สุขใจเมื่อไปขึ้นเตียงผ่าตัด (๗) : พักฟื้นในหอผู้ป่วย


"เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีปิดแผลแบบไม่ต้องกลัวโดนน้ำ"

ประมาณ 5 โมงครึ่ง ผมตื่นขึ้นมา เริ่มรู้สึกปวดแผลผ่าตัดเล็กน้อย คิดในใจว่ายาบล็อกหลังเริ่มหมดฤทธิ์ ลองขยับเท้าดู เห็นปลายเท้าซ้ายเริ่มขยับได้เล็กน้อยอยู่ใต้ผ่าห่ม ก็เลยดีใจ

แต่การฟื้นจากอาการชาก็ต้องแลกกับการเจ็บปวด เมื่อความปวดที่แผลผ่าตัดเริ่มมากขึ้นๆ ก็นึกถึงพยาบาลที่บอกไว้ว่า หากปวดก็ให้กดปุ่มขอยาแก้ปวด หากปวดไม่มากก็ยาเม็ด หากปวดมากก็ยาฉีด ผมยังรู้สึกปวดไม่มากก็เลยขอยาเม็ด

กินยาเม็ดแก้ปวดเข้าไปได้เกือบชั่วโมงไม่ได้ผล รู้สึกเวลายิ่งผ่านไปยิ่งปวดหนักขึ้นอีก คราวนี้ปวดลามไปทั้งท้องน้อย ผมเข้าใจว่าผมคงปวดปัสสาวะอย่างแรงร่วมด้วยจึงปวดไปทั่วท้อง

พยาบาลสองคนเข้ามา ผมบอกว่าผมปวดปัสสาวะ พอพวกเธอเปิดผ้าห่มผมออก ปรากฏว่าผ้าปูที่นอนนองไปด้วยน้ำ เสื้อท่อนล่างก็เปียกหมด ผมปัสสาวะออกมาโดยไม่รู้ตัว หรือมันล้นออกมาจากกระเพาะปัสสาวะเองเพราะเต็มผมก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่ามันออกมาเอง เธอบอกว่าดีแล้วที่ปัสสาวะได้เอง ไม่ต้องสวน บางคนที่ผ่าตัดเสร็จแล้วปัสสาวะไม่ออกก็ต้องสวน

พยาบาลช่วยกันทำความสะอาดเตียง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ผ้าห่มใหม่ เช็ดตัว ขัดสีฉวีวรรณ ทาแป้งหอม แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ผมเสร็จแล้ว พนักงานโภชนาการก็นำอาหารเย็นเข้ามาให้ เป็นชุดข้าวต้ม ภรรยาผมช่วยป้อนทีละช้อน ผมขอกินแต่ข้าวต้มเปล่าๆ ร้อนๆ อย่างเดียวก่อน ไม่เอากับข้าว รู้สึกเป็นข้าวต้มเปล่าร้อนๆ ที่อร่อยที่สุดมื้อหนึ่งในชีวิตทีเดียว

กินข้าวเสร็จแล้วขณะทำท่าจะนอนต่อ รู้สึกอาการปวดมันเพิ่มมากขึ้นๆๆๆๆ จนไม่สามารถข่มตามให้หลับได้ จึงกดปุ่มข้างเตียงเรียกพยาบาลเข้ามาอีกครั้ง ผมบอกว่าหากปวดแบบนี้ คืนนี้ผมไม่ได้นอนแน่ ที่ใบหน้าและลำคอผมตอนนี้เหงื่อเริ่มพลั๊กออกมาทั้งๆ ที่แอร์เย็น เลยขอยาฉีด เธอบอกว่าเป็นมอร์ฟีน ผมก็ว่าได้ ฉีดเถอะ ได้ยาฉีดแก้ปวดเข้ากล้ามที่แขนไปเข็มหนึ่ง ไม่นานอาการปวดก็ทุเลาลง แล้วผมก็หลับปุ๋ยไปอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ต้องใช้ยาฉีดอีกเลย ยาเม็ดแก้ปวดที่หมอสั่งให้เป็นพิเศษครั้งละเม็ด (ไม่ใช่พาราฯ) ทุก 4 ชั่วโมงก็เพียงพอ

คืนนั้นทั้งคืน พยาบาลผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ และถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง รวมทั้งปัสสาวะกี่ครั้งแล้ว ปรากฏว่าทุกอย่างผมปกติหมด แม้แต่ปัสสาวะผมก็จัดการถ่ายลงในโถบนเตียงด้วยตนเองเป็นระยะ โดยภรรยาหรือไม่ก็พยาบาลคอยนำไปเทและล้างในห้องน้ำให้

เช้าขึ้นมามีทีมผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยกันเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ให้แต่เช้า ตามด้วยอาหารเช้า ผมสามารถนั่งรับประทานบนเตียงเองได้

เตียงนี้มีรีโมทสั่งให้ยกด้านหัวเตียงขึ้นมาอยู่ในท่านั่งได้ แล้วยังปรับได้หลายแบบมาก ผมลองเล่นอยู่พักหนึ่ง แบบหัดขับ จนชำนาญ ปุ่มที่ชอบมากคือปุ่มยกเตียงลอยสูงขึ้นทั้งเตียง แล้วก็ลดระดับลงไปจนต่ำสุด ผมกดเล่นเป็นระยะๆ ชอบมากเวลานอนหงายตัวตรงๆ แล้วกดให้ลอยขึ้นจนสุด แล้วก็หยุด แล้วก็กดให้ค่อยๆ ลดระดับลง สนุกดี นึกถึงหนังเรื่องเอ็กซอร์ซิสท์

เวลาที่ไม่นอน ผมก็อ่านหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คที่เตรียมมาด้วย ปรากฏว่าอยู่โรงพยาบาล 3 วันอ่านไปได้เกือบจบเล่ม บางทีก็เช็คเมล์ผ่านมือถือ ผมไม่อยากรับโทรศัพท์ใคร เช็คเมล์เสร็จแล้วก็ปิดโทรศัพท์เลย ขณะเปิดอยู่ ถ้ามีโทรเข้ามาพอดี ก็เลือกรับเฉพาะคนที่อยากคุยด้วย สิ่งที่ผมไม่ทำเลยคือเปิดทีวีดู เดี๋ยวนี้ผมจะดูทีวีเฉพาะรายการที่เล็งไว้ก่อน ไม่มีการเปิดขึ้นมาเพื่อหาว่าจะดูอะไร

มีญาติสนิทและเพื่อนสนิทมาเยี่ยมอยู่บ้างไม่กี่คนเพราะไม่ได้บอกใคร ไม่อยากรบกวนใคร ปรากฏว่าได้รับการเยี่ยมจากหมอและพยาบาลนั่นแหละมากที่สุด หากไม่นับลูกสาวที่เลิกเรียนแล้วมาเยี่ยมทุกวัน และพยาบาลที่เข้ามาเป็นระยะเพื่อทำหน้าที่วัดความดันและอะไรต่อมิอะไรแล้ว ก็มีคุณหมอไพโรจน์ ผู้ทำผ่าตัด มาทุกวัน วันแรกเดินเข้ามา พอเจอหน้าก็ถามว่า “เป็นไง เดินได้แล้วใช่มั๊ย?” ผมตอบว่า เดินไปห้องน้ำได้ถ้ามีคนช่วยพยุง ท่านก็บอก ว่าเดี๋ยวก็เดินได้ แล้วก็สอบถามเรื่องแผล เรื่องอาการปวด ต่างๆ

หัวหน้าพยาบาลประจำวอร์ดก็มาแนะนำตัวและคุยด้วยพักใหญ่ บอกว่าหากผมมีข้อคิดเห็นอะไรก็แนะนำได้ มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกนะคะ ผมไม่มีความเห็นอะไร มีแต่ชมเพราะผมประทับใจ ช่วงนั้นภรรยาผมลงไปหาซื้อผลไม้อยู่ข้างล่าง นึกขึ้นมาได้ว่าโถปัสสาวะที่เพิ่งถ่ายเสร็จยังไม่ได้เท นึกในใจว่า เอ...จะดีหรือเปล่า ถ้าเราใช้คนไม่เคยรู้จักไปเทฉี่เรา แต่ก็อยากลองดู เลยบอกเธอโดยใช้คำพูดแบบสุภาพว่า "ไม่ทราบว่า..." ปรากฏว่าพูดยังไม่ทันขาดคำ เธอรีบคว้าโถฉี่ผมไปจัดการเทและล้างกลับมาวางที่เก่าให้ทันที ขณะที่เธอก้มตัววางลง เธอคงสังเกตเห็นฝาปิดแก้วน้ำที่ผมทำหล่นลงข้างเตียง เธอก็หยิบเอาไปล้างด้วย ช่างดีจริงๆ ผมก็ขอบอกขอบใจเธอยกใหญ่ ไม่คิดว่าพยาบาลอาวุโสรุ่นใหญ่จะปฏิบัติต่อเราอย่างนี้

พยาบาลวิสัญญีก็ขึ้นมาเยี่ยมด้วย คุยกันพักหนึ่งผมถึงจับทางได้ว่า มาติดตามอาการพร้อมประเมินผลการให้บริการไปด้วย ผมก็บอกไปว่าประทับใจ ขณะที่เธอเข้ามานั้น ผมกำลังนั่งเขียนบันทึกอยู่บนเตียง เลยขอให้เธอช่วยอ่านหน้าที่กำลังเขียน เธออ่านแล้วก็ประทับใจ เธอเล่าว่า เคยเจอผู้ป่วยคนหนึ่งชอบเขียนบันทึกบนเตียงแบบนี้เหมือนกัน  

มีเรื่องหนึ่งที่ภรรยาผมจะอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้ง นั่นคือทั้งพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล และพนักงานโรงพยาบาลที่เดินเข้ามา พากันเรียกผมว่า “คุณลุง” ทุกคนเลย ผมลองโกนหนวด หวีผมอย่างดี ทำหน้าหนุ่มๆ แล้วก็ยังเป็นคุณลุงอยู่ดี จำต้องยอมรับว่าตนเองเริ่มแก่แล้ว อย่างน้อยก็กำลังเข้าสู่วัยชราตอนต้น เพียงแต่ใจมันยังเห็นตนเองยังเด็กอยู่ตลอดเวลา

รวมเวลาที่ผมอยู่โรงพยาบาลทั้งหมดเพียง 3 วัน รวมวันผ่าตัด วันที่สามตอนเช้า คุณหมอไพโรจน์มาเยี่ยมรอบหนึ่ง ตรวจดู คุยกันแล้ว ก็บอกว่า แข็งแรงดีแล้วนี่ ไปพักต่อที่บ้านนะ ผมก็พยักหน้า พอใกล้ๆ เที่ยงท่านก็มาใหม่อีกรอบ ทุกครั้งที่มาก็มีพยาบาลมาด้วย ท่านเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้ผมด้วยตนเอง โดยพยาบาลคอยยื่นอุปกรณ์ให้ ส่วนพลาสเตอร์นั้นท่านใช้แผ่นใสใหญ่มองทะลุ ขนาดประมาณซองจดหมายปิดทับลงไป พร้อมบอกว่าเป็นพลาสเตอร์กันน้ำ อาบน้ำได้เลย แต่พยายามอย่างให้โดนสบู่ ผมเลยได้ความรู้ใหม่ว่าเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีปิดแผลแบบไม่ต้องกลัวโดนน้ำด้วย

หลังอาหารเที่ยงวันนั้น ผมวานภรรยาไปขอใบแสดงความคิดเห็นของโรงพยาบาลมาให้ผมเขียนใบหนึ่ง ผมก็ให้คะแนนทุกช่องดีหมอ ตรงส่วนหลังที่ให้เขียนข้อแนะนำ ผมนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง เขียนไปว่า พนักงานเข็นรถเข็นของโรงพยาบาลบางคน (เน้นว่าบางคน) ขณะเข็นเราแต่ใจเขาไม่ได้อยู่กับเรา คุยกันเองตลอด ทั้งนอกลิฟท์ในลิพท์ ซึ่งผมไม่ได้หงุดหงิดอะไรเขาหรอก เพียงแต่คิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าเขาเพียงสวัสดีกันตามมารยาทแล้วเอาใจใส่ผู้ป่วยไปให้ตลอดทางจนกว่าจะถึงที่หมาย ซึ่งก็เข้าใจว่าคงจะบอกเขาได้  และหากเรื่องนี้ไม่แก้ไขก็ไม่มีผลอะไรต่อความพอใจในโรงพยาบาลนี้ของผม

ลูกชายผมขับรถมารับผมกับภรรยากลับบ้านตอนบ่าย หมอให้ยาแก้ปวดกับยาแก้ไข้มารับประทานต่อที่บ้าน หากรู้สึกปวดหรือมีไข้

ขณะเขาเข็นผมลงมาผมก็ยกมือลาใครต่อใครไปตลอดทาง “กลับแล้วนะครับ ผมกลับบ้านแล้วนะ”  บ๊ายบ่าย

---------------------------------------------------------------------------------------

อ่านบันทึกทั้ง ๙ ตอนในชุดผ่าตัดไส้เลื่อนของผมได้โดยคลิกลิงก์ข้างล่างนี้ครับ

  1. รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นไส้เลื่อน (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321431)
  2. เมื่อวันนัดผ่ามาถึง (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321469)
  3. ผ่อนคลายในห้องเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321489)
  4. ความสุขที่เกิดขึ้นภายในใจระหว่างทางสู่ห้องผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321619)
  5. ในห้องผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/321793)
  6. ผลข้างเคียงจากการบล็อกหลังในห้องสังเกตอาการหลังผ่าตัด (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322526)
  7. พักฟื้นในหอผู้ป่วย (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322581)
  8. กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322678)
  9. หมอที่มีหัวใจมนุษย์ (http://gotoknow.org/blog/inspiring/322779)
หมายเลขบันทึก: 322581เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 12:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 16:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท