หนูลืมตาขึ้นมา พอระลึกว่าวันนี้เป็นวันที่ 1 จึงคิดว่าควรจะไปวัดเสียหน่อยหลังจากแต่งตัวเดินลงไป ข้างล่างหอพัก พอดีพี่อ้อยห้องข้าง ที่หนูเคยไปช่วยท่านงัดห้องน้ำตอนที่ห้องน้ำในห้องของท่านล็อคแล้วเปิดไม่ได้กลางดึก ท่านกำลังออกไปข้างนอก ท่านจึงถามว่าจะไปไหน หนูจึงบอกว่าจะไปร้านสะดวกซื้อแล้วก็จะซื้อของไปวัด ท่านจึงบอกว่า
“ขึ้นมาซิเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
หนูรู้สึกขอบพระคุณท่านมาก น้ำเสียงและแววตาที่ท่านมองมาที่หนู เป็นความจริงใจ ที่ใสบริสุทธิ์มากค่ะ ตลอดทางเราคุยกันสบาย ๆ เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราก็พึ่งได้เล่นบาสทีมเดียวกัน จนถึงร้าน 108 shop ท่านจึงจอดให้หนูลง แล้วท่านก็กลับรถขึ้นทางด่วนไป เพื่อไปทำธุระของท่าน
ซื้อของเสร็จหนูนั่งมอเตอร์ไซด์ไป วัดขณะที่เดินเข้าไป มีญาติโยมนั่งเต็มศาลา และมีพระท่านหนึ่งเทศน์ สอนด้วยน้ำเสียงที่ห้าวหาญว่า
“นิพพานมี ไม่ได้ไปไหน
นรก สวรรค์ นิพพานนี่ไม่ได้อยู่ไหนไกล
อยู่ที่ประสาทสัมผัสทั้งหกเรานี่แหละ
คนเราหน่ะ โดนประสาทสัมผัสทั้งหกครอบงำ
คอยให้ค่า ว่า ดี ว่าไม่ดี อาหารอร่อย ไม่อร่อย ดีใจ เสียใจ
ก็เลยไม่รู้จักกลาง ๆ นิพพานมันไม่ต้องรอตาย
ถ้าไม่เอาทั้งดีและไม่ดี ไม่ให้ค่า
กับการสัมผัสของปราสาทสัมผัสทั้งหก
อันประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
ก็จะพบนิพพาน นี่แหละคือ หัวใจของศาสนาพุทธ
แต่ไปถ้าใครอยากประสบความสำเร็จก็ให้มีสติ
ละความเห็นแก่ตัว ละความโกรธ”
ท่านยกตัวอย่างว่า
“การที่เราโกรธแสดงว่า เราตกนรกแล้ว แต่ถ้าเราดีใจจนลิงโลด ก็คือขึ้นสวรรค์ แต่ทั้งสองทางมันไม่สงบเย็น มันวิ่งขึ้น วิ่งลง เหมือนคนสามคนทำข้อสอบ
คนแรกเห็นของสอบอ่านแล้วบอกว่า อุ๊ยง่าย ๆ ดีใจมาก ลิงโลด แต่กลับกลายเป็นว่า อ่านโจทย์ไม่ชัด เขาบอกว่า ให้ขีดถูก หน้าข้อที่ผิด และให้กากบาทหน้าข้อที่ถูก เท่านั้นแหละ เขาก็สอบตก นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ แต่เขาขาดสติเลยทำให้สอบตก
เอ้าคนที่สองเห็นข้อสอบปุ๊บบอกว่า โอ๊ย มันยาก กลัวกังวล ทำข้อสอบด้วยความกังวลเครียด หวาดหวั่นไม่มีสติทำข้อสอบไม่ได้อีก ก็สอบตก
ส่วนคนที่สามมีสติ มีสมาธิในการทำข้อสอบ ข้อที่เขารู้เขาก็ตอบถูก จึงสอบผ่าน นี่จะเป็นคนไหน เป็นคนที่ทำข้อสอบอย่างสงบเย็น หรือ ทำข้อสอบแบบขาดสติ”
ใจหนูรู้สึกว่า “อืม ท่านสอนธรรมะง่าย ๆ ดี”
ท่านเล่าให้ฟังอีกว่า
“อาตมาเทศน์ที่อเมริกา ก็ไม่ได้พูดอะไรยาก ก็พูดแค่นี้แหละให้มีสติ ให้ดูปราสาทสัมผัส ให้ดูมันเฉย ๆ ตอนแรก ๆ มันก็ยากหน่อย ต้องฝึกไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่คอยคิดแต่ว่า เราเป็นปุถุชนตอนนี้ขอโกรธไปก่อน อย่างนี้มันจะถึงไหน ก็ทำมันตอนที่ความโกรธมานี่แหละคอยดูมันไปเรื่อย ๆ ฝึกไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรวยก็ถึงอรหันต์ได้เหมือนกัน อยู่ที่ทำเอา”
กราบขอบพระคุณพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบที่เมตตาเทศนาสั่งสอน ในวันขึ้นปีใหม่ และกราบขอบพระคุณครูที่ท่านอดทนบ่มเพาะสิ่งดีงาม ไว้ในใจของหนูค่ะ
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ไม่มีความเห็น