สัปดาห์นี้ผมเริ่มสอนนิสิต ป.โทบริหารการศึกษา วิชากฏหมายการศึกษา ก่อนสอนได้อ่าน ได้ทบทวนความรู้ ประสบการณ์ต่างๆเพื่อเขียนประมวลการสอนรายวิชา และการสอนก็ใช้วิธีพบกันครึ่งทางคือ ป้อนให้ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นความรู้พื้นฐาน และจากนั้นก็ให้นักศึกษาไปค้นคว้านำมาแลกเปลี่ยนกันในห้อง จากกฏหมายสำคัญๆรวม 35 เรื่อง
พอดีผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "วิสัยทัศน์บรมครู" ซึ่งคณะอดีตผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกันจัดทำขึ้น(ที่จริงผมก็ได้มีส่วนร่วมด้วย) หลังออกพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เพื่อเป็นข้อคิดให้แก่นักบริหารรุ่นหลังในการปฏิรูปการศึกษาตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 ซึ่งมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ
วันนี้ขอมาแบ่งปันกันเฉพาะเรื่องจากลายพระราชหัตถเลขาของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 เรื่องการศึกษาของชาติ เล่มที่7 ตอนที่ 1 ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ และ ท่านม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้แปลเป็นภาษาไทยว่า
“ข้าส่งข้อความนี้มาเพื่อให้เสนาบดีและปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการอ่าน ข้าได้ขีดเส้นแดงใต้ข้อความบางตอน คือตอนที่ถูกใจข้า และตอนที่แสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งในเรื่องที่ข้ารู้สึกตลอดมา
ระบบการศึกษาและกฏเกณฑ์ทั้งหลาย ตลอดจนหลักสูตร แท้จริงทำให้เปลืองกระดาษไปเปล่าๆ ยิ่งกว่านั้นคือ เปลืองเวลาด้วย ถ้าไม่ทำให้ประชาชนเป็นอย่างที่เราต้องการสำหรับประเทศของเราได้เป็นผลสำเร็จ
ข้าไม่ได้หมายความว่าอะไรดีสำหรับเมืองอังกฤษจะต้องดีสำหรับเมืองไทยด้วย ตรงกันข้าม ถ้าจะเอาวิธีการของคนอังกฤษมาใช้ทั้งดุ้น โดยไม่มีการดัดแปลง ก็จะเป็นการผิดพลาดอย่างมหันต์ แต่บันทึกนี้อาจทำให้ผู้อ่านเกิดความคิดอะไรบ้าง
สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ข้าไม่ห่วงการปั้นนักเรียนชั้นมัธยมให้เป็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกคนได้คะแนนกันคนละหลายพันคะแนนเท่าการสร้างเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็งและสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่างๆซึ่งจะมีมาในอนาคต
ข้าไม่ต้องการนักเรียนตัวอย่างที่สอบไล่ได้คะแนนชั้นเกียรตินิยมทุกๆครั้ง ข้าไม่ต้องการตำราเรียนที่เดินได้ ข้าอยากได้ยุวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์สุจริต มีอุปนิสัยใจคอดี
ข้าจะไม่โศกเศร้าเลย ถ้าเจ้ามารายงานว่า เด็กคนหนึ่งเขียนหนังสือไม่คล่อง คิดเลขซ้อนไม่เป็น และไม่รู้วิชาเรขาคณิตเลย ถ้าข้ารู้ว่าเด็กคนนั้นได้ศึกษาพอที่จะรู้ว่าความเป็นผู้ชายคืออะไร และขี้แยคืออะไร
ข้าไม่อยากได้ยินคนฉลาดบ่นอีกว่า ปัญญาท่วมหัวเอาตัวไม่รอด สิ่งที่ข้าต้องการในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงคือ ให้การศึกษาเป็นเครื่องทำให้เด็กเป็นยุวชนที่น่ารัก และเป็นพลเมืองดี ไม่ใช่ทำลายบุคลิกภาพเสียหมดโดยบรรทุกหลักสูตรและระบบการต่างๆลงไป
ข้าต้องการให้การศึกษาเป็นสิ่งที่งดงามจนทำให้เด็กที่ออกไปแล้วหวนกลับมาคิดถึงในวันข้างหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
ขออย่าเอาโรงเรียนของข้าไปเปรียบกับโรงเรียนอื่น เพราะมีจุดหมายต่างกัน ถ้าข้าอยากจะได้โรงเรียนธรรมดาเพียงหลังหนึ่ง แล้วสร้างเป็นโรงเรียนไปมาจะไม่ดีกว่าหรือ จะสร้างโรงเรียนกินนอนขึ้นมาทำไม
ที่ข้ากล่าวมานี้จะเข้ากันได้กับระบบการศึกษาของเจ้าหรือไม่ก็ตาม ถ้าเข้าใจได้ข้าก็ดีใจ แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ ก็ขอให้วิธีการของข้าได้รับการพิจารณาดำเนินการโดยยุติธรรมด้วย อย่าพยายามบังคับให้ครูของข้าไปแจวเรือของเจ้า ให้มาแจวเรือของข้าเถิด เพราะกีฬาประเภทนี้ข้าคิดให้เขาเล่น และข้าเองจะเป็นผู้ให้ถ้วยรางวัล”
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๓
ขอให้คุณครูธเนศและครอบครัวมีความสุขดังบทบาลีที่ว่า เต อัตถลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธสาสเน อโรคา สุขิตา โหถะ สหสัพเพหิ ญาติภิ. ขอให้ครอบครัวของท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติ จงประสบสุขในสิ่งที่ปรารถนา มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ปราศจากโรคภัยและเจริญงอกงามไพบูลย์ในพุทธธรรมตลอดไป เทอญ.
เป็นพระราชหัตถเลขาที่ประเสริฐมากครับ
สุขสันต์วันปีใหม่ 2553 ทุกท่านครับ
สวัสดีปีใหม่ค่ะท่านอาจารย์ธเนศ ขอให้ท่านมีความสุข ความสงบ ความรุ่งเรืองในปีใหม่นี้นะคะ
ศิษย์ มกธ.ระยอง
สวัสดีปีใหม่ 2553 ครับท่าน ธเนศ ขำเกิด ผมติดตามอ่านความรู้จากท่านเท่าที่จะมีเวลา ท่านเคยไปนิเทศโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๙
ผมยังเก็บความภูมิใจที่ม่านไปนิเทศเสมอมา บทความที่ท่านนำเสนอทุกเรื่องมีประโยชน์อย่างยิ่ง ขอบคุณครับที่ท่านได้นำเสนอไว้
ขอให้ท่านมีความสุข และความรุ่งเรืองตลอดไป
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขกับการสืบสานงานพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อลูกหลานและชาติบ้านเมือง