สุขใจเมื่อไปขึ้นเตียงผ่าตัด (๘) : กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน


"ขอบคุณการเจ็บป่วยครั้งนี้ ที่ทำให้ผมได้ค้นพบความสุขบางอย่างที่ได้มาฟรีๆ ง่ายๆ จากสิ่งใกล้ๆ ตัว"

ลูกชายพาผมกลับมาถึงบ้านย่านรัชดา-ห้วยขวางราวบ่ายสามโมง กลับมาถึงผมก็นั่งลงตรงโซฟา ยังรู้สึกเพลียๆ จึงกะจะนั่งหลับสักงีบ ขณะที่ยังไม่หลับ ทอดสายตามองออกไปนอกบ้านผ่านผนังกระจกบานใหญ่ เห็นต้นไม้มากมายเรียงรายกันทั้งในบ้านผมเอง บ้านเพื่อนบ้าน และตลอดแนวถนน มะม่วงนั้นปลูกกันแทบทุกบ้าน แทรกด้วยมะยม ชมพู่ แสงจันทร์ เฟื่องฟ้า วาสนา ลีลาวดี กระถิน กล้วย ใผ่ ปาล์ม ฯลฯ

บรรยากาศยามบ่ายในหมู่บ้านวันทำงานมักเงียบๆ นานทีถึงจะมีรถวิ่งเข้าวิ่งออกสักคัน เพราะเป็นหมู่บ้านปิด สุดถนนในหมู่บ้านก็เป็นทางตัน วันนั้นที่ผมกลับจากโรงพยาบาล ก็เป็นวันหนึ่งที่เงียบมาก เป็นวันที่มีแดดจ้ากลางเดือนธันวาที่อากาศกำลังสบาย

ขณะที่ผมกำลังนั่งสบายๆ ในความเงียบสงัด มองต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียง จุ๊ก จุ๊กๆๆๆ กรู, จุ๊ก จุ๊กๆๆๆ กรู แว่วมาแต่ไกล จากต้นไหนก็ไม่รู้ แล้วก็มีเสียงนกเขาหลากหลายสไตล์ขันตามกันมา เช่น จุ๊กกรูววว, จุ๊กกรูวววจุ๊ก จุ๊กๆ กรู้ววว เมื่อบรรดานกเขาส่งเสียงขันกันไปสักพัก เสียงนกอื่นๆ ก็ดังขึ้นเซ็งแซ่ตามมา ทั้งจากหน้าบ้าน หลังบ้าน ข้างบ้าน ไกล้บ้าน ไกลบ้าน สลับกันไป มีทั้งเสียงจิ๊กจิ๊ก เล็กๆ สั้นๆ เสียงจี๊ดๆ ยาวๆ เสียงแกร็ก แกร้ว หนักๆ เสียงแต้วแว้วววว น่ากลัว, เสียงกา กา ฯลฯ

เสียงนกที่ผสมผสานกันไปมา ไม่รู้ว่ามีกี่ชนิดแน่ แต่คิดว่าไม่น้อยกว่า ๑๐ ชนิด ผมหลับตาฟังเสียงนกร้องประสานเสียงกันแบบนี้อย่างใจจดใจจ่อ พยายามจินตนาการตามว่าเสียงเล็กๆ แบบนี้เป็นนกอะไร เสียงใหญ่ๆ เป็นนกอะไร นึกออกบ้าง ไม่ออกบ้าง เพิ่งมานึกได้ว่าเรารู้จักนกอยู่ไม่กี่ชนิดเอง...

แล้วจู่ๆ ผมก็เกิดสะดุดใจขึ้นมาว่า ๒๐ ปีแล้ว ที่ครอบครัวเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ เท่าอายุลูกสาวคนเล็กพอดี หลังคลอดแล้วเราก็อุ้มพามาเลี้ยงที่บ้านนี้ บ้านนี้จึงเป็นบ้านแรกของเธอ

นี่เป็นครั้งแรกในรอบ ๒๐ ปีที่ผมได้ยินเสียงอะไรแบบนี้ ยิ่งฟังยิ่งดื่มด่ำประทับใจจนน้ำตาไหลออกมา ผมบอกกับลูกและภรรยาว่าน้ำตาไหลเพราะเสียงนกร้องที่บ้านของเราในวันนี้ เป็นเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน และผมก็ประทับใจมาก ทำให้เขาหายสงสัยว่าทำไมน้ำตาผมจึงไหล

เสียงนกทำให้ผมลืมความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดทั้งแผลนอกแผลในไปหมด ผมนั่งฟังอย่างเพลิดเพลินดื่มด่ำจนหลับไป

ตื่นขึ้นมาอีกที แดดอ่อนลงแล้ว บนถนนหน้าบ้าน ชาวบ้านทั้งหนุ่มทั้งแก่เริ่มออกมาเดินออกกำลังกายกัน แม่ลูกอ่อนเข็นลูกน้อยออกมาป้อนข้าว วันนั้นผมนุ่งโสร่งรู้สึกโล่งท้องดี ออกไปเดินช้าๆ ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว แล้วก็หยุด แล้วก็ก้าวไปเรื่อยๆ ตามแนวรั้ว ตัวยังงอๆ อยู่บ้าง 

เดินไปไม่ถึงร้อยก้าวรู้สึกปวดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องหยุดพักยืนเกาะกำแพงรั้วอยู่เฉยๆ มีนกกางเขนบ้านเล็กๆ สองตัวบินไล่กันผ่านหัวผมไป ดึงความสนใจเรื่องนกให้กลับขึ้นมาอีก ผมจึงพยายามมองหาว่ามีนกอะไรอีก โดยสอดส่ายสายตาไปตามต้นไม้ ตามกำแพงบ้านบ้าง ตามสายไฟฟ้าบ้าง ก็พบว่ามีหลายชนิดมาก บางทีเห็นไหวๆ อยู่ในต้นไม้ แต่พอโผล่ออกมากลายเป็นกระรอกวิ่งไปบนสายไฟฟ้าข้ามไปอีกฟากถนน นกบางพวกก็กำลังบินกลับมาจากหากิน ส่วนนกเขานั้นเป็นนกเจ้าถิ่นในหมู่บ้านนี้มาช้านาน

ตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาอยู่หมู่บ้านนี้ใหม่ๆ ก็เห็นนกเขาทุกวัน ขับรถก็ต้องระวังนกที่เดินไปเดินมาบนพื้นถนน

ติดกับหมู่บ้่านนี้มีบ้านหลังใหญ่ เขาใช้สนามหน้าบ้านที่กว้างเป็นไร่ เป็นสนามแข่งนกเขา แต่เดี๋ยวนี้เลิกแข่งไป จะด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ แต่เขาก็ยังเลี้ยงไว้ส่วนหนึ่ง นกเขาเหล่านี้ส่วนหนึ่งจึงเป็นนกที่เขาปล่อยออกมาเพราะขันแพ้ตัวอื่น อีกส่วนก็แวะเวียนมาเพราะเสียงขันของนกในกรง แล้วก็ถือโอกาสตั้งรกรากเสียที่นี่เลย เพราะมีนกที่ขันเก่งๆ ในกรงคอยแบ่งอาหารให้กิน โดยรวมแล้วจึงมีนกเขา(ที่เสรี)อยู่ร่วมร้อยตัว หลายสายพันธุ์ทั้งเขาดงตัวใหญ่และเขาบ้านตัวเล็ก ชาวบ้านบางคนชอบเอาอาหารมาวางไว้ให้นกกินบนทางเท้า เช่น เศษข้าวสวย แต่บางคนก็ซื้อข้าวเปลือกหรือเมล็ดถั่วมาโปรยสำหรับนกโดยเฉพาะ 

วันรุ่งขึ้น ผมมานั่งที่บนโซฟาตัวเดิมอีก รอคอยเวลาฟังเสียงนกแบบนี้อีก บ่ายสามโมงครึ่ง เสียงวงซิมโฟนีเครื่องลมวงใหญ่ก็ได้เวลาขับขาน นกเขาดงเสียงใหญ่เปิดฉากนำขึ้นก่อนเป็นพรีลูด (เพลงโหมโรง) จากนั้นเพลงต่อไปโดยปักษานานาชนิดก็ตามมาเป็นกระบวน ด้วยท่วงทำนองช้าบ้างเร็วบ้าง สูงบ้างต่ำบ้าง บางครั้งก็สลับด้วยทำนองกระโดดๆ แบบที่ภาษาดนตรีเรียกสแต็กกาโต้ บางช่วงก็เงียบไปเฉยๆ เหมือนเป่าสาก ราวกับจะให้ผู้ฟังได้พักครึ่งเวลา หรือที่ภาษาคอนเสิร์ซเรียก อินเทอร์มิสชั่น จากนั้นพอมีตัวหนึ่งร้องนำขึ้น ตัวอื่นๆ ก็ขานรับกันเซ็งแซ่ขึ้นมาอีก

ผมนั่งหลับตาฟังไปน้ำตาไหลไปเกือบทุกวัน ในขณะที่รู้สึกจับใจกับเสียงอันไพเราะของเหล่าสกุณานั้น ก็รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ผ่านมาตั้ง ๒๐ ปี เพิ่งจะได้ยิน เพิ่งรู้ว่ามีวงดนตรีเครื่องลมเป่าอคูสติกธรรมชาติแท้ๆ วงใหญ่ให้ฟังฟรีๆ ทุกวัน แต่เราไม่เคยฟัง

บางครั้งฟังไปฟังมาก็เข้าสู่ภวังค์ รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกของปักษีที่อยู่ร่วมกับมาแต่ดึกดำบรรพ์ แต่ไม่รู้จักกัน เขาแอบกระพริบตาให้เราอย่างอ่อนหวาน แต่เราไม่รับสัญญาณ แปลกแยก เขามีกิจกรรมตามวิถีของเขา เราก็มีกิจกรรมตามวิถีของเรา แต่ทั้งเราและเขาก็อยู่ด้วยกันโดยแบ่งปันพื้นที่ แบ่งปันทรัพยากรกัน เป็นสองโลกที่ผสานกัน มนุษย์เรา รวมทั้งผม มัวแต่ต่างคนต่างก็พูดต่างฟังแต่เสียงของพวกเดียวกันเอง จนไม่ได้ยินเสียงของโลกอื่นที่มีอยู่จริง

หมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้ผมพักฟื้นอยู่บ้านไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทุกบ่ายพอได้เวลาผมจะมานั่งเงี่ยหูฟังเสียงนก พบว่าเขามีเวลาที่แน่นอนของเขาซึ่งเป็นเวลาแบบเดียวกับเรา นั่นคือวันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมงเหมือนกัน ในทุกๆ วันเวลาสามโมงครึ่งตามนาฬิกาของเราเป็นเวลาโหมโรงของเขา ทั้งเราและเขาแบ่งปันเวลาที่ไม่ได้เป็นของใคร แต่เป็นของจักรวาลร่วมกัน

การพักฟื้นอยู่ที่บ้านคราวนี้ จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผมได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างทางความรู้สึก จากการสัมผัสตรง (ไม่ใช่แค่ความรู้ระดับเหตุผลจากการคิดวิเคราะห์เอา) ว่า มนุษย์เราไม่โดดเดี่ยว เราอยู่ร่วมกับเหล่าสรรพสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย เพียงแต่เราไม่รู้จักสัมผัสโลกของเขาที่อยู่รอบตัวเรา

เสียงนกที่เปิดหูเปิดตาผมขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ผมรักบ้านหลังนี้ขึ้นมาอีกมาก ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่

ผมรู้สึกขอบคุณการเจ็บป่วยครั้งนี้ ที่ทำให้ผมได้ค้นพบความสุขบางอย่างที่ได้มาฟรีๆ ง่ายๆ จากสิ่งใกล้ๆ ตัว

สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
๒๔ ธ.ค.๕๒

------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านบันทึกทั้ง ๙ ตอนในชุดผ่าตัดไส้เลื่อนของผมได้โดยคลิกลิงก์ข้างล่างนี้ครับ

  1. รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นไส้เลื่อน (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321431)
  2. เมื่อวันนัดผ่ามาถึง (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321469)
  3. ผ่อนคลายในห้องเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321489)
  4. ความสุขที่เกิดขึ้นภายในใจระหว่างทางสู่ห้องผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321619)
  5. ในห้องผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321793)
  6. ผลข้างเคียงจากการบล็อกหลังในห้องสังเกตอาการหลังผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322526)
  7. พักฟื้นในหอผู้ป่วย (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322581)
  8. กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322678)
  9. หมอที่มีหัวใจมนุษย์ (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322779)
หมายเลขบันทึก: 322678เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 17:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับ...

อ่านบันทึกอาจารย์แล้ว ทำให้ผมได้ทบทวนตัวเองอย่างใคร่ครวญไปด้วย  ตั้งเเต่บันทึก เรื่องของ คนบ้าคนหนึ่งแถบย่ายเยาวราช เเล้ว...

เรามักลืมไป ลืมความสวยงามที่มีมากมาย เรามัวแต่มุ่งตรงไปยังจุดเป้าหมาย น่าเสียดายเรื่องราวดีๆระหว่างทาง

เรื่องราวอาจารย์ในบันทึกนี้ที่บ้าน เป็นการภาวนาอย่างหนึ่งนะครับ

ผมนั่งสนทนากับ ดร.ยุวนุช ที่ระเบียงริมน้ำป่าสักในวันหนึ่ง อาจารย์เล่าให้ผมฟังว่า ในวันที่เงียบสงบ อาจารย์จะได้ยินเสียงต่างๆรอบตัว และจะคาดคะเนระยะใกล้ ไกล เสียงที่ว่าเบาๆแต่ต้นเสียงไกลๆก็ยังเเว่วกังวานมา มีสมาธิ และมีความสุขกับการนั่งนิ่งๆเพื่อฟังความเคลื่อนไหวเหล่านั้น

บันทึกนี้ทำให้ผมคิดถึงบทสนทนา ระหว่างผม กับ ดร.ยุวนุชครับ

-----------------------------------------

เย็นวันนี้ ผมก็ลองนั่งเงียบๆที่ห้องพักที่ศาลายา ผมก็ได้ฟังเสียงนกหลากชนิดจากป่าเล็กๆหลังห้อง อย่างน้อยผมก็แอบเห็นครอบครัวนกกระจิบที่มีความสุข รังของเขาอยู่หลังห้องผมเอง(เพียงมือเอื้อมถึง)  เราอยู่ด้วยกันมานานเเล้วครับ จนเขาคุ้นกับผมและผมเองก็คุ้นกับเขา

ทุกวันนี้ เขาจะส่งเสียงปลุกผมทุกตอนเช้า

ผมได้โจทย์ ในวันเริ่มต้นปีใหม่ปีนี้เเล้วครับ คือ

"การมีความสุขง่ายๆจากสิ่งใกล้ตัว"

 

ขอบคุณครับอาจารย์

ฝากสวัสดีตอนเช้าครอบครับนกกระจิบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท