเข้ากับสังคมที่อยู่ด้วยกัน และพยายามให้เข้าใจมากที่สุด
•ถ้าเข้ามหาลัย จะต้องมหาลัยที่ชอบจะได้เรียนอย่างมีความสุข และจะเรียนอย่างตั้งใจ และพยายามเรียนให้เข้าใจมากที่สุด
•อยากเก่งภาษาอังกฤษเราะเป็นการใช้ติดต่อทำงานสื่อสาร เพราะอยากเรียนการบริหารธุรกิจ และการส่งออก
•ให้ตั้งใจเรียน ให้สนใจในการเรียนการสอนมากขึ้น
•เรียนไปเถิดจะได้เกิดผล ( ไม่รู้ว่าดีหรือเสีย ) เรื่องของผมครับ
•อยากเรียนอะไรต้องนึกถึงตัวเราเองว่าเราชอบอะไร เราไปทางด้านนี้ ไหวหรือเปล่า
•เรียนสิ่งที่เราถนัดที่สุด และหางานได้ง่ายที่สุด
•ผมจะเรียนวิทยาลัยพละ เพราะผมชอบกีฬา และนำมาสอนนักเรียนเมื่อเรียนจบมาเป็นครู
•เรียนอะไรก็ได้ที่ชอบ
•อยากเรียนที่เกี่ยวกับภาษา เพราะรีเยนสิ่งที่ตนเองชอบ
•เรียนอะไรก็ได้ขอให้มีงานดีๆทำ
•ฉันสนใจอยากจะเรียน การปกครอง เพราะนึกถึงอนาคตจะได้มีงานดีๆทำ จะทำอะไรก็ได้ในรัฐบาล
•เดินตามทางที่ฝัน และทำให้มันเป็นจริง
•เรียนอะไรก็ได้ ขอให้เรามีงานทำครับผม สู้ๆ
•เรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ และสนใจ
•ปัจจุบันเรียนภาษาจีน อยากเป็นไกด์ค่ะ
•จริงๆ อยากเรียนทางด้านภาษา แต่ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษสักเท่าไร จึงกลัวที่จะพูดคุยทางด้านนี้
•ต่อไปข้าพเจ้าจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ ตั้งใจเรียน ฝึกฝนภาษาอังกฤษให้มากกว่าเดิม
•ดูตัวเองว่าถนัดอะไรก็เรียนแบบนั้น และต้องดูด้วยว่าตัวเองเรียนได้หรือเปล่า
•เรียนในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่ต้องการ และทำในสิ่งนั้นให้เต็มที่ ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับการตัดใจของเรา
•เลือกในสิ่งที่เราชอบและทำได้ พ่อแม่สนับสนุนจบไปมีตลาดรองรับ
•ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรดียังไม่ค่อยสนใจในความรู้ของตัวเองว่าจะเรียนอะไรคงต้องให้มันแน่ชัดกว่านี้
•สิ่งที่หนูต้องการคือ การฝึกเรียนภาษา เพื่อนำไปใช้ในอนาคต และฝึกฝนวิชาที่เราไม่รู้เพื่อนำไปใช้
•จะต้องเรียนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น และค้นพบในสิ่งที่เราต้องการ
•เปลี่ยนแปลงตัวเองเริ่มทำในสิ่งที่เราชอบเรารัก เตรียมตัวให้พร้อมในการสอบติววิชาที่เราจะสอบ
•ฉันจะเป็นตัวของฉันเอง ทำในสิ่งที่ชอบ จะไม่ท้อเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
•ได้รู้จักแนวทางว่าเราต้องการสิ่งใดมากที่สุด เพราะอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ
•จะเรียนออกแบบตกแต่งภายในให้ได้ และก็ชอบวาดภาพ จะพยายามฝึกฝนบ่อยๆ ให้เก่ง