สอนเด็กลูกกรรมกรก่อสร้าง สอนที่ป้อมย่ามท้ายหมู่บ้าน
ด้วยเด็กลูกกรรมกรก่อสร้างที่มาเรียนกับคุณครู มีช่วงอายุที่แตกต่างกันมากตั้งแต่เด็กเล็กช่วงอายุ 2-3 ปี เด็กกลาง ช่วงอายุ 4-10 ปี เด็กโต คือ 10 ปีขึ้นไป ฉะนั้นการจัดการเรียนการสอนต้องจัดแบบหลากหลาย และใช้หลักสูตรตายตัวไม่ได้ต้องมีการปรับตามความอารมณ์และความต้องการของเด็ก
แต่หลักการของมูลนิธิฯ กลุ่มเด็กโตต้องเขียนชื่อตนเอง และอ่านหนังสือออกจะอยู่ในศูนย์กี่วันก็แล้วแต่ คุณครูต้องเร่ง เด็กกลุ่มโตครูจิ๋วเลยต้องรับอาสาสอนเอง และก็ปรับหลักสูตรของเด้กประถมวัยกับหนังสือเรียนชั้นประถมศึกษา
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว กลุ่มเด็กเล็กกับกลุ่มเด็กกลาง จำนอนหลับกว่าจะตื่นก็ประมาณ 15.00 น. คุณครูก็ล้างจาน-ชามช้อน หรือบางครั้งก็เตรียมการบ้านให้เด็กไปทำที่บ้านทุกวัน (เป็นการกระตุ้นที่ให้พ่อแม่เด็กลูกกรรมกรก่อสร้างเหล่านี้เห็นความสำคัญทางการศึกษาของลูก บางครั้งลูกก็กลับไปร้องเพลงให้ฟัง หรือท่องกลอนที่ครูสอนให้พ่อแม่ฟังด้วย) เด็กเล็กกับเด็กกลางต้องการความสงบเป็นอย่างมาก ส่วนเด็กโตต้องสอนอ่านผสมคำ ที่ต้องใช้เสียง
เด็กโตพร้อมครูจิ๋วต้องย้ายเดินถือหนังสือไปที่ป้อมย่ามท้ายหมู่บ้าน เป็นโรงเรียนกลางแจ้งที่แวดล้อมไปด้วยผัก และธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่เด็กโตเองก็พอใจที่ได้มีโอกาสออกมาพร้อมกับคุณครูในการเรียนรู้ร่วมกัน ครูจิ๋วจึงใช้สิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเป็นอุปกรณืในการสอน เช่นเด็ดในผักบุ้งมาระบายสีน้ำ แล้วนำมาแปะที่สมุดของตนเอง ก็สอนอ่านผสมคำว่า "ผักบุ้ง" ประกอบไปด้วยพยัญชนะอะไรบ้าง สระอะไรบ้าง แล้วก็ให้คัดลายมือตาม พร้อมกับการสร้างจินตนาการเรื่องการเล่านิทานเกี่ยวกับผักบุ้ง แล้วโยงกับไปที่คุณค่าของผักบุ้งทางโภชนาการ ซึ่งเด็กๆเองก็บอกว่า ครูจิ๋วทำไมผักบุ้งมีคุณค่ามากมายอย่างนี้เชียวหรือ!!!!
ในแต่ละวันครูจิ๋วต้องปรับหลักสูตร แต่สิ่งที่เห็นคือ เด็กโตทุกคน เขียนชื่อตนเองได้ พร้อมทั้งการอ่านผสมคำได้บ้างแล้ว และมีการยืมหนังสือนิทานไปอ่านที่บ้านด้วย
ความสุขของครูศูนย์เด็กก่อสร้าง คือ การตั้งใจเรียนของเด็ก พ่อแม่เด็กเริ่มเห็นความสำคัญการศึกษาของลูก เจ้าของโครงการสนับสนุนในเรื่องสถานที่ และไม่ขัดขวางในการทำกิจกรรมของคุณครู สิ่งเหล่านี้เป็นกำลัง หรือยาชูกำลังที่วิเศษสุดค่ะ
โชคดีของเด็กที่มีคนทำงานด้วยใจเสียสละ
ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณครูและเด็ก ๆ
อนุโมทนา สาธุ
ขอนมัสการพระคุณท่าน
ขอขอบคุณที่ให้กำลังใจในการทำงาน
เด็กไทยยังด้อยโอกาสอีกจำนวนมาก
ชอให้เราทุกคนได้ช่วยเหลือ ดูแลเด็กที่ใกล้ชิด
ให้ได้รับคำชี้แนะที่ถูกต้องด้วยน่ะค่ะ