"ผมคิดว่าการที่เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กทำให้เรารักถิ่นฐานบ้านเกิดรักป่าของเราและผมก็คิดว่าคนรุ่นผมจะเป็นรุ่นต่อไปที่ต้องถ่ายทอดและปลุกฝังให่เยาวชนรุ่นต่อไปให้เป็นเหมือนรุ่นผมเป็นเหมือนรุ่นของพ่อหลวงเมือง" พี่ชัย
สวัสดีวันครูกับการขึ้นบล็อกวันนี้นะคะ อาจจะช้าไปหนึ่งวันสำหรับกำหนดการขึ้นบล็อกแต่ก็เป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับวันครูค่ะ(คนเขียนแอบแก้ตัว)
วันนี้วันครูทำให้ดิฉันนึกถึงหลายคนที่อยู่ที่ปางจำปี ไม่ว่าจะเป็นพ่อหลวงเมือง ลุงสวัสดิ์ ลุงกร ลุงเสริฐ พี่ชัย พี่โหน่ง น้องแจ๊คหรือแม้แต่เด็กๆตัวน้อยๆไกด์นำทางของพวกเรา
พวกเขาเปรียบเสมือนครูของพวกเราที่ได้ให้ความรู้หลายๆอย่าง ที่ชาวเมืองอย่างเราๆไม่รู้นอกเหนือจากความสนุก ความประทับใจแล้วและที่สำคัญเราจะต้องได้กลับมาก็คือคำตอบจากข้อสงสัยของกลุ่มเรา
แหม!!!เล่นกับอะไรไม่เล่นดันมาเล่นกับความคิดของคน !!
เด็กๆแสนขี้อายไกด์ตัวน้อยของพวกเราค่ะ
นึกย้อนกลับไปที่ปางจำปีวันนั้นจำได้ว่าหลังจากกินข้าวกลางวันได้ข่าวว่ากลุ่มปางจำปาแอบไปงีบหลับที่ศาลาการเปรียญวัด อุ๊ย!!!ไม่ใช่ค่ะพวกเราไปวางแผนต่อไปที่เราจะทำกันในคืนนี้
(คือการแอบต้มมาม่าแล้วไม่บอกกลุ่มอื่นรู้ อ้าว...)
ไม่ใช่ค่ะ พวกเราเตรียมการสัมภาษณ์พี่โหน่ง พี่ชัย และน้องแจ๊ค แกนนำเยาวชนของหมู่บ้านปางจำปี
แหมวางแผนได้ไม่เท่าไรพี่โหน่งแกนนำเยาวชนก็มาเรียกซะแล้ว และก็บอกว่า จะพาไปที่พักของเรานั่นก็คือศูนย์การเรียนรู้บ้านวังปลา
เดินจากหมู่บ้านไปตามทางถนนลาดยางนั้นเหนื่อยไม่เท่าไหร่ให้พอได้ออกกำลังนิดๆ พอถึงปากทางเข้าไปที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านวังปลาพวกเราก็ใจชื้นขึ้นมาทันที เพราะคิดว่าคงใกล้จะถึงแล้ว ต่างดีใจกันยกใหญ่
แต่พี่โหน่งบอกว่าอีกนิดเดียว แหมคุณพี่คะ ก็คุณพี่ขี่มอเตอร์ไซค์นี่นามันก็ใกล้สิคะ แล้วคุณพี่โหน่งก็ยังบอกอีกว่าอีกกิโลเดียวเองเดี๋ยวพ้นตรงนี้ก็จะถึงแล้ว
พอเดินเข้าจริง ป๊าดดดดโท๊ะ กิโลแม้วชัดๆ เหนื่อยสุดพลังข้าวนึ่งเลยค่ะ
พอตกกลางคืนเราก็มีเวลาหลังจากการทำกิจกรรมกลุ่มใหญ่มาสัมภาษณ์พี่ๆ
จากการที่ได้สัมภาษณ์และถามคำถามย่อยที่เตรียมมาก็พบว่า พวกพี่ๆได้ตอบคำถาม เหมือนกันกับลุงๆป้าๆเมื่อเช้าเป๊ะหรือไม่ก็คล้ายๆกัน พวกเราจึงคิดคำถามสด ชวนคุยไปเรื่อยๆ บางครั้งก็ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อยเปื่อย แต่ปรากฏว่าคำตอบที่ได้นั้น กลับเป็นคำตอบที่พวกเราต้องการซะอย่างนั้น
จากการถามเล่นๆว่า"พวกพี่ๆไม่คิดจะไปทำอะไรที่มันได้เงินเยอะๆเหรอ"
ฟังจากน้ำเสียงการตอบแล้วจะรู้สึกว่าพวกพี่ๆจะจริงจังมากเลย
"ถึงได้เยอะจริงเราก็เสียเยอะเหมือนกัน ลองคิดดูสิว่า พอได้เงินเยอะจากการที่ทำงานในเมืองใหญ่ เราก็ต้องเสียค่าครองชีพที่สูง และเอาชีวิตไปเสี่ยงกับมลภาวะต่างๆ สู้ได้เงินน้อย แต่ชีวิตมีความสุขจะดีกว่า อยู่อย่างไม่ดิ้นรนมีกินมีใช้ชีวิตพอเพียง มีความสุขที่สุดแล้วจะเอาอะไรอีก"
เป็นคำตอบที่ออกมาจากปากแต่กลั่นกรองออกมาจากใจของพี่ชัย
คนเขียนเองยังนึกอิจฉาเลยว่าเมื่อไหร่หนอที่จะได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างนี้บ้าง
ส่วนน้องแจ๊คเองก็เหมือนกันโดนไปเยอะ ท่าทางจะโดนหนักกว่าคนอื่นเสียด้วย แหม...พวกเราก็แซวน้องเขากันจัง!!~
แต่ที่น่าประทับใจตรงที่รู้ข่าวมาว่าน้องเขาติดที่ต้องไปแข่งฟุตบอลกับเพื่อนๆตรงกับวันที่พวกเราไปปางจำปีกัน แต่เขายกเลิกนัดและไม่ไปแข่งเพื่อพวกเราพอถามเขาตรงๆเห็นน้องเขาจะออกอาการเขินๆไม่กล้าตอบ แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว น้องเขาก็เขินจริงๆด้วยแหละ ,,^___^,, ความจริงแล้วน้องแจ๊คจะบอกเราว่า เขาตั้งใจที่จะมาช่วยนำทางพวกเรา ถ่ายทอดความเป็นนักอนุรักษ์และให้ความรู้ด้วย (ไม่รู้ว่าพ่อสั่งหรือน้องตั้งใจมาเอง คนเขียนแอบแซว)
น่าปลื้มใจแทนชาวบ้านปางจำปีที่มีเยาวชนที่รักบ้านเกิดได้ขนาดนี้แม้แต่คนเขียนเองที่เป็นเด็กบ้านนอกยังมีความคิดรักบ้านเกิดได้ไม่เท่าน้องแจ๊คเลย สงสัยต้องกลับไปสำนึกรักบ้านเกิดกันใหม่แล้วล่ะค่ะ
ส่วนเด็กๆตัวน้อยๆที่เดินตามลุงเสริฐ ลุงกร ก็มีบทบาทไม่น้อย พวกเขาได้ทำให้ชาวเมืองอย่างเราๆได้เข้าใจถึงความเป็นเด็กที่ต้องการอยากรู้อยากเห็น แต่พวกเขาได้รับความรู้และซึมซับการ รักป่า รักต้นน้ำลำธารไปในตัว
อีกหน่อยในอนาคตวันข้างหน้าพวกเขาคงเป็นแบบลุงเสริฐ ลุงกร แน่ๆเลย
เด็กๆมาร่วมฟังการสัมภาษณ์
ขอบคุณนะคะสำหรับเยาวชนนักอนุรักษ์ที่ได้ทำให้พวกเราได้รู้อะไรหลายๆสิ่ง
จากความคิดของพี่ๆน้องๆชาวปางจำปี
ขอขอคุณกลุ่มสมุนไพร
ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์รูปให้กับกลุ่มเรา
เขียนโดย
นางสาวชนัญญา เรือนรักเรา
5214101313