พวกเราทั้งหลายเกิดขึ้นมาร่วมบ้าน ร่วมประเทศ ว่าตนเองถือศาสนาพุทธ แต่ไม่ภาวนาถึงพุทโธเลย
อันที่จริงแล้วทรัพย์สมบัติทั้งหลายทั้งปวงนั้น ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่ของเรา เป็นของตกอยู่ในโลกอันนี้
เรือนที่เรานั่งอยู่นี้ คือ ร่างกาย เป็นเรือนไฟไหม้ ไหม้อยู่ตลอดคืนตลอดวัน
บุคคลผู้ใดจิตรวมลง เห็นร่างกายแนบเข้ามาเท่าช้างกระดิกหู เท่างูแลบลิ้น ก็มีอานิสงส์ไม่น้อย ตายแล้วไปเกิดในชั้นยามา ชั้นที่ ๓
พวกเราให้นั่งสมาธินะ ภาวนาให้เห็นเกิดดับของสังขาร ไม่เสียทีที่เราเกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่ง
อันที่จริงพญามารนั่นคือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
พวกเราทั้งหลายนี้ยังไม่เห็นเกิด ยังไม่เห็นดับของสังขารทั้งหลาย
จึงว่าตาภายในยังไม่ได้ลืมขึ้นมาให้เห็น
รูปอันนี้ สุขก็สุขพอประมาณ ไม่ใช่สุขอันไพบูลย์ ไม่เป็นบรมสุข
ภาวนาให้รู้เกิดดับของสังขาร จนจิตรู้ ถอนจากความหลง จนจิตอันนี้ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
รูปอันนี้ คือ ธาตุ ๔ วิญญาณมาสวมเอา เมื่อเรามาได้รูปอันนี้แล้วก็มาถือเอาว่ารูปอันนี้เป็นตัว
ปัญญาคือแสงสว่าง มันเกิดภายใน มันส่องเข้าไปเห็นกระดูกเห็นเส้นเห็นเอ็น เห็นความเกิดความดับของสังขารทั้งหลาย นี่ตัวปัญญาแท้
เมื่อบารมียังไม่เต็มตราบใด เหมือนกับว่าผลไม้ยังอ่อน
เราบ่มมันก็เหี่ยวไปเฉย ๆ
เมื่อบารมีมันแก่กล้า บ่มผลไม้ใกล้จะสุกแล้วมันก็หวาน
สวัสดีปีใหม่ ท่านอาจารย์หมอ JJ
อ่านหนังสือมามากแล้ว...ต่อไปอ่านจิต-อ่านใจตนเอง...หลวงปู่ดุลย์
สาธุ สาธุ
กราบขอบพระคุณครับ