วันนี้เรื่องนครปัตตานีก็คือการปกครองตนเอง แต่รูปแบบปกครองตนเอง ถ้าถามผม ผมคงไม่พุ่งเป้าหรือฟันธงว่าจะต้องเป็นรูปแบบไหน เพราะมันต้องมาจากฐานความคิดของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จริงๆ ว่าเขาต้องการรูปแบบใด แล้วรูปแบบนั้นได้ก่อตัวขึ้นมาจากการพูดคุย มีส่วนร่วมด้วยกัน จึงจะออกมาเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดและตรงกับสิ่งที่เขาอยากจะได้ แค่นี้วิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ก็จะดีขึ้นเป็นลำดับแล้ว
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม
ที่ผ่านมา มีการจัดเวทีนครปัตตานี ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ที่
มอ.ปัตตานี
ในวันนั้น
ก่อนขึ้นเวทีมีนักข่าวสาวของ ศูนย์ข่าวอิศรา ชื่อแวลีเมาะ ปูซู
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา มาสัมภาษณ์ลุงเอก
ผ่านไปสักสัปดาห์เขาเอาบทสัมภาษณ์มาลง
วันนั้นถามหลายเรื่องหลายเองหลายประเด็น ไม่มีสคริ๊ป
ตอบไปตามธรรมชาติ อ่านแล้ว
ความคิดที่ออกมาโดยธรรมชาติน่าจะดีกว่าเตรียมการ
ผลสรุปเขาเอามาลงเว็บดังนี้
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ :
ชายแดนใต้ไม่ถูกแบ่งแยก...แม้มี “นครปัตตานี”
กระแสเรื่อง “นครปัตตานี” ยังไม่จบ
เพราะแม้รัฐบาลประชาธิปัตย์จะแสดงจุดยืนชัดว่าไม่เห็นด้วย
แต่ก็ต้องขยับเนื้อขยับตัวตอบรับกับกระแสที่แรงร้อนในพื้นที่พอสมควร
ล่าสุดนายกฯเตรียมแก้กฎหมาย 4
ฉบับรวดเพื่อยกเครื่องการปกครองส่วนท้องถิ่น
นำร่องพื้นที่จังหวัดชายแดน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับเคลื่อนประเด็นว่าด้วย “นครปัตตานี”
โดยเฉพาะการจัดเวทีสัมมนาทางวิชาการเรื่อง
“นครปัตตานีภายใต้รัฐธรรมนูญไทย : ความฝันหรือความจริง?”
ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ 10
ธ.ค.ที่ผ่านมา มีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อ “สถาบันพระปกเกล้า”
เป็นหนึ่งในองค์กรร่วมจัดและให้การสนับสนุน
“ที่จริงเรื่องนครปัตตานีไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการพูดคุยกันมานาน
และผมไม่ได้รู้สึกตื้นเต้นเหมือนที่ภาครัฐฟังคำประกาศออกมาแล้วเหมาว่าต้องการแบ่งแยกดินแดน
ส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าพี่น้องในพื้นที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน
ถ้าหากคิดว่าต้องการแบ่งแยกดินแดน
ผมไปสู้ในสนามรบดีกว่ามาสู้กันอย่างนี้
เท่าที่ผมดูตัวเลขจากการเลือกตั้งปี 2550 (23 ธ.ค.2550
ช่วงปลายรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์)
คนในพื้นที่นี้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่า 70%
และเป็นแบบนี้เกือบทุกปี
สิ่งนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าเขายังต้องการอยู่ในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนี้
ไม่ใช่ต้องการแบ่งแยกดินแดน
ถามว่ากลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกมีไหม...ก็มี แต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่
ผมคิดว่าถ้าพวกเขาต้องการแบ่งแยกจริง
คงไม่ออกมาเลือกตั้งมากอย่างนี้หรอก เลือกตั้งแค่ 5%
ให้รู้ไปเลยว่าเขาไม่ชอบระบอบการปกครองนี้
กลับกันถ้าเราย้อนไปมองเขตปกครองพิเศษอย่างกรุงเทพมหานคร (กทม.)
คนมาเลือกตั้งแค่ 50% อย่างมาก 60%
แสดงว่าคนไม่สนใจระบอบประชาธิปไตยเลย
จุดหลักที่ผมดู การที่จะเกิดนครปัตตานีขึ้นได้
ผมว่าเป็นกระแสของการเมืองภาคประชาชนในปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นการเริ่มต้นพูดคุยเป็นสิ่งที่ดี จริงๆ
แล้วการจัดเวทีเพื่อพูดคุยกันแบบนี้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง
แต่พรรคการเมืองไม่ค่อยทำเรื่องเช่นนี้ให้ประชาชนมากนัก ทั้งๆ
ที่หน้าที่ของพรรคการเมืองคือสร้างองค์ความรู้ให้กับประชาชน
ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 7 ทรงตรัสเอาไว้ว่า
การจะมีระบอบประชาธิปไตยได้ ต้องให้ความรู้กับประชาชนก่อน
แล้วให้ประชาชนปกครองตนเอง”
O กระบวนการนับจากนี้จะเป็นอย่างไร
ประชาชนเสนอกฎหมายเองได้เลยหรือไม่?
แนวทางตามกระบวนการทางกฎหมายผมคิดว่าเสนอได้
แต่มันก็มีขั้นตอนของมัน โดยเฉพาะการจะออกพระราชบัญญัติ
จะทำแบบรวบรัดไม่ได้
ตอนนี้ก็มีคนเสนอหลายรูปแบบ ทั้งทบวง
(ตามข้อเสนอของนักวิชาการบางกลุ่ม และพรรคมาตุภูมิ) สบ.ชต.
(สำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแนวทางของ
ส.ส.ใต้บางกลุ่มในพรรคประชาธิปัตย์) หรือ ครม.ภาคใต้
(แนวทางที่รัฐบาลดำเนินการมาเกือบ 1 ปี)
ซึ่งมันมีความพิเศษอยู่แล้ว
แต่ถ้าถามผม...ผมไม่เห็นด้วย
คุณเห็นว่าปัญหาภาคใต้เป็นมาแล้วร้อยปี
คุณจะแก้ปัญหาในช่วงระยะเวลาทำงานของรัฐบาลที่เหลือแค่ 2-3 ปีหรือ
คิดว่าแก้ได้ไหม ถ้าคิดว่าแก้ไม่ได้
อย่าเอารูปแบบอะไรที่ไม่ยั่งยืนมาใช้ ต้องเอารูปแบบที่ยั่งยืน
คือรัฐบาลชุดนี้ไปแล้ว รัฐบาลใหม่มาก็ยังใช้ได้ต่อไปได้
ต้องเอารูปแบบนั้นมาใช้
การใช้โครงสร้างของ กอ.รมน.
(กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) แก้ปัญหาภาคใต้
ผมว่าไม่สามารถทำให้เกิดการแก้ไขยั่งยืนได้
O
อยากให้วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ว่าเป็นอย่างไร
ถูกทางหรือไม่?
รัฐไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนครปัตตานี เสมือนหนึ่งว่าต้องปกป้องตนเอง
เพราะถ้าไปเห็นด้วยเมื่อไหร่
กลัวคนที่อยู่พื้นที่ข้างนอกจะไม่เข้าใจและนำไปโจมตีรัฐบาลได้ว่าเป็นผู้ที่ทำให้เสียแผ่นดิน
ผมคิดว่าเรื่องอย่างนี้มันไม่น่าจะเกิดในยุคนี้แล้ว
ขนาดนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย นายนาจิบ ราซัก
ท่านยังแสดงจุดยืนเรื่องแบ่งแยกดินแดนว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้
หรือบางฝ่ายที่ออกมาติดป้ายทำนองให้นำปัตตานีไปรวมกับมาเลเซีย
เรื่องแบบนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าขอให้เกิดองค์กรในรูปแบบที่ประชาชนเขาต้องการ
แล้วฝ่ายรัฐเข้ามาสนับสนุน
มันถึงเวลาแล้วที่รัฐควรจะสนับสนุนไม่ใช่ชี้นำ
ทุกวันนี้และที่ผ่านมาทั้งหมดฝ่ายรัฐเป็นผู้ชี้นำจึงเกิดปัญหา
ซึ่งฝ่ายรัฐจะมารู้ดีและเข้าใจกว่าคนในพื้นที่ได้อย่างไร
O แล้วการร่วมจัดเวทีสัมมนาในเรื่องนครปัตตานี
เป็นการแสดงบทบาทอะไรของสถาบันพระปกเกล้า?
เวทีวันนี้ (นครปัตตานีภายใต้รัฐธรรมนูญไทย:
ความฝันหรือความจริง?) ผมมาในฐานะผู้สนับสนุน ไม่ได้ชี้นำ
ดูว่ารูปแบบน่าจะเกิดได้
แต่จะเกิดภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญไทยควรจะเกิดแบบไหน
เราก็เพียงแต่ให้ความรู้ความคิดเห็นเท่านั้น
O คิดว่า “นครปัตตานี” มีโอกาสเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน?
จริงๆ แล้วชื่อนั้นสำคัญไฉน จะเป็นชื่อ “นครรัฐปัตตานี” หรือ
“ปัตตานีมหานคร” ผมว่าไม่สำคัญ แต่ต้องไปดูในโครงสร้างที่เรานำเสนอว่า
โครงสร้างและระบบบริหารจัดการมันสอดคล้องกับวิถีชีวิตอย่างไรบ้าง
วันนี้ประชาชนในพื้นที่ เขาไม่เชื่อใจ
เพราะเมื่อไรมีการปกครองที่ส่วนกลางเข้ามาครอบงำทั้งหมด
มันไม่ได้มีประโยชน์ต่อคนในพื้นที่
ยกตัวอย่าง คนนอกพื้นที่จะตั้งคำถามว่า การมีเทศบาลตำบล
เทศบาลเมือง อบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) และอบจ.
(องค์การบริหารส่วนจังหวัด) ยังไม่พออีกหรือ
แล้วทำไมไม่เอาตรงนี้เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่เสีย
ต้องยอมรับว่าองค์กรเหล่านี้ วันนี้ถูกสั่งมาจากส่วนกลางทั้งหมด
งบประมาณก็อยู่ส่วนกลาง งบให้กระจายสู่ท้องถิ่นก็ยังทำไม่ได้ทั้งหมด
นี่คือปัญหา
ผมคิดว่าถ้าเกิดคนเราไม่ได้รับความเดือดร้อน เขาไม่ต้องการหรอก
เช่นเดียวกับคนที่ได้รับความยุติธรรมอยู่แล้ว
เขาก็ไม่ต้องการเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะนครปัตตานีหรืออะไร
เพราะเขามีความสุขแล้ว แต่ในปัจจุบันนี้ชาวบ้านไม่มีความสุข
เขายังเดือดร้อน
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นต่างจากหลายฝ่ายคือ
เราจะไปเอาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ หรือความหนาแน่นของประชาชน
ที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตั้งเทศบาลระดับต่างๆ มาใช้กับพื้นที่นี้ไม่ได้
เพราะถึงเขาจะมีประชากรไม่หนาแน่น แต่มีความหนาแน่นเชิงอัตลักษณ์
วัฒนธรรมสูงมาก และเป็นมุสลิมถึง 85%
เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์
ไทยพุทธเป็นชนกลุ่มน้อย
ทำอย่างไรถึงจะอยู่ร่วมกันได้มากกว่า
ผมยังมองเลยว่า เรื่องนี้ถ้าเผื่อขับเคลื่อนโดยชาวพุทธ
อยากให้เกิดการปกครองพิเศษอย่างนี้ขึ้นมาในพื้นที่
มันน่าจะเกิดได้ง่ายขึ้น โดยมีฝ่ายมุสลิมเป็นผู้สนับสนุน
ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงในพื้นที่นี้แล้ว
คนจะถามต่อว่าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเหตุการณ์ที่สู้รบกันอยู่มันจะจบลง
เราก็รับรองไม่ได้อีกนั่นแหละ
แต่ผมเชื่อแน่ว่ามันเป็นเชื้อเริ่มต้นที่จะทำให้คนเชื่อมั่นต่อระบบของรัฐมากยิ่งขึ้นกว่าในปัจจุบันนี้
O
สรุปว่ารูปแบบการเมืองการปกครองที่เหมาะสมกับวิถีของชาวบ้านในพื้นที่นี้ควรเป็นลักษณะใด?
วันนี้เรื่องนครปัตตานีก็คือการปกครองตนเอง แต่รูปแบบปกครองตนเอง
ถ้าถามผม ผมคงไม่พุ่งเป้าหรือฟันธงว่าจะต้องเป็นรูปแบบไหน
เพราะมันต้องมาจากฐานความคิดของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จริงๆ
ว่าเขาต้องการรูปแบบใด แล้วรูปแบบนั้นได้ก่อตัวขึ้นมาจากการพูดคุย
มีส่วนร่วมด้วยกัน
จึงจะออกมาเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดและตรงกับสิ่งที่เขาอยากจะได้
แค่นี้วิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ก็จะดีขึ้นเป็นลำดับแล้ว
แต่ผมผมยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า
คนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยังอยู่ที่นี่เหมือนเดิม
แต่ต้องการรูปแบบการปกครองที่เหมาะกับวิถีชีวิตของเขา
ปัญหาคือรัฐให้พวกเขาได้หรือไม่เท่านั้นเอง
อ่านแล้วมีความเห็นอย่างไรบ้าครับทั้งคำถามและคำตอบ