ขุนคลังทนงฟันธงการเมืองป่วนเศรษฐกิจ ปี’50 แสนสาหัส
การลงทุนชะงัก เบิกจ่ายงบประมาณไม่ได้เกือบ 9 เดือน
รัฐบาลใหม่งานหนักแน่
ต้องโชว์ฝีมือปั้นโครงการนอกงบประมาณมาหนุนเสริมไม่เช่นนั้นพัง
นายทนง พิทยะ
รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า
เศรษฐกิจไทยในปีนี้ถือว่ายังดีอยู่
ไตรมาสแรกนั้นน่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 5% แก่ ๆ
แม้จะมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน
และความเสี่ยงทางด้านการคลัง
ที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
รวมถึงปัญหาทางการเมือง ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้าออกไป
การลงทุนที่หดตัวลงเหลือ 2-3% ซึ่งถือต่ำสุดในรอบหลาย ๆ
ปีที่ผ่านมา
นายทนง กล่าวว่า
สำหรับปีหน้าจะอาการหนักกว่านี้
เพราะถึงตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการลงทุนของภาคเอกชนเริ่มหดตัวอย่างรุนแรง
และชะลอการตัดสินใจเพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจน
ในขณะที่งบประมาณการลงทุนของรัฐบาลซึ่งมีประมาณ 25%
ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่สามารถทำได้เพราะพิษการเมือง
ที่ผ่านมา
รัฐบาลรักษาการต้องรักษามารยาททางการเมือง ไม่มีการประมูลโครงการใหม่
การอัดฉีดเงินลงทุนเข้าระบบเศรษฐกิจทุกอย่างจึงชะงัก
ตอนนี้ต้องเร่งให้มีการประมูลงานของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ
รวมถึงต้องอัดฉีดเงินลงไป ให้เร็วที่สุด
โครงการเมกะโปรเจ็กต์ต้องขับเคลื่อนต่อไปและดันให้เศรษฐกิจโต
4.5%
นายทนง กล่าวว่า
ประเด็นสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจในอนาคตยังมีปัญหาที่รุนแรง คือ
การใช้เงินงบประมาณ ปี 2550 จะล่าช้ากว่ากำหนด
ที่เดิมต้องเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม 2549 นี้
แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพิจารณาเป็นกฎหมายออกมาใช้ได้เพราะไม่มีรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
เมื่อคิดตามข้อมูลขณะนี้ หากมีการเลือกตั้งใหม่ 15 ตุลาคม 2549
จะใช้เวลาอีก 1 เดือน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ประกาศผลการเลือกตั้ง มีการตั้งรัฐบาล และต้องใช้เวลาอีก 1 เดือน
ช่วงเดือนธันวาคมจึงจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล
กว่าจะพิจารณางบประมาณได้ในเดือนมกราคม
หลังจากนั้นก็ต้องใช้เวลา 3-4 เดือน
กว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 จะผ่าน
การพิจารณา จากรัฐสภา
ซึ่งนั่นหมายถึงว่าจะใช้ได้ในเดือนมีนาคม 2550
ซึ่งล่าช้าไปจากปกติกว่า 6 เดือน
และในส่วนของ
งบลงทุนของรัฐบาลที่ถือเป็นหัวรถจักรสำคัญซึ่งมีประมาณ 25%
ของงบประมาณรายจ่ายซึ่งตกประมาณ 1.47-1.5 ล้านล้านบาทนั้น
ต้องใช้เวลาประมูลงานอีก 3 เดือน ทำให้การเบิกจ่ายต้องล่าช้าออกไปถึง
9 เดือน ทำให้งบลงทุน 25% ของเงินงบประมาณใช้อะไรไม่ได้เลย
ถือว่าอันตราย “ในปี 2550 เป็นปีที่ผมยังนึกไม่ออก
จะทำนายเศรษฐกิจเป็นเท่าไร ผมไม่ห่วงเศรษฐกิจปี 2549
เพราะเสถียรภาพยังอยู่
แต่ผมเป็นห่วงความอ่อนไหวการเมือง ทำให้การพิจารณางบประมาณล่าช้า
และรัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะเป็นใครจะใช้งบลงทุนปี 2550
ได้ในครึ่งปีหลังของปี 2550” นายทนง กล่าว
นอกจากนี้ นายทนง ยังห่วงเรื่องการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ
ที่ชะลอการลงทุนใหม่แม้ว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(บีโอไอ) แล้วก็ตาม เพราะไม่แน่ใจปัญหาการเมือง
การจะลงทุนใหม่ก็ต้องรอจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
ซึ่งการที่เศรษฐกิจขาดทั้งเงินลงทุนจากทั้งภาครัฐที่มีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณไม่ได้
และจากเอกชนที่ไม่มั่นใจ ทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าจึงน่าเป็นห่วงมาก
รมว.คลัง คนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารเศรษฐกิจของประเทศ
ขอให้ได้คนเก่งมีความสามารถเข้ามาบริหารต่อ “ในปี 2550
รัฐบาลใหม่จะต้องทำอะไรที่เป็นพิเศษ
ในการบริหารเศรษฐกิจ
ต้องหาโครงการใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในเงินงบประมาณมาดำเนินการ
เพื่ออัดเงินเข้าระบบ ชดเชยจากความล่าช้าของใช้งบประมาณ
และการชะลอการลงทุนของเอกชน
ผู้นำของรัฐบาลชุดใหม่จึงต้องเป็นคนที่ต้องกล้าตัดสินใจและต้องคิดหาวิธีการใหม่
ๆ มาลากเศรษฐกิจที่ทรุดให้ดีขึ้น” นายทนง กล่าว
โพสต์ทูเดย์ 1
มิ.ย. 49