เด็กๆ จับปูใส่กระด้ง และการขอแบบละมุนละม่อม


Appreciative Inquiry : การขอแบบให้เด็กร่วมมืออย่างละมุนละม่อม

พรุ่งนี้ก็เป็นเทศกาลที่เราๆท่านๆทุกคนต้องเคยสัมผัส และต่างนับวันเฝ้ารอกันมาแล้ว

ใช่แล้วครับ... "วันเด็กแห่งชาติ" นั้่นเอง  จะวันเด็กทั้งทีก็ต้องอัพอะไรที่เกี่ยวกับเด็กสักหน่อยละกันครับ

หลายๆท่านคงเคยได้ยินคำว่า "จับปูใส่กระด้ง" ใช่ไหมครับ

ซึ่งไอจับปูใส่กระด้งเนี่ยเป็นปัญหาที่ทำให้คุณครู/พี่เลี้ยงเหนื่อยอกเหนื่อยใจกันมาแล้วทั้งนั้น

เพราะเด็กๆมักจะไม่เชื่อฟัง และไม่ทำตามที่เราสั่งเท่าไหร่ แต่ก็อย่าไปโกรธพวกเขาเลยครับ เพราะนั้นคือธรรมชาติของเขา



วันนี้ผมมีเทคนิคในการจับปูใส่กระด้งมานำเสนอครับ

เป็นวิธีที่ทำให้เด็กๆ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย สนใจฟัง และเต็มใจร่วมกิจกรรมที่เรานำเสนอให้กับพวกเขา

ว่าง่ายๆคือ ขอ...ให้พวกเขาร่วมมือกับเรานั้นเอง แต่โดยวิธีที่ละมุนละม่อมนิดนึงนะครับ

อันนี้จากประสบการณ์ตรงที่ผมเคยทำค่าย ทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธุ์กับเด็กๆมาเยอะ รับรองว่าได้ผลครับ



ก่อนอื่นผลขอแบ่งปัญหาจับปูใส่กระด้งเป็นปัญหาใหญ่ๆ 3 ปัญหานะครับ

ปัญหาแรกที่พบในการจับปูใส่กระด้งคือ เด็กๆจะกลัวเรา เพราะไม่คุ้นเคย เราเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเขา

ทำไงดีละทีนี้... ก่อนอื่นเราต้องจัดการกับตัวเองก่อนคือ สร้างให้ตัวเองเป็นมิตรกับเด็กๆครับ

แล้วทำยังไงละถึงจะเป็นมิตร ??? คำตอบก็ง่ายๆครับ ใครๆก็ทำได้ครับ "รอยยิ้มไงครับ"

ก่อนที่จะทำกิจกรรมกับเด็กๆขอให้ท่านลืมความเครียด ความทุกข์ในชีวิตของเราไปสักพัก และ"ยิ้ม" เพื่อเตรียมพร้อมที่จะให้ความสุข

ความสนุกกับพวกเขา ไอเจ้ารอยยิ้มนี้ละจะช่วยให้เด็กๆไม่กลัวเรา เด็กๆจะกล้าคุยกล้าเล่นกับเรามากขึ้น

และมันจะทำให้เราง่ายต่อการทำขั้นตอนต่อไปครับ อีกอย่างหนึ่งที่ลืมเสียไม่ได้เลย คือน้ำเสียงครับ อย่าแข็งกระด้างจนเกินไป

ให้มีระดับเสียงในการพูด ยิ่งสอดแทรกมุขตลกเข้าไปได้ยิ่งดีครับ ^^



ปัญหาต่อไปคือทำยังไงให้เด็กเงียบ และสนใจในสิ่งที่เรากำลังจะพูด เพราะธรรมชาติของพวกเขาคือชอบเล่น ชอบคุย

ไม่ใช่ไปสั่งเค้าว่า "เงียบ!!! ฟังหน่อย"  แบบนี้ไม่เวิร์คครับคะแนนในใจเด็กให้เราติดลบไปแล้ว แล้วผลที่ตามมาคือเขาจะไม่เชื่อฟังเรา

วิธีการที่จะทำให้พวกเขาเงียบได้อย่างละมุนละม่อมคือบอกพวกเขาแบบนี้ครับ... "น้องๆ/เด็กๆตบมือ 1 ครั้ง.. 1 ครั้ง.. 1 ครั้ง" ไปเรื่อยๆ

เชื่อไหมครับว่าเด็กๆจะเริ่มตบมือกันจาก 1 คนเป็น 2 คน จาก 2 คนเป็น 4 คน และสุดท้ายก็จะตบมือกันทั้งหมด

พอเริ่มรู้สึกว่าเขาตบมือตามที่เราสั่งแล้วก็ให้พวกเขาตบเพิ่มเป็น "2 ครั้ง...  3 ครั้ง..." แล้วค่อยเริ่มพูดครับ

เป็นเทคนิดที่ดูธรรมดาๆ แต่ผลที่ได้มันเวิร์คน่าใจหายครับ



ปัญหาสุดท้าย
คือ กิจกรรมที่จะให้เด็กๆทำ ควรเป็นแบบไหน เด็กถึงจะสนใจ และตั้งใจทำ

จากประสบการณ์ที่ผมทำค่ายมา การที่จะทำให้เด็กตั้งใจ และสนใจในกิจกรรมที่เรานำเสนอ มี 2 วิธีครับ

วิธีแรก คือให้กิจกรรมนั้น "มีการจับคนทำผิดครับ" วิธีนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เด็กๆสนใจกับกิจกรรมที่เรานำเสนอมากขึ้น

เพราะว่าเด็กๆไม่อยากจะโดนทำโทษครับ ยิ่งนิสัยของเด็กคือชอบเป็นผู้ชนะด้วยแล้ว ผลที่ได้ยิ่งทวีคูณครับ

อีกเทคนิคที่จะเพิ่มความสนใจให้กับกิจกรรมจับคนผิดคือ มุขตลกที่สอดแทรกเข้าไปครับ

เช่น-รอบแรกก็เล่นไปตามปกติ จับคนผิดออกมา เสร็จแล้วบอกว่า "รอบนี้... เป็นต้น" ความหมายก็คือรอบนี้ยังไม่เอาจริงนั้นเองครับ

ความสนุกของกิจกรรมก็จะเพิ่มมากขึ้น เด็กๆก็จะให้ความสนใจและสนุกกับกิจกรรมของเรามากขึ้นไปอิกครับ

วิธีที่ 2 คือจัดให้มีการแข่งขันครับ แบ่งเด็กๆออกเป็นกลุ่มย่อยๆ และเก็บคะแนนในทุกๆกิจกรรม

การที่มีคู่แข่งเหมือนกับเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาตั้งใจ และพยายามที่จะเอาชนะทีมตรงข้ามครับ

อาจจะมีรางวัลเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้พวกเขาอีก เด็กๆเป็นวัยที่ชอบการแข่งขันและอยากที่จะเป็นผู้ชนะครับ





ครับ... ปัญหาจับปูใส่กระด้งนั้นสามารถแก้ไขได้ ด้วยวิธีการขอให้ร่วมมือได้อย่างละมุนละม่อมสรุปได้ดังนี้

-สร้างตัวเอง (Build Up)เพื่อให้พร้อมที่จะไปขอให้พวกเด็กๆร่วมมือ ทำง่ายๆโดยการยิ้มครับ
-ขอให้เงียบเพื่อฟัง ด้วยวิธีการตบมือ
-ขอให้ร่วมกิจกรรม โดยใช้เทคนิคจับคนผิด หรือแบ่งกลุ่มเพื่อให้เกิดการแข่งขันครับ



วิธีต่างๆข้างต้นพิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้ผลครับ โดยเฉพาะในกิจกรรมกลุ่มสัมพันธุ์ตามค่ายต่างๆ

คุณครู พี่เลี้ยง หรือบุคคลทีกำลังประสบปัญหาการจับปูใส่กระด้ง ลองนำเทคนิคต่างๆไปดัดแปลงใช้ดูครับ

ผมเชื่อว่ามันจะทำให้การจับปูใส่กระด้งของท่านง่ายขึ้นอีกเยอะ ด้วยเทคนิคการขออย่างละมุนละม่อมนี้ครับ

ขอให้สนุกกับเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติครับ ^^


แล้วคุณละคิดยังไง

หมายเลขบันทึก: 325921เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2010 16:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เข้าบรรยากาศวันเด็กเลยถ้าทำได้จริงก็น่าจะดีนะ

เด็กๆอารมณ์ไม่แน่ไม่นอน จะขออะไรกับเด็กๆต้องค่อยๆพูดค่อยจากับเค้า อย่าใจร้อนค่ะ

แต่ถ้าใช้วิธีขอแบบนิ่มนวลแล้วยังไม่ได้ผลอีก คงต้องขอใช้กำลังกันแล้วค่ะ 555

กิจกรรมรับน้องสันทนาการต่างๆก็ใช้แนวนี้นะครับ

จะเด็กเล็กจนถึงวัยรุ่น ก็ยังใช้วิธีการเดียวกัน... แปลกดีนะครับ

สวัสดีครับคุณไพรัชช์

เป็นการนำจิตวิทยามาใช้ล้วนๆ อยากให้ครูนำไปใช้บ้างคงจะดีครับ

  • มาช่วยจับปู
  • ผมใช้เกมแทนครับ
  • ให้เขาเรียนรู้จากเกม จากเพลง

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ

@คุณnam-phueng ครับ... ผมว่าสามารถปรับใช้ได้จริงแม้กระทั้งในห้องเรียนเลยละครับ

@คุณOrn เหอๆ... ใจเย็นๆครับ ใช้กำลังไม่เวิร์คแน่นอน

@คุณsang อย่าว่าแต่วัยรุ่นเลยครับ ผมเคยเจออยู่ที่หนึ่งจัด Workshop สำหรับคนทำงาน เทคนิคนี้ก็ใช้ได้ครับ

@คุณพรชัย ครับ... ที่เขียนบทความนี้มาจุดประสงค์ก็อยากให้คุณครูลองนำไปปรับใช้ดูครับ ผมว่าน่าจะเวิร์คนะครับ

@คุณขจิต ฝอยทอง เรียนรู้จากเกมส์และเพลง... เป็นอะไรที่เวิร์คมากเลยครับ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่ผ่านมาไม่มากก็น้อยนะครับ ^^

  • ตามมาบอกว่า
  • ไปใช้กับครูก็ได้ครับ

หวัดดี วันเด็กจ้า

พี่แจ๋วแหวว

หนูรักเด็กคะ เพราะใจดี (เฉพาะเด็กดีนะคะ) ยังไงถ้าคุณเอิร์ท มีโอกาสเข้ามาให้ความรู้ เกี่ยวกับไฟฟ้า หนูบ้างนะคะ เพราะหนูยังอ่อนหัดมากๆคะ

จริงๆเลยค่ะ เคยสอนเด็กๆอยุู่เหมือนกัน ตอนเจอกันแรกๆเด็กๆเขาก็กลัว ไม่กล้าคุยไม่กล้าถาม

เราเลยต้องเข้าไปคุยกับเขาก่อน ชวนเขาเล่นเกมเพื่อให้รู้จักกัน แล้วเขาก็จะคุ้นกับเราเองค่ะ

ตอนนี้สอนพิเศษเด็ก ป.3 - ป. 6 อยู่ค่ะ

เทคนิคที่ให้เขาแข่งขันกันนั้นใช้ได้ผลมาก เขาจะกระตือรือร้นและสนใจ แต่อย่าลืมนึกถึงเด็กอ่อนที่ไม่ทันเพื่อนๆนะคะ

เพราะถ้าเข้าเรื่องวิชาการเมื่อไหร่ เขาจะไม่อยากแข่งกับเพื่อนเลยเพราะแพ้ทุกที เคยมีครั้งนึงที่เขารู้ตัวว่าสู้เพื่อนไม่ได้แล้วก็บอกว่า หนูขอยอมแพ้ค่ะ ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มแข่งเลย ดิฉันเลยใช้วิธีแข่งหลายแบบ ไม่ใช่ทางวิชาการอย่างเดียว เช่น แข่งเต้น แข่งร้องเพลง แข่งจ้องตากัน หรือแข่งใครออกเสียงพูดก่อนคนนั้นแพ้ อะไรทำนองนี้ จะทำให้เด็กที่เรียนไม่เก่ง มีความสุขอยากมาเรียนทุกครั้งค่ะ

สิ่งสำคัญที่ตัวเองต้องระลึกเสมอคือเจตนาดีที่เรามีต่อเขา คุยกับเขาด้วยเหตุผลเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งค่ะ ไม่ใช่เอะอะก็จะทำโทษอย่างเดียว แรกๆดิฉันก็เคยวีนแตกหลายครั้ง ยิ่งดุ ยิ่งดื้อ เขาจะต่อต้านทันที ตัวเองก็ร้องไห้หลายครั้ง ทำไมเขาไม่ฟังที่สอนเลยนะ เลยลองใช้วิธีค่อยๆพูดด้วยเหตุผลบอกข้อดีข้อเสียของการกระทำเขาค่ะ (อันนี้เพื่อนแนะนำมาอีกที) เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ค่ะ

ตอนนี้เลยชอบสอนเด็กแล้ว ท้าทายดีค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท