เจงกิสข่าน นกเพนกวินและองค์กรแห่งการเรียนรู้


Appreciative Inquiry เพื่อองค์กรแห่งการเรียนรู้ (ตอนที่ 32)

เคยติดตามดูประวัติของเจงกิสข่าน  เจงกิสข่านเป็นนักการทหารที่เก่งและโหดเหี้ยมที่สุดในโลก ดินแดนของอาณาจักรมงโกลกว้างใหญ่ไพศาลจากทะเลญี่ปุ่นจนจรดเยอรมันตะวันออกครับ ตามมุมมองของผู้เขียนนั้นถ้าเจงกิสข่านไม่ตายก่อน คงจะเหลือแค่นกเพนกวินที่ขั้วโลกเท่านั้น ที่จะไม่ถูกพิชิต ครับหากเราดูหนังประวัติศาสตร์ก็จะเห็นแต่ภาพความกล้าหาญ และการล้างแค้นครับ แต่ดูให้ดีครับก่อนที่เจงกิสข่านจะขึ้นมาเป็นใหญ่ ท่านปฏิวัติอะไรหลายอย่างครับ อย่างแรกๆที่ทำเลยคือ การปฏิวัติธรรมเนียมประพณีครับ ประเพณีของมงโกลนั้น คนที่จะเป็นแม่ทัพได้นั้น จะจำกัดอยู่แค่ชนชั้นสูงเท่านั้นครับ ต้องเป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์เท่านั้น แต่เจงกิสข่านกลับคิดใหม่ทำใหม่ครับ ด้วยการมองที่สติปัญญาและความสามารถ ทำให้คนมงโกลเห็นกับตาเลยครับว่าแม่ทัพคู่ใจของท่านนั้น เดิมเป็นแค่เด็กในคอกม้าเท่านั้นครับ แม่ทัพคนนี้กลายเป็นผู้มีบทบาทในการขยายอาณาจักรของท่านจนถึงรุ่นลูกเลยครับ การใช้คนตามสติปัญญาความสามารถนั้นกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของอาณาจักรมงโกลครับ

ตัดภาพแค่ตรงนี้นะครับยังไม่ต้องพูดถึงการปฏิวัติด้านอื่นๆ เช่นการทหารซึ่งผมจะพูดต่อในด้านนวัตกรรมภายหลัง เราคงเคยได้ยินคำว่า "วุฒิ" ใช่ไหมครับ คำนี้ถ้าไล่ดูให้ดีเราจะเห็นว่า "วุฒิ" ปรากฏอยู่ในคำหลายคำเช่น วุฒิการศึกษา ส่วนผม ผมได้ยินอยู่สี่คำครับคือ

ชาติวุฒิ หมายถึงชาติกำเนิด

คุณวุฒิ  หมายถึง ยศ วุฒิการศึกษา

วัยวุฒิ หมายถึง อายุมากกว่า

ปัญญาวุฒิ หมายถึง การรู้จักคุณ โทษ และทางออก อะไรดีไม่ดี (ทำนองว่า EQ+IQ)

อาณาจักรมงโกลกลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะผู้นำปฏิวัติธรรมเนียมประเพณี ด้วยการยกเอาปัญญาวุฒิให้เหนือกวาสิ่งอื่นใดครับ ทำให้คนในอาณาจักรตื่นตัว ค้นพบความเป็นไปได้ เลยอยากเรียนรู้ (Learning) เพราะโอกาสเติบโต (Growth) เปิดแล้ว

องค์กรอมตะอย่างพุทธศาสนา ก็ทำเรื่องนี้ตั้งแต่โบราณกาลแล้วครับ คุณจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าแต่งตั้งเอกทัคคะตั้ง 80 รูป ผู้เป็นเลิศด้านต่างๆ เช่นพระสาลีบุตรเป็นเลิศด้านปัญญา เพราะฉะนั้นผู้เขียนมองว่า ใครถูกจริตกับะอกทัคคะด้านใด ก็จะเข้าไปสำนักนั้น เช่นพวกชอบสายปัญญาก็จะเข้าสำนักพระสาลีบุตร ชอบอิทธิฤทธิ์ก็จะเข้าสำนักของพระโมคคัลลา ด้วยเหตุนี้พระพุทธศาสนาจึงไปได้กับคนที่มีจริตหลายหลายประเภท เข้าข่ายเป็นองค์กรสำหรับพหุปัญญา (Multiple Inteligence) ครับ คนไม่ว่าจะในกรอบ นอกกรอบปานใดก็จะรู้สึกอยากเรียนรู้ในศาสนา และเข้ามามีส่วนร่วม (Learning) เพื่อเติบโต ไปสู่การบรรลุธรรม (Growth) ในที่สุด ทำให้ศาสนาพุทธเผยแพรไปในชนทุกหมู่เหล่า เติบโตมาถึงทุกวันนี้ครับ (เป็นทัศนะส่วนตัวของผู้เขียนครับ ถูกไม่ถูกน้อมรับคำชี้แนะครับ)

องค์กรสมัยใหม่เช่น 3M ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ครับ จึงกลายเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม

ใช่ว่า "วุฒิ" ด้านอื่นไม่สำคัญครับ แต่ต้องใช้ให้ถูก จะเป็นประโยชน์ยิ่งครับ แล้วผมจะเขียนมาเล่าต่อไปครับ

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #appreciative inquiry#learning organization
หมายเลขบันทึก: 325582เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2010 10:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • มาเรียนรู้กับเจงกิสข่าน
  • ใช้คนตามสติปัญญา.....
  • รู้จักปัญญาวุฒิ และ
  • องค์กรอมตะด้วย....

ขอบคุณค่ะ  ไว้มาอ่านต่อนะคะ

เจงกิสข่านเก่งจริงๆค่ะ เคยไปเที่ยวที่ Inner mongolia มีแต่ทะเลทรายกับทุ่งหญ้า ม้าแล้วก็อูฐ หนาวก็หนาว แต่คนที่โน่นเค้าก็ดูเป็นมิตรดีนะคะ สนุกสนานเฮฮาดี ถึงจะแห้งแล้งแต่คนมองโกลก็เอาตัวรอดมาได้แถมยังสู้รบขยายอณาเขตุไปกว้างใหญ่ไพศาล อย่าง ก๋วยเจ๋ง ในเรื่องมังกรหยกก็เป็นลูกหลานชาวมองโกลเหมือนกัน ( เกี่ยวกันไหม๊เนี่ย )

สงสัยต้องหาเจงกิสข่านมาดูแล้วครับอาจารย์

อ่านแล้วน่าสนใจดีครับ ผลว่าสังคมไทยแปลกครับ

ยังคงยึดติดกับอะไรเดิมๆ เรื่องวุฒิเนี่ย

โดยเฉพาะวัยวุฒิ และคุณวุฒิ

เรื่องวัยวุฒิ

บางทีผมมองว่ามันกลายเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมครับ เพราะคนหนุ่มๆไฟแรงบางคนมีความสามารถพร้อมกว่าคนมีอายุ

แต่ด้วยข้อจำกัด และความเชื่อของสังคมว่า คนแก่ต้องได้ขึ้นก่อน ทำให้หลายๆองค์กรก้าวหน้าได้ช้าครับ

เรื่องคุณวุฒิ

สังคมไทยเป็นพวกที่แปลกครับ ถ้าวิทยากรไม่ขึ้นชื่อว่า ดร. จะไม่ค่อยฟังกัน ไม่รู้เพราะอะไร

ผมมองว่าบางทีผู้รู้อาจจะไม่ต้องจบอะไรสูง อย่างเช่น เทคนิคการปลูกกล้วยอะไรแบบนี้ ผมว่าชาวนา ชาวไร้น่าจะมีความรู้

ความชำนาญที่ดีกว่า ดร. นำหน้าด้วยซ้ำ แต่ด้วยค่านิยมละครับ ทำให้คนไทยกลับมองเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับอาจารย์ การปกครองคนแบบเจงกิสข่านก็ไม่เลวนะครับ ^^

แวะมาครับ

ติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ

เห็นด้วยกับไพรัชช์ค่ะ

คนบางคนแม้มีคุณวุฒิ คือมีการศึกษามากกว่า

ในหลายๆ ครั้งยังต้องศึกษาประสบการณ์จากผู้มีวัยวุฒิ

อันนี้เด่นชัดค่ะ

แต่ว่า เอตทัคคะ (ผู้เป็นเลิศ) ของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล

จะเหมือนกันกับ การเข้าห้องแช๊ท แต่ละห้องของพันทิพย์รึเปล่าคะอาจารย์

แต่หนูว่าอย่างหลังเนี่ย สาระจะแตกต่างออกไปค่ะ

j

ถ้าเป็นจุดมุ่งหมาย เพื่อพ้นทุกข์อย่างถอนรากถอนโคนก็คล้าย ถ้าไม่ใช่ก็ต่าง

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ

ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่ม AI THAILAND ได้ที่

http://gotoknow.org/planet/aithanlandcom

ได้คำตอบเพิ่มเติมกับชีวิตแล้วครับ อ.โย

ยินดีด้วยนะครับ สำหรับ ป.เอก ของอาจารย์

อ.โยครับ

เขียนเรื่องนี้มา ทำให้ผมนึกสะท้อนวงการศึกษาครับ

ในวงการศึกษา แม่ทัพการศึกษา มักจะมาจาก ชาติวุฒิ คุณวุฒิ วัยวุฒิ

คนเก่ง มักถูกสกัดดาวรุ่ง

ขอบคุณครับ

small man

ขอบคุณมากที่แวะมาให้กำลังใจครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท